เลือกให้เหมาะ-ฟันปลอม-กับ-รากฟันเทียม-ต่างกันอย่างไร

เลือกให้เหมาะ ฟันปลอม กับ รากฟันเทียม ต่างกันอย่างไร

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “รอยยิ้ม” เป็นสิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แต่หากรอยยิ้มนั้นไม่สมบูรณ์หรือขาดหายไป เชื่อแน่ว่าย่อมสร้างความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือทำให้บุคลิกภาพเสียไป ดังนั้นการสูญเสียฟันก่อให้เกิดผลเสียไม่น้อยไม่เพียงแต่ในเรื่องของความสวยงาม แต่ยังรวมไปถึงปัญหาต่อระบบบดเคี้ยว ทำให้การเคี้ยวไม่มีประสิทธิภาพ ทานได้น้อยลง นอกจากนี้ การสูญเสียฟันซี่ใดซี่หนึ่งไปนาน ๆ จะมีช่องว่าง ทำให้เกิดการเคลื่อนตัว ฟันเกิดการล้มเอียง ซ้อนเกหือยื่นยาว นั่นยิ่งจะสร้างปัญหาให้เศษอาหารเข้าไปติดตามซอกที่ห่างได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดยาก ก็จะเกิดการสะสมของเชื้อโรค ล้วนเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการละลายของกระดูกรองรับรากฟัน และจะเกิดอาการฟันโยกและสูญเสียฟันในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีทางเลือกให้ผู้ที่สูญเสียฟันได้มีโอกาสที่กลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามเหมือนเดิม อย่างฟันปลอมและรากฟันเทียม แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกใช้แบบไหนจึงจะเหมาะ เราจะไปทำความเข้าใจกันค่ะ ฟันปลอม กับ รากฟันเทียม ต่างกันอย่างไร

ฟันปลอมคืออะไร?


ฟันปลอมคือฟันเทียมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว รวมถึงเพื่อเติมเต็มและป้องกันการล้มหรือเอียงของฟันซี่อื่น ๆ โดยเราสามารถแบ่งชนิดของฟันปลอมได้เป็น  2  ชนิด ดังนี้

1. ฟันปลอมชนิดถอดได้ เป็นฟันที่มาทดแทนฟันหนึ่งซี่หรือมากกว่า ซึ่งจะมีทั้งฐานที่เป็นพลาสติกและโลหะ ผู้ใช้สามารถใส่หรือถอดฟันปลอมชนิดได้ด้วยตัวเอง ฟันปลอมชนิดนี้จะอาศัยตะขอในการยึดกับตัวฟัน หรือความแนบสนิทของฐานฟันปลอมกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งมีข้อดีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการทำความสะอาด ความประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะฟันปลอมชนิดนี้จะมีราคาที่ถูกกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น ส่วนข้อเสียนั้น คือ ไม่สวยงาม ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวต่ำกว่าฟันปลอมชนิดอื่น อีกทั้งอาจจะก่อให้เกิดความรำคาญกับผู้ใช้เองเนื่องจากจำเป็นต้องถอดทำความสะอาดทุกครั้งหลังทานอาหาร ก่อนนอน เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อในช่องปากอักเสบและป้องกันการหลุดเข้าคอขณะนอนหลับ

2. ฟันปลอมชนิดติดแน่น เป็นฟันปลอมที่ยึดแน่นทั้งปาก โดยจะมี 2 แบบ คือ

2.1 สะพานฟัน ใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียเนื้อฟันบางส่วนเนื่องจากฟันผุหรือฟันแตกที่เรียกว่า การครอบฟัน หรือกรณีที่ใช้ทดแทนฟันที่หายไป ซึ่งต้องกรอฟันด้านข้างให้เป็นซี่เล็ก ๆ และใส่เข้าไปเชื่อมกันเป็นลักษณะสะพาน เรียกว่า สะพานฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ฟันหายไปไม่กี่ซี่ และมีข้อจำกัดในการผ่าตัดหรือมีเวลาจำกัด แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ช่องว่างไม่มีฟันข้างเคียงเป็นหลักยึดด้านใดด้านหนึ่ง รวมถึงผู้ที่มีภาวะปริทันต์ไม่แข็งแรง เนื่องจากการใส่สะพานฟัน ทำให้การทำความสะอาดฟันยากขึ้น จะยิ่งเป็นการเร่งโรคปริทันต์ให้รุนแรงขึ้น ซึ่งข้อดีคือมีขนาดเหมือนฟันธรรมชาติ ใส่สบายกว่า ข้อเสีย คือ เมื่อต้องมีการกรอฟันด้านข้างให้เล็ก พอใช้งานไปเรื่อย ๆ อาจจะเกิดฟันผุใต้ฟันซี่ที่ถูกกรอได้ โดยปกติสะพานฟันจะมีการใช้งานประมาณ 5-6 ปี แล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ วัสดุจะทำมาจากโลหะหรือโลหะเคลือบกระเบื้องให้ใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติ

         2.2 รากฟันเทียม จะเป็นวัสดุโลหะที่มีรูปร่างคล้ายรากฟัน โดยจะนำเข้าไปฝังไว้ในกระดูกขากรรไกร ทดแทนรากฟันที่หายไปจากการที่ฟันถูกถอนออกไป ฟันปลอมชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟันที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด สามารถบดเคี้ยวได้ดี รวมถึงไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง ทำความสะอาดได้ดี และยังมีความคงทนมากที่สุดในบรรดาฟันปลอมทั้งหมด ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับกรณีฟันหลุดหายไป 1-2 ซี่ แต่ข้อเสียคือ มีราคาที่สูง

กล่าวโดยสรุปแล้ว ความแตกต่างระหว่างฟันปลอมและรากฟันเทียม คือ รากฟันเทียมเป็นส่วนหนึ่งของฟันปลอมในชนิดติดแน่น หรือเราอาจจะเรียกได้ว่า เป็นฟันปลอมยุคใหม่ก็คงไม่ผิดนัก ซึ่งสามารถให้ร่วมกันกับฟันปลอมชนิดอื่น ๆ ได้นั่นเองค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

รากฟันเทียม กับเทคนิคฝังรากฟันด้วยระบบ Computer-guided surgery

รากฟันเทียม กับเทคนิคฝังรากฟันด้วยระบบ Computer-guided surgery

รากฟันเทียม กับเทคนิคฝังรากฟันด้วยระบบ Computer-guided surgery

รากฟันเทียม คืออะไร ?

รากฟันเทียม หรือรากเทียม คือ วัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟัน ทำมาทดแทนรากฟันจริง โดยจะทำมาจากไททาเนียม ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ ใช้สำหรับฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ ที่สามารถรองรับ การทำฟันปลอม, การครอบฟัน และ การทำสะพานฟันได้ ปัจจุบัน รากฟันเทียม ถือเป็นฟันปลอมที่ดีที่สุด คล้ายฟันธรรมชาติมากที่สุดเลยทีเดียว

 

ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม

การทำรากฟันเทียมนั้นมีขั้นตอนการรักษาที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความชำนาญของทันตแพทย์เป็นอย่างมาก เพื่อให้ผู้ป่วยได้ผลลัพธ์ของการฝังรากฟันเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นก่อนการตัดสินจำทำรากฟันเทียม จึงต้องมั่นใจว่าทันตแพทย์ที่เราตัดสินใจให้มารักษาเรานั้นมีความเชี่ยวชาญจริงๆ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกทำรากฟันเทียมได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Computer Guided Implant Surgery เทคโนโลยีที่ทำให้ทันตแพทย์ระบุตำแหน่งฝังรากเทียมได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดขนาดแผล ลดเวลาในการผ่าตัด และลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัดได้อีกด้วย

 

Computer Guided Implant Surgery คืออะไร?

Computer Guided Implant Surgery เป็นการวางแผนการฝังรากเทียมด้วยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (Cone-Beam CT) เพื่อช่วยในการวางแผนรักษาและกำหนดตำแหน่งฝังรากฟันเทียมที่เหมาะสมที่สุด ภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิตินี้ ยังช่วยให้ทันตแพทย์สามารถเลือกขนาดรากเทียมได้สอดคล้องกับตำแหน่งฟันที่จะใส่ทดแทน

 

ขั้นตอนการทำรากเทียมด้วย Computer Guided Implant Surgery

  1. เริ่มต้นพิมพ์ปาก หรือใช้เครื่องสแกนถ่ายภาพในช่องปาก และถ่ายภาพรังสีแบบ 3 มิติ (Cone-Beam CT)
  2. นำภาพข้างต้นมาวางแผนการรักษา โดยอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่แสดงผลจากภาพมาพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณและลักษณะของกระดูก รวมไปถึงอวัยวะสำคัญต่างๆ ที่อยู่ภายในช่องปาก โดยทันตแพทย์จะประเมินและกำหนด จำนวน ความยาว และขนาดของรากเทียมที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน
  3. ทันตแพทย์จะออกแบบอุปกรณ์ สำหรับกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียม
  4. ฝังรากฟันเทียม ตามแผนที่วางไว้ โดยใช้อุปกรณ์กำหนดรากฟันเทียม ที่จะช่วยให้ฝังรากเทียมลงบนตำแหน่งที่แม่นยำมากที่สุด
  5. หลังจากฝังรากฟันเทียม อาจต้องทิ้งช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละรายว่าตอบสนองกับรากเทียมเร็วแค่ไหน หากการฝังรากเทียมมีผลลัพธ์ที่ดี ทันตแพทย์จะเริ่มทำการครอบฟันหรือทำฟันปลอมบนรากฟันเทียมต่อไป

 

ทำไมต้องเลือกเทคโนโลยี Computer Guided Implant Surgery
  1. ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากทันตแพทย์
  2. ลดความผิดพลาดของตำแหน่งรากเทียม
  3. ฝังรากฟันเทียมได้ในตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่กระทบอวัยวะส่วนอื่นๆ
  4. ทันตแพทย์ประเมินการรักษาได้แม่นยำมากขึ้นเพราะเห็นรายละเอียดของกระดูกและรูปร่างของฟันแบบ 3 มิติ
  5. ลดขนาดแผลผ่าตัด ลดความเจ็บปวด และลดเวลาในการพักฟื้น

 

การใช้เทคโนโลยี Computer Guided Implant Surgery นั้นจะช่วยให้การทำรากฟันเทียมมีประสิทธิภาพสูงสุดและเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับรักษาที่น่าพึ่งพอใจนั่งเอง

 

—————————————————————————————————————-

ติดต่อคลินิกทันตกรรม บางพลี
จัดฟัน รากฟันเทียม ทำฟันเด็ก เคลือบฟัน ทำฟันประกันสังคม
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรมบางพลี BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)