แปรงฟันที่ถูกวิธี บ้วนน้ำหลังแปรงสำคัญไหม

แปรงฟันที่ถูกวิธี บ้วนน้ำหลังแปรงสำคัญไหม

แปรงฟันที่ถูกวิธี บ้วนน้ำหลังแปรงสำคัญไหม?

มีใครเคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าที่เราแปรงฟันกันอยู่ทุกวันนี้ แปรงฟันกันถูกวิธีแล้วหรือยัง และเวลาหลังแปรงฟันเราควรบ้วนน้ำหรือไม่ นับว่าเป็นข้อถกเถียงกันมามากว่า บ้วนน้ำหลังแปรงฟันแบบไหนถึงจะดี หรือการบ้วนน้ำหลังแปรงฟันจริง ๆ แล้วมันสำคัญจริง ๆ หรือเปล่า

การบ้วนน้ำหลังแปรง = ความเข้าใจผิด

ในช่วงหลังที่ทันตแพทย์ออกมารณรงค์และแนะนำให้คนแปรงฟันโดยไม่บ้วนปาก หรือที่เราเรียกว่า “แปรงแห้ง” เพื่อป้องกันฟันผุ หลายคนมักเอาแปรงไปจุ่มน้ำก่อนแปรงฟัน พอแปรงเปียก น้ำในปากก็เยอะ ยาสีฟันก็เจือจางลงเร็ว โดยมีงานวิจัยในระยะหลังออกมาว่า ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์สามารถป้องกันฟันผุได้ดีขึ้น ถ้าบ้วนน้ำหลังการแปรงฟันเพียงครั้งเดียว ตามวิจัยระบุเปรียบเทียบการบ้วนน้ำจากแก้ว (น้ำ 1 แก้ว บ้วนหลายครั้ง) และการบ้วนน้ำครั้งเดียวจากอุ้งมือ พบว่า การบ้วนน้ำหลาย ๆ ครั้ง จะชะล้างเอาฟลูออไรด์ที่เกาะติดผิวฟันออกไป ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุลดลง

บ้วนน้ำหลังแปรงฟันแบบไหนถึงจะดี?

แน่นอนว่าสำหรับใครที่แปรงฟันแบบบ้วนน้ำมาตลอดชีวิต จะให้มาแปรงแห้งก็คงจะเป็นอะไรที่ทำใจกันได้ยาก หากคุณเป็นคนที่ติดการบ้วนน้ำหลังแปรงฟัน เราแนะนำว่า ให้ใช้เทคนิค “ถุยทิ้ง” พยายามถุยฟองทิ้งให้หมดแต่หากใครรู้สึก แหยะในปาก ให้ใช้วิธีเริ่มจากฝึกบ้วนน้ำครั้งเดียวหลังแปรงฟันเสร็จแล้ว โดยบ้วนฟองออกก่อนให้ได้มากที่สุดแบบไม่ต้องใช้น้ำ จากนั้นค่อยบ้วนน้ำครั้งเดียว ถ้าทำแบบนี้จะทำให้รู้สึกสบายในช่องปากยิ่งขึ้น ไม่มีฟองของยาสีฟันตกค้างอยู่ในช่องปาก ลองฝึกไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องสัก 3 สัปดาห์ ร่างกายก็ปรับให้คุ้นชินกับการแปรงฟันด้วยวิธีดังกล่าว เพราะจงจำไว้ว่า บ้วนน้ำเยอะ ฟันผุเยอะ บ้วนน้ำน้อย ฟันผุน้อย ไม่บ้วนเลยฟันผุน้อยที่สุด โดยปริมาณน้ำที่ใช้ในการบ้วนปากมีผล กับการเกิดฟันผุ แต่ระยะเวลาที่บ้วนทิ้งไม่มีผล

เศษอาหารที่หลุดจากการแปรงควรทำอย่างไร

การแนะนำแปรงแห้ง อาจจะทำให้ใครที่ไม่คุ้นชินรู้สึกว่ายังแปรงได้ไม่สะอาด เพราะมีเศษอาหารเหลืออยู่ภายในช่องปาก แต่บ้วนน้ำไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี แนะนำให้กำจัดเศษอาหารตั้งแต่ก่อนแปรงฟันค่ะ เช่น บ้วนน้ำแรง ๆ ใช้ไหมขัดฟัน ในกรณีที่ใช้ไหมขัดฟัน ให้ใช้ก่อนแปรงฟันเพื่อเปิดผิวฟันออกให้สัมผัสกับฟลูออไรด์จากยาสีฟันมากขึ้น ใช้เสร็จก็บ้วนน้ำทิ้งไป

การบ้วนน้ำหลังแปรงฟันน้อย จะเป็นอันตรายต่อช่องปากหรือไม่

นอกจากความไม่คุ้นชินกับการแปรงแห้งแล้ว ยังมีเรื่องของความกังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ว่าถ้าเราทิ้งยาสีฟันค้างไว้ภายในปาก จะเป็นอันตรายต่อช่องปากทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหรือเปล่า สารเคมีที่กล่าวถึงกันมากที่สุด ได้แก่ Sodium Lauryl Sulfate (SLS) ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่นิยมใช้ในเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ ซึ่งส่วนผสมในยาสีฟันนั้น จะถูกควบคุม ทั้งชนิดและปริมาณที่ใช้ให้ปลอดภัย ต่อผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่องปาก จะถูกกำหนดปริมาณที่เผื่อการกินลงไปแล้วโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

โบกมือลาฟลูออไรด์ เมื่อบ้วนน้ำหลายครั้ง

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในยาสีฟันมีฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันฟันผุ การจะป้องกันได้ก็ต้องมีสารฟลูออไรด์เหลือเกาะผิวฟันให้มากที่สุด นั่นแปลว่า ถ้าบ้วนน้ำหลาย ๆ ครั้ง เราก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรในการป้องกันฟันผุจากฟลูออไรด์ได้เลย

สรุปได้ว่า การบ้วนน้ำหลังแปรงสำคัญสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยชินกับการแปรงแห้งนั่นเอง เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ จะทำได้ดีที่สุดเมื่อเราไม่บ้วนน้ำเลยค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ตรวจสุขภาพฟัน #ทำฟัน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการขูดหินปูน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการขูดหินปูน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการขูดหินปูน ทำบ่อยแค่ไหนถึงจะดี

รู้หรือไม่ว่าแค่แปรงฟันอย่างเดียว ไม่ช่วยให้ช่องปากของเรามีสุขภาพที่ดี นั่นเป็นเพราะนอกจากการแปรงฟันแล้ว เรายังต้อง “ขูดหินปูน” ด้วยค่ะ คราบหินปูนเป็นคราบที่ใช้แค่เพียงขนแปรงสีฟันไม่สามารถที่จะขัดออกได้ โดยเฉพาะหากใครที่ปล่อยคราบหินปูนนั้นเกาะแน่นเป็นเวลานาน ทำให้หลายคนจึงต้องไปขูดหินปูน แต่ทำไมบางคนก็ขูดบ่อย บางคนก็แทบจะไม่ขูดเลย จริง ๆ แล้ว เราควรขูดหินปูนบ่อยแค่ไหน เราจะมาหาคำตอบ พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

จุลินทรีย์ในช่องปากเกิดขึ้นได้อย่างไร

อาหารชั้นดีของจุลินทรีย์คือน้ำตาล ที่จะสร้างกรดและสารพิษ ซึ่งกรดตัวนี้จะเป็นตัวทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบ หากใครที่มีคราบหินปูนที่หนา ลองเอาลิ้นสัมผัสไปตามฟันจะรู้สึกได้เลยว่ามีคราบหินปูนเกาะอยู่ ถ้าเราแปรงฟันไม่สะอาด ก็จะเกิดการสะสมของหินปูนหนาและแข็งมากขึ้นจนไม่สามารถเอาออกได้ด้วยแค่การแปรงฟัน จะต้องใช้เครื่องมือของทันตแพทย์ เพื่อขูดหินปูนที่อยู่ทั้งเหนือและใต้เหงือก

ผลข้างเคียงจากคราบหินปูน

เมื่อคราบหินปูนปล่อยกรดออกมาทำลายเคลือบฟัน จะทำให้เหงือกอักเสบ ละเมื่อปล่อยออกมานาน ๆ กระดูกที่รองรับรากฟันจะค่อย ๆ ละลาย ทำให้ฟันโยกไม่แข็งแรง โดยปัญหาที่เกิดจากคราบหินปูน ได้แก่ เลือดออกขณะแปรงฟัน มีกลิ่นปาก เหงือกร่น โรคปริทันต์  ฟันผุ ฯลฯ

ขูดหินปูน ควรทำบ่อยแค่ไหน?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยกันมากว่า ขูดหินปูน ควรทำบ่อยแค่ไหนถึงจะดี ในความเป็นจริงแล้ว การขูดหินปูนอาจไม่จำเป็นต้องขูดกันบ่อย ๆ สามารถขูดปีละครั้ง หรือ 6 เดือนครั้งก็ได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณหินปูนภายในช่องปากด้วยค่ะ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง หรือจะไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและเหงือกเป็นประจำ จะทำให้เราทราบว่าเราจำเป็นต้องขูดหินปูนไหม

การขูดหินปูนสามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ส่วนการจะขูดบ่อยแค่ไหนนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถดูแลรักษาฟันได้ดีแค่ไหน และหากสามารถทำความสะอาดได้ดี ไม่มีโรคเหงือกอักเสบและไม่มีร่องลึกปริทันต์ การ
ขูดหินปูนอาจจะไม่จำเป็นเลยก็ได้ค่ะ

โดยปกติแล้ว ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้มาตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูน ปีละ 1 ครั้ง สำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากเบื้องต้นที่ทุกคนก็ทำได้ คือ การแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และไม่ลืมที่จะใช้ไหมขัดฟันแซะเศษอาหารตามซอกฟันก่อนแปรงฟันในช่วงเวลาเย็นเป็นประจำ รวมถึงการแปรงลิ้น จะทำให้ไม่มีเศษอาหารตกค้าง ซึ่งจะเอื้อต่อการเกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดหินปูน และเหงือกอักเสบตามมา

ขูดหินปูนบ่อย ๆ ทำให้ฟันสึกจริงหรือ?

หลายคนไม่กล้าไปขูดหินปูนเพราะกลัวว่าขูดไปแล้วฟันสึกบ้าง ฟันบางบ้าง หรือบางคนที่กังวลว่าขูดหินปูนบ่อย ๆ โอกาสจะทำให้ฟันเป็นแบบนั้นมันจริงหรือเปล่า ต้องบอกเลยค่ะว่า การขูดหินปูน เป็นการใช้ความถี่ในการสั่นของเครื่องมือ เพื่อเป็นการกะเทาะให้หินปูนแตก และร่อนเป็นแผ่น ๆ ออกมา ไม่ใช่เป็นการไปขูด หรือไปทำการกรอฟัน ดังนั้น การขูดหินปูน จะไม่ทำให้เนื้อฟันสึกกร่อน หรือฟันบางได้เลยค่ะ แต่อาจจะมีความรู้สึกว่าขูดหินปูนแล้วฟันสะอาดขึ้น รู้สึกโล่งมากขึ้น และเมื่อเอาลิ้นสัมผัสตามร่องฟันแต่ละซี่ได้ จะรู้สึกว่าเหมือนฟันกำลังสึกกร่อน ฟันบางลงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยที่ว่า ขูดหินปูนบ่อยแค่ไหนถึงจะดี ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าดูแลรักษาฟันอย่างไร มีพฤติกรรมอะไรที่สุ่มเสี่ยงให้เกิดคราบหินปูนหนาหรือไม่ หากไม่มี อัตราความถี่ในการขูดหินปูนก็จะน้อยลงตามไปด้วย โดยทั่วไปแล้วก็มักจะทำหลังจากการไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพช่องปากประจำปี

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายขูดหินปูน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#หินปูน #ขูดหินปูน

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

เชื่อว่า ใครที่ฟันขาว ยิ้มสวยได้ เป็นอะไรที่หลายคนต่างอิจฉา เพราะคุณจะสามารถยิ้มได้ออกมาอย่างมั่นใจ นั่นจะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้น่าดึงดูดใจมากขึ้น แต่ถ้าใครฟันไม่ขาวอย่างใจ ไม่ว่าจะเหลืองหรือมีสีคล้ำ เดี๋ยวนี้คลินิกทันตกรรมมีนวัตกรรมที่เรียกว่า “ฟอกสีฟัน” ที่จะเนรมิตฟันของคุณให้กลับมาขาวได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ ว่าแต่ อะไรบ้างล่ะที่เราจะต้องรู้ ก่อนตัดสินใจไปฟอกสีฟัน?

การฟอกสีฟัน คืออะไร

การฟอกสีฟัน คือ การทำให้ฟันเกิดการเปลี่ยนแปลงสีหรือการทำให้ขาวขึ้น โดยใช้น้ำยาฟอกสีฟัน และกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยาฟอกสีฟันด้วยแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์

อะไรทำให้สีฟันเข้มขึ้นได้บ้าง

ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปฟอกสีฟัน เราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันของเราเปลี่ยนสีไป เพื่อที่เราจะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟันมีสีเข้มมาจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

  1. การเปลี่ยนสีฟันที่เกิดขึ้นภายในตัวฟัน

อาจจะเกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานสารที่มีฟลูออไรด์มากเกินไป ทำให้ฟันตกกระ รวมถึงภาวะ

ฟันตาย (ฟันที่ไม่มีเส้นเลือดหรือเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันมีสีไม่ขาวเป็นธรรมชาติ) เนื่องจากถูกกระทบกระแทก ซึ่งสาเหตุนี้ส่วนใหญ่มักไม่สามารถใช้วิธีฟอกสีฟันให้กลับมาขาวได้

  • การเปลี่ยนสีของฟันที่เกิดขึ้นภายนอกตัวฟัน

ได้แก่ การมีคราบหินปูนหรือคราบน้ำลาย คราบชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง แกงต่าง ๆ การสูบบุหรี่

รวมถึง การแปรงฟันที่ผิดวิธี ทำให้เกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูนไปเกาะที่ผิวนอกของตัวฟันทีละน้อย ๆ จนทำให้ฟันค่อย ๆ มีสีเหลืองเข้มขึ้น สาเหตุนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก ทั้งการฟอกสีฟัน ขัดฟัน ขูดหินปูน

  • การเปลี่ยนสีของฟันที่เกี่ยวข้องกับอายุ

เมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น เคลือบฟันจะบางลงทำให้เห็นเนื้อฟันที่อยู่ชั้นในและมีสีเหลืองที่ชัดเจน

ขึ้น หากเป็นฟันที่เหลืองตามธรรมชาติ จะฟอกสีฟันได้ ทั้งนี้ทันตแพทย์จะต้องตรวจดูสภาพเหงือกและฟัน รวมถึงรอยร้าวต่าง ๆ บนตัวฟันก่อน

วิธีในการฟอกสีฟัน

สำหรับวิธีการฟอกสีฟัน โดยทั่วไปเราสามารถปรึกษาทัตแพทย์เพื่อเลือกวิธีการฟอกสีฟันที่เหมาะสมกับเคสของตัวเราเอง เราจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. In-office Bleaching (การฟอกสีฟันในคลินิก) ทำได้ 2 วิธี
  2. การฟอกสีฟันโดยใช้เลเซอร์ฟอกสีฟัน เป็นการใช้แสงที่ให้ความร้อนต่ำมากระตุ้นปฏิกิริยาเคมี ในเจลฟอกสีฟันที่จะทำหน้าที่ดึงเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
  3. การฟอกสีฟันโดยใช้แสงเย็น (Cold Light) เป็นการใช้แสง LED ในอุณหภูมิที่ต่ำ ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว แสงจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ให้เม็ดสีหนาทึบของฟันแตกตัว ทำให้ฟันดูขาวกระจ่างขึ้น ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
  4. การฟอกสีฟันโดยใช้เครื่องฉายแสง UV (แสงสีฟ้า) เป็นการฟอกสีฟันด้วยพลังงานแสงความร้อน เพื่อไปกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในเจลฟอกสีฟัน ซึ่งสามารถเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เหงือกเจ็บแสบ แดง หรืออักเสบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

  5. At home Bleaching (การกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน)

วิธีนี้เป็นการฟอกสีฟัน โดยการนำน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน ภายใต้การควบคุมดูแล

ของทันตแพทย์เป็นระยะ ๆ ซึ่งจะต้องไปพบทันตแพทย์ในครั้งแรกเพื่อพิมพ์ปาก ทำถาดสำหรับใส่สารฟอกสีฟัน โดยถาดจะต้องแนบพอดีกับตัวฟันและเหงือก โดยต้องใส่ทิ้งไว้ตลอดคืน นาน 10-15 วัน ข้อดีของวิธีนี้คือ ราคาถูก และสะดวกสบายมากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาพร้อมความมีวินัยในการทำ

ฟอกสีฟัน ทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงไหม อยู่ได้นานแค่ไหน

การฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงค่ะ ส่วนผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้ยาวนานแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับสภาพฟันของเรา รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราด้วย แต่โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี

รู้อย่างนี้แล้ว หากใครสนใจที่จะฟอกสีฟัน เบื้องต้นแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ใกล้บ้าน เพื่อพิจารณาสภาพฟันและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายฟอกสีฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ฟันขาว #ฟอกสีฟัน

ดัดฟันตอนแก่ต้องดู!! ทำได้จริงไหม และจะส่งผลเสียอะไรบ้าง

ดัดฟันตอนแก่ต้องดู!! ทำได้จริงไหม และจะส่งผลเสียอะไรบ้าง

ใคร ๆ ก็อยากสวย ยิ้มมาแล้ว ฟันเรียงตัวกันสวย แต่หลายครั้งช่วงวัยรุ่นหรือเด็ก ๆ การเงินอาจจะไม่เอื้อทำให้ไปดัดฟันไม่ได้ กว่าจะมีเงินก็อายุมากขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ นะคะที่อยากมีฟันที่สวย หลายคนก็อายเด็กบ้างที่จะดัดฟันตอนแก่ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าดัดฟันตอนแก่จะส่งผลอะไรกับฟันบ้างหรือเปล่า หรือจะได้ผลดีเท่ากับดัดฟันตอนเด็กไหม เราจะไปหาคำตอบนั้นพร้อมกันค่ะ

จุดประสงค์ของการดัดฟัน

คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะดัดฟันไปเพื่ออะไร เพื่อความสวยงาม? หรือมีปัญหาการสบฟัน ปัญหาการบดเคี้ยว หากไม่ร้ายแรงหรือไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่จำเป็นต้องดัดฟันก็ได้ค่ะ เพราะการดัดฟัน ไม่จบลงแค่ที่การดัดฟัน หลังจากดัดฟันเสร็จ คุณจะต้องใส่รีเทรนเนอร์ตลอดชีวิต และยังต้องดูแลฟันมากกว่าปกติ คุณพร้อมการดูแลส่วนนั้นหรือยัง

คาดหวังมากเกินไปกับการดัดฟัน

หลายครั้งเราพบว่าคนที่มาดัดฟันตอนอายุมากขึ้น มาจากความคาดหวังว่าถ้าดัดฟันแล้ว หน้าจะเรียวขึ้น โหนกหน้าลดลง จมูกโด่ง ฯลฯ ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นเป็นความเชื่อและความคาดหวังที่เกินจริงไปหน่อย เพราะการดัดฟันไม่ได้ช่วยเรื่องที่ว่ามาเลยค่ะ การดัดฟันช่วยรักษาฟันซ้อน ฟันเก การสบฟัน หรือการบดเคี้ยวที่ผิดปกติ ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ส่วนหากเคยเห็นใครดัดฟันแล้วหน้าเรียวขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเค้าโครงหน้าของผู้ทำและการจัดเรียงของฟันที่ดีขึ้นนั่นเอง

อายุมากสามารถดัดฟันได้ไหม?

จริง ๆ แล้ว ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าอายุเท่าไหร่ถึงจะดัดฟันไม่ได้ เพียงแต่ว่าประสิทธิผลจากการดัดฟัน และผลที่ตามมาอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากเท่ากับเด็ก ซึ่งการดัดฟัน มีเงินอย่างเดียวไม่ประสบความสำเร็จนะคะ เพราะการดัดฟันมาซึ่งความรับผิดชอบในการดูแลฟันมากกว่าปกติ มาจากเศษอาหารสามารถติดตามเหล็กดัดฟันได้ง่าย หากทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ ก็จะนำมาซึ่งโรคต่าง ๆ เกี่ยวกับฟัน

ผู้ใหญ่หลายคนอายที่จะดัดฟัน หรือการใส่ยางสี ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้การดัดฟันก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทั้งแบบเดมอน ที่ใช้เป็นโลหะ หรือจะดัดฟันแบบใส ที่สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจโดยไม่เห็นเหล็กและยางสี

ปัญหาที่พบได้บ่อยของคนที่ดัดฟันตอนอายุมาก

ปัญหาช่องปากที่พบได้บ่อยมากเมื่อดัดฟันคือ รึเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์อักเสบ เพราะเมื่อติดเครื่องมือดัดฟันไปแล้ว การทำความสะอาดฟันที่ไม่ดีพอ จะเกิดโรคดังกล่าวตามมาได้ แต่ปัญหานี้จะหมดไป หากคุณเลือกที่จะดัดฟันแบบใสเพราะสามารถถอดเข้าถอดออกได้เอง ทำให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้นด้วย ข้อเสียคือ ราคาแพงมาก ๆ

โรคปริทันต์อักเสบนับว่าเป็นอุปสรรคชิ้นโตของผู้ใหญ่ที่คิดจะดัดฟันเลยค่ะ เพราะทำให้เกิดข้อจำกัดในการรักษา นั่นคือไม่สามารถถอนฟันออกได้ พูดง่าย ๆ คือ ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนั่นเอง ซึ่งโรคนี้หากเป็นแล้ว ฟันจะโยกจนแทบจะหลุดออกมาทั้งแผงเลย โดยเฉพาะหากใครที่เป็นโรคปริทันต์รุนแรงด้วยแล้ว คงต้องบอกว่า บอกลาการดัดฟันและเก็บฟันไว้กินข้าวจะดีกว่าค่ะ

นอกจากนี้ อีกปัญหาที่พบบ่อยจริง ๆ สำหรับการดัดฟันในผู้ใหญ่ คือ ข้อจำกัดของร่างกาย ในร่างกายเด็กที่กำลังโตจะมีความสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีกว่า การเคลื่อนฟันในเด็กจึงทำได้ง่ายกว่า ผลแทรกซ้อนก็มีน้อยกว่า แต่ร่างกายของผู้ใหญ่เริ่มมีภาวะเสื่อมถอย ซึ่งถ้าหากทันตแพทย์แนะนำ จะแนะนำให้เด็กดัดฟันมากกว่าผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะดัดฟันไม่ได้นะคะ ยังต้องขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย

ผู้ใหญ่คนไหนที่อยากจะดัดฟัน ทางที่ดีแนะนำว่าให้ปรึกษาทันตแพทย์ใกล้บ้านดูก่อน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ดัดฟัน #จัดฟัน

ฟันห่าง รักษาได้จริงไหม โดยไม่ต้องจัดฟัน

ฟันห่าง รักษาได้จริงไหม โดยไม่ต้องจัดฟัน

ใครเคยมีประสบการณ์ “ฟันห่าง” จะรู้ว่าเป็นปัญหาที่กวนใจไม่น้อยเลยค่ะ บางคนถึงกับเสียความมั่นใจในการถ่ายรูปหรือยิ้ม บางคนพยายามต้องคอยใช้ลิ้นดุนเวลายิ้ม เพราะจะได้ไม่เห็นช่องว่างระหว่างฟันชัดเจน ซึ่งหากเป็นฟันหน้าก็จะเป็นอุปสรรคในการรับประทานอาหาร เศษอาหารมักจะเข้าไปติดจนทำให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ ซึ่งการแก้ปัญหา หลายคนนึกออกแต่การจัดฟัน แน่นอนว่าบางคนก็ไม่อยากจะจัดฟัน แล้วแบบนี้ ฟันห่าง ถ้าไม่จัดฟันจะรักษาได้จริงไหม

ฟันห่าง เป็นแบบไหน

ฟันห่าง คือ ช่องว่างระหว่างฟันที่กว้างมากกว่า 0.5 มม. เกิดขึ้นได้กับฟันทุกซี่ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่บริเวณระหว่างฟันหน้าสองซี่ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ฟันห่างพบได้ทั้งในเด็กเเละผู้ใหญ่

ฟันห่าง เกิดจากอะไรได้บ้าง

เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมฟันถึงห่าง มันห่างได้เอง หรือมีปัจจัยอะไรไปกระตุ้นให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันขึ้นมา ซึ่งก็มีอยู่หลายสาเหตุดังนี้

  1. ขากรรไกรและขนาดของซี่ฟันไม่สมดุลกัน กล่าวคือ ฟันอาจจะมีขนาดที่เล็กเมื่อเทียบกับขากรรไกรที่ใหญ่ ทำให้เหลือช่องว่างระหว่างฟันมากกว่าปกติ
  2. การสูญเสียฟันบางซี่ ก็สามารถทำให้ฟันห่างได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟันล้มจากการถอน หรือในเด็กที่เมื่อฟันหลุดก็สามารถเกิดฟันห่างแบบชั่วคราวจนกว่าฟันแท้จะขึ้นได้
  3. เนื้อเยื้อยึดระหว่างริมฝีปากกับสันเหงือกที่มีลักษณะหนาและแข็งกว่าปกติ ทำให้ขวางระหว่างซี่ฟัน และทำให้เกิดช่องว่างระหว่างซี่ฟันได้
  4. พฤติกรรมบางอย่าง เช่น การดูดนิ้วโป้ง การดูดปาก ดุนลิ้น ที่จะไปสร้างแรงดันที่ฟันหน้า สามารถนำไปสู่ฟันห่างได้เช่นกัน
  5. ปัญหาการกลืน ใครจะคิดว่าการกลืนจะทำให้ฟันห่างได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ คนปกติ เมื่อกลืนอาหาร ลิ้นจะแตะเพดานปาก เกิดเป็นแรงดันจากลิ้นที่เพดานปาก แต่ในคนที่ผิดปกติ จะเกิดเเรงกดลิ้นกับฟันหน้าขึ้นเเทน เมื่อผ่านไปแรงกดนี้ซ้ำ ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จะผลักไปข้างหน้าทำให้ฟันห่างได้

วิธีการรักษาฟันห่าง

ไม่ใช่ทุกคนจะอยากจัดฟันหรือพร้อมที่จะจัดกัน แต่ทว่าพอมีฟันห่าง หลายคนกลับนึกถึงแค่วิธีจัดฟันอย่างเดียว ต้องบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วยังมีวิธีช่วยให้ฟันห่างกลับมาชิดกันได้โดยไม่ต้องจัดฟันจริง ๆ ค่ะ มีวิธีดังนี้

  1. การอุดปิดช่องว่างระหว่างฟัน

วิธีนี้สามารถรักษาฟันห่างได้โดยการใช้วัสดุอุดฟันคอมโพสิตเรชิ่นที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติมาช่วย

เสริมเข้าไปบริเวณช่องว่างระหว่างฟัน โดยทันตแพทย์จะเลือกสีของวัสดุอุดฟันให้ใกล้เคียงกับสีฟันเดิมและสร้างรูปร่างให้เรียบเนียนเข้ากับฟันธรรมชาติ ซึ่งทำให้คนอื่นไม่สามารถรู้ได้ว่าฟันซี่นั้นเป็นฟันที่มีการอุดปิดไว้ นอกจากนี้ การอุดปิดช่องว่างยังช่วยรักษาปัญหาฟันบิ่นได้ด้วยค่ะ ข้อดีคือราคาไม่แพง ใช้เวลาไม่นาน โดยสามารถอุดได้ทันที

  • การทำวีเนียร์

การทำวีเนียร์ เป็นการรักษาฟันห่างแบบเติมเต็มรอยยิ้ม โดยใช้เรซินเป็นวัสดุ ปิดทับบริเวณผิวหน้าของ

ฟัน ช่วยปิดบังสีฟันที่ไม่สม่ำเสมอและฟันที่มีรูปร่างไม่สวยงาม รวมถึงฟันที่มีช่องว่างระหว่างฟัน ให้รอยยิ้มสวย ฟันขาวยิ่งขึ้น ข้อเสียของการทำวีเนียร์คือราคาต่อซี่ค่อนข้างสูง

  • การทำรากฟันเทียมหรือสะพานฟัน

วิธีนี้ใช้รักษาฟันห่างได้เช่นกัน แต่ได้รับความนิยมน้อยกว่าสองวิธีแรก เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟัน

โดยการใช้สกรูโลหะเข้าไปในกระดูกขากรรไกรและยึดเข้ากับฟันปลอม

เห็นไหมล่ะคะ ว่าการรักษาฟันห่างสามารถทำได้มากมายหลายวิธี โดยที่ไม่จำเป็นต้องจัดฟันเลย ซึ่งหากใครสนใจวิธีไหน ให้ลองขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ได้เลย

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ฟันห่าง #จัดฟัน