แนะวิธีสังเกต เหงือกบวมแบบไหน ต้องไปพบทันตแพทย์

แนะวิธีสังเกต เหงือกบวมแบบไหน ต้องไปพบทันตแพทย์

หนึ่งในปัญหาช่องปากที่หลายคนไม่อยากเจอ นั่นคือ “เหงือกบวม” ที่นอกจากจะสร้างความเจ็บปวด รำคาญใจแล้ว ยังทำให้เสียความมั่นใจในเรื่องกลิ่นปากอีกด้วย ซึ่งตามปกติแล้ว หากเป็นอาการเหงือกบวมปกติ สามารถทำความสะอาดฟันและเหงือกบริเวณที่เกิดอาการด้วยตนเอง โดยการใช้แปรงสีฟันที่เหมาะสม ใช้ไหมขัดฟันช่วยขัดเศษอาหารที่ติดอยู่ในซอกฟันอย่างถูกวิธี รวมไปถึงการบ้วนน้ำเกลือเพื่อลดอาการบวมแดง แล้วอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าเกิดมีอาการนอกเหนือจากนี้ล่ะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เหงือกบวมแบบไหน จึงควรต้องไปพบทันตแพทย์ ไปดูกันค่ะ

1. เหงือกบวม จากกระดูกงอก

สีเหงือกจะมีสีชมพูเป็นปกติ ส่วนอาการบวมนั้นจะเกิดขึ้น เมื่อมีตุ่มกระดูกก้อนใหญ่ดันเหงือกออกมามาก ซึ่งอาการบวมนี้เป็นกลไกทางร่างกายอย่างหนึ่งที่ร่างกายจะสร้างกระดูกให้หนาขึ้น เพื่อรองรับแรงจากการบดเคี้ยวที่ไม่เท่ากัน

2. เหงือกบวม จากการเกิดความระคายเคืองมาเป็นเวลานาน

เหงือกที่บวมจะปูดเป็นก้อนแข็ง แต่ยังคงมีสีชมพูตามปกติ ส่วนการรักษานั้น ทันตแพทย์จะใช้วิธีการตัดก้อนที่บวมออก พร้อมกับกำจัดตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคือง

3. เหงือกบวม จากผลข้างเคียงของยา

เหงือกจะมีลักษณะบวมหนาขึ้นกว่าปกติมาก ผู้ป่วยจะหายปกติหากหยุดยา และขูดหินปูน ถ้าไม่หายอาจต้องศัลยกรรมตัดแต่งเหงือก เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดได้ดีขึ้น ในกรณีที่รักษาไม่หาย ทันตแพทย์จะใช้วิธีศัลยกรรมตกแต่งเหงือกเพื่อที่ผู้ป่วยจะได้สามารถทำความสะอาดฟันได้ดีและง่ายขึ้น

4. เหงือกบวม จากโรคปริทันต์

มักพบในผู้ที่สุขอนามัยภายในช่องปากไม่ดี โดยทั่วไปจะแบ่งตัวโรคออกมาเป็น 2 โรค ได้แก่

  • โรคเหงือกอักเสบ เกิดจากการสะสมหินปูนจำนวนมาก ทำให้เหงือกอักเสบบริเวณรอบ ๆ ฟัน ซึ่งในบางครั้งอาจจะพบเลือดออกขณะแปรงฟันได้ รวมถึงมีอาการเสียวฟันและกลิ่นปากตามมา
  • โรคปริทันต์ มีสาเหตุที่คล้ายกันกับโรคเหงือกอักเสบ คือ เกิดจากการสะสมหินปูนจำนวนมาก แต่ผู้ที่เป็นมีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ และเชื้อก็ลุกลามไปมาก ทำให้เกิดการทำลายกระดูกที่มารองรับฟัน อาการที่สามารถสังเกตได้ คือ ฟันโยก ฟันบานออกหรือฟันยาว เหงือกบวม ในรายที่รุนแรงมาก ๆ จะพบเหงือกมีหนองไหล ส่วนวิธีการรักษานั้น ทันตแพทย์จะขูดหินปูน และจะทำการเกลารากฟัน เพื่อจะกำจัดตัวหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองออก ร่วมกับการดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากให้มากขึ้น

5. เหงือกบวม จากเนื้องอกของผู้หญิงตั้งครรภ์

มักพบในผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีสุขอนามัยภายในช่องปากที่ไม่ดี อันมีผลมาจากการที่ร่างกายตอบสนองต่ออาการระคายเคืองจากหินปูนไวกว่าปกติ สำหรับการรักษา ทันตแพทย์จะตัดเนื้องอกนั้นออก แล้วจึงทำการขูดหินปูนในจุดที่ระคายเคืองออกเสีย

6. เหงือกบวม เกิดเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ

มักเกิดในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ฟันผุมาก ๆ อันเนื่องมาจากภาวะฟันผุที่เกิดการลุกลามไปจนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน พบการติดเชื้อจนฟันตายและมีหนองสะสมในตัวฟัน ทำให้ออกมาภายในช่องปาก ในกรณีเช่นนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้รักษาคลองรากฟัน

7. เหงือกบวม จากก้อนมะเร็ง

ลักษณะของก้อนมะเร็งที่เกิดขึ้นนั้นจะคล้าย ๆ กับดอกกะหล่ำ โดยจะมีอาการบวม และจะทำลายเหงือกรวมถึงฟันโดยรอบอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก ในบางรายอาจจะพบอาการชาภายในช่องปากร่วมด้วย ซึ่งจะต้องมาพบทันตแพทย์ เพื่อรักษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง

ดังนั้น หากใครที่กำลังมีอาการของเหงือกบวม อย่ารอช้าหรือปล่อยไว้ให้อาการรุนแรงขึ้นนะคะ โดยเฉพาะหากใครมีอาการดังที่กล่าวมา ทางที่ดีที่สุดควรรีบไปพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
.
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
.

คลินิกทันตกรรม #BPDC #ทันตกรรม #เหงือกบวม

ครอบฟันหน้าเซรามิกสำหรับเด็ก

ทันตกรรมเด็ก ครอบฟันหน้าเซรามิกสำหรับเด็ก

ทันตกรรมเด็ก ครอบฟันหน้าเซรามิกสำหรับเด็ก

เพราะเด็กๆก็มีหัวใจ อยากยิ้มสวยเห็นฟันขาวเต็มซี่ มิใช่ยิ้มเห็นฟันผุ หรือฟันสีเงิน

ครอบฟันเซรามิกเหมาะสำหรับใคร

เหมาะสำหรับเด็กที่มีฟันหน้าน้ำนมผุ ขนาดใหญ่ ไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดฟันปกติได้ หรือฟันหน้าน้ำนมที่จำเป็นต้องได้รับการรักษารากฟัน สามารถทำครอบฟันเซรามิกภายหลังการรักษารากฟันได้

ข้อดีของครอบฟันเซรามิก

  • สวยงาม สีเหมือนฟัน
  • แข็งแรง ทนทานต่อแรงบดเคี้ยว ไม่แตกหักง่ายเหมือนการอุดฟัน
  • ช่วยเก็บรักษาฟันน้ำนมไว้ได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ฟันแท้ขึ้น
  • ใช้เวลาในการทำไม่นาน

รีวิวครอบฟันเซรามิก

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย “รักษารากฟัน”

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

คลินิกทันตกรรม #BPDC #ทันตกรรม #ครอบฟันเซรามิก #ครอบฟัน #ครอบฟันเด็ก

เคลือบฟันมีกี่แบบ

เคลือบฟันมีกี่แบบ

เคลือบฟันคือการแก้ปัญหาเกี่ยวกับฟัน ทำให้กังวลเรื่องรอยยิ้ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่เคลือบฟันที่พบกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ สีฟันไม่ขาว ไม่สม่ำเสมอ มีคราบฟัน ฟันบิ่น บิดเอียง ฟันเก ฟันห่าง ฟันไม่สวย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับการเคลือบฟันมีกี่แบบ และแบบไหนเหมาะสมกับเราค่ะ

เคลือบฟันเทียม Composite
การเคลือบฟันเทียม คือการนำวัสดุที่ใช้ในการอุดฟัน นำมาติดที่ฟันของเรา เพื่อสร้างฟันขึ้นมาใหม่ให้ได้ตรงตามรูปทรงที่ต้องการ แต่ด้วยวัสดุประเภทนี้ จะคุณภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะดูดซับสีของอาหาร ชา กาแฟ ทำให้วัสดุนั้นเปลี่ยนสีได้ง่าย และไม่ทนทาน

เคลือบฟันเทียม Ceramic VENEER
จะใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง สวยงาม เบาบาง และรูปทรงที่สำเร็จรูป วัสดุจะคล้ายกับฟันเราอย่างมาก รวมถึงสีสันมีความเสมือนจริงเป็นอย่างมาก ดูแลง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบธรรมดา

เคลือบฟันด้วยฟลูออไรด์
เป็นการเคลือบฟันสำหรับเด็กๆ ที่ป้องกันไม่ให้ฟันผุ ด้วยฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ ปกป้องฟัน ฟันจะแข็งแรงขึ้น ต้านทานต่อกรด ลดการเกาะตัวของแบ็คทีเรีย เริ่มเคลือบฟันได้ตั้งแต่ฟันเริ่มขึ้น 3-6 ปีเป็นต้นไป ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อน

ขั้นตอนการเคลือบฟัน

  1. คุณหมอจะทำการตรวจสุขภาพฟันก่อน กรอผิวฟันออกเล็กน้อย
  2. จัดเตรียมฟันและผลิตฟันเทียมขึ้นมา
  3. ติดตั้งฟันเทียม Veneer

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายเคลือบฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #BPDC #ทันตกรรม #เคลือบฟัน

ฟันปลอมแบบติดแน่นคืออะไร

ฟันปลอมแบบติดแน่นคืออะไร

ฟันปลอมแบบติดแน่นคืออะไร พร้อมความรู้เกี่ยวกับฟันปลอมที่คุณควรรู้

พออายุมากขึ้น อวัยวะภายในร่างกายก็พลอยจะเสื่อมลงทีละส่วน ไม่เว้นแม้แต่ฟันของคนเรา ที่ก็เสื่อมได้เช่นกัน แต่บางครั้งไม่ต้องรอจนอายุมากขึ้น ฟันก็สามารถหายไปได้ค่ะ เช่น อาจจะมีอุบัติเหตุหรือภาวะการณ์ที่จำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นออก และตัวช่วยที่จะมาทำให้ฟันของเราไม่หลอ จนไม่น่ามอง นั่นก็คือ ฟันปลอม เราอาจจะเคยเห็นคุณปู่คุณย่า ใส่ฟันปลอมกันมาบ้าง แต่คงไม่มีใครนึกภาพตัวเองใส่ฟันปลอมที่ถอดเข้าถอดออกได้หรอกใช่ไหมล่ะคะ แน่นอนว่าฟันปลอมไม่ได้มีแบบเดียว อีกหนึ่งชนิดอย่าง ฟันปลอมติดแน่น ก็น่าสนใจไม่น้อย ตามไปดู พร้อมความรู้เกี่ยวกับฟันปลอมที่คุณควรรู้

ฟันปลอมคืออะไร

ฟันที่ทำขึ้นโดยทันตแพทย์ใส่ให้กับคนไข้ที่สูญเสียฟันไปเนื่องจากการถอนในการรักษาฟันผุ ฟันโยกจากอาการเหงือกอักเสบ เคสอื่น ๆ เช่น ฟันหัก ฟันแตกก็สามารถใส่ฟันปลอมร่วมได้

ฟันปลอมแก้ปัญหาเรื่องอะไร

การใส่ฟันปลอมแทนที่ฟันที่หายไปจะช่วยแก้ปัญหา การรับประทานอาหารได้ง่าย มีประสิทธิภาพ พูดคุยออกเสียงได้ชัดเสริมสร้างความมั่นใจ ฟันปลอมยังช่วยคอยพยุงแก้มและริมฝีปากไม่ให้ดูหย่อนคล้อยอีกด้วย

ถ้าไม่ใส่ฟันปลอมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หากใครที่สูญเสียฟัน หรือ ได้รับการถอดฟันเเล้วปล่อยให้มีช่องว่างระหว่างฟัน ย่อมเกิดผลเสียภายในช่องปากของเราแน่นอนค่ะ ซึ่งผลที่จะตามมามีดังนี้

  • ฟันค้างเคียงของซี่ที่ถูกถอนไปล้มหรือเอียงเข้าเข้ามาบริเวณช่องว่าง
  • มีผลต่อฟันคู่สบที่ไม่ตรงกัน เกิดการกระเเทกขณะเคี้ยวอาหาร- ปัญหาการเคี้ยวอาหารข้างเดียว
  • มีเศษอาหารติดที่ซอกฟันได้ง่าย เกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบตามมาได้

ฟันปลอมแบบติดแน่น

เราอาจจะเรียกว่าฟันปลอมถาวรก็ได้ค่ะ ที่ยึดแน่นในช่องปาก โดยอาศัยฟันธรรมชาติซี่ที่อยู่ข้างเคียงกับช่องว่างเป็นหลักในการยึดฟันปลอม เป็นการทำครอบฟันที่เป็นฟันปลอมยึดกับฟันธรรมชาติ วัสดุจะทำมาจากทั้งโลหะทั้งแผ่น (ใช้กับฟันกรามสำหรับบดเคี้ยว) เป็นพลาสติก (เหมาะใส่ชั่วคราว) และเป็นแบบผสม (เซรามิก ฐานโลหะพอกด้วยพอสเลน เหมาะกับบริเวณฟันหน้าที่เน้นความสวยงามเป็นธรรมชาติ) ซึ่งฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นยังสามารถแบ่งชนิดย่อย ๆ ออกมาได้อีก 2 แบบ ได้แก่

  • ฟันปลอมแบบติดแน่นด้วยสะพานฟัน

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สะพานฟัน คือ การนำฟันเทียม (ฟันปลอม) มาเกี่ยวยึดกับฟันซี่ข้างเคียงฟันซี่ที่หายไป เพื่อทดแทนช่องว่างระหว่างฟัน ลักษณะคล้าย ๆ สะพานเชื่อม

  • ฟันปลอมแบบติดแน่นด้วยรากฟันเทียม

รากฟันเทียม คือ การปลูกฟันเทียมทดแทนฟันที่สูญเสียไป ด้วยการฝังรากฟันเทียมไททาเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร ยึดติดกับตัวเนื้อฟันจากเรซินเพื่อใช้บดเคี้ยว ทำหน้าที่ได้เหมือนกับฟันธรรมชาติ

ข้อดี : ประสิทธิภาพด้านการบดเคี้ยวดีเทียบเท่ากับฟันจริง เพราะเเรงเคี้ยวกดลงที่ตัวฟัน, ติดแน่น หลุดยาก, มีลักษณะและขนาดที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญ

ข้อเสีย : ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้ต้องเสียเนื้อฟัน, ราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้, ถอดทำความสะอาดไม่ได้

ขั้นตอนการทำฟันปลอม

หลายคนอาจจะสงสัยว่าฟันปลอมที่เห็น ๆ กันอยู่นั้นมีขั้นตอนหรือกระบวนในการทำอย่างไรบ้าง เรานำข้อมูลมาฝากกันค่ะ

1. ทันตแพทย์จะทำการซักประวัติ จากนั้นจึงตรวจช่องปาก ถ่ายรูปช่องปาก X-ray พิมพ์แบบจำลองช่องปากของคนไข้
2. จากนั้นทันตแพทย์จะตรวจการเรียงตัวของฟัน เลือกสีฟันที่ใกล้เคียงกับฟันเดิม เเละสร้างฟันปลอมขึ้นมาบนแบบจำลองนั้น เพื่อให้ได้รูปฟันที่สวยงาม ขนาดพอดีใส่ในช่องปากของคนไข้ มีการสบฟันที่ถูกต้อง
3. แล้วทันตแพทย์จึงใส่ฟันปลอมเเละแก้ไขตำแหน่งกดเจ็บ ในระหว่างการทำฟันปลอม ทันตแพทย์จะนัดพบคนไข้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ระยะเวลาขึ้นอยู่กับรูปแบบของฟันปลอม หลังใส่ฟันปลอมเรียบร้อยแล้ว ก็อาจต้องกลับไปพบทันตแพทย์ในช่วงเดือนแรก เพื่อปรับหรือตกแต่งฟันปลอมเพิ่มเติมให้พอดีกับช่องปาก

หากใครต้องใส่ฟันปลอม ควรปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อให้ทันตแพทย์ประเมินว่า ต้องใส่ฟันปลอมกี่ซี่ สุขภาพฟันข้างเคียง ที่อยู่ติดกับฟันที่ต้องการใส่ ว่ามีความเเข็งเเรงพอหรือไม่ ทั้งหมด

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #BPDC #ทันตกรรม #ทำฟัน