ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนจัดฟัน

ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนจัดฟัน

การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดปัญหาระหว่างการจัดฟัน ขั้นตอนต่างๆ ในการเตรียมตัวมีดังนี้:

  1. ปรึกษาทันตแพทย์: แจ้งความประสงค์ในการจัดฟัน วางแผนการรักษา เตรียมเอกสารต่างๆ เตรียมร่างกาย เตรียมช่องปาก เตรียมค่าใช้จ่าย 

  2. การประเมินสุขภาพช่องปากและฟัน: ก่อนเริ่มจัดฟัน ทันตแพทย์จะตรวจสอบสุขภาพช่องปากและฟันอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจหาฟันผุ โรคเหงือก และปัญหาอื่นๆ ที่อาจต้องได้รับการรักษาก่อน
  3. การทำความสะอาดฟันและเหงือก: ควรทำความสะอาดฟันและเหงือกให้ดีก่อนการจัดฟัน เพื่อลดโอกาสในการเกิดฟันผุและโรคเหงือกในระหว่างการจัดฟัน

  4. การถ่ายภาพ X-ray และการทำโมเดลฟัน: ทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องถ่ายภาพ X-ray ของฟันและกระดูกขากรรไกร เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงการทำโมเดลของฟันเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการจัดฟัน เพื่อสร้างจำลองรูปร่างฟันและการสบฟันของผู้ป่วย

  5. การสั่งทำอุปกรณ์จัดฟัน: ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จะมีการสั่งทำอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมกับสภาพฟันและปัญหาของแต่ละบุคคล

  6. การอภิปรายเกี่ยวกับวิธีการจัดฟัน: ทันตแพทย์จะอธิบายวิธีการจัดฟันที่แตกต่างกัน เช่น จัดฟันแบบมีลวดเหล็ก จัดฟันแบบใส และจัดฟันด้วยเทคนิคอื่นๆ รวมถึงระยะเวลาและต้นทุนการรักษา

  7. การบอกวิธีการดูแลรักษาในระหว่างจัดฟัน: ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและการทำความสะอาดฟันในระหว่างการจัดฟัน เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุและโรคเหงือก

  8. การเตรียมความพร้อมทางจิตใจ: การจัดฟันอาจส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงแรก จึงควรเตรียมความพร้อมทางจิตใจให้ดีก่อนเริ่มการรักษา

  9. ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปาก: ฝึกแปรงฟันและการใช้เครื่องมือทำความสะอาด แนะนำการบริโภคอาหารที่เหมาะสมระหว่างจัดฟัน

คำแนะนำก่อนจัดฟันเพิ่มเติม

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันจากแหล่งที่เชื่อถือได้
  • เปรียบเทียบราคาและบริการจากคลินิกต่างๆ
  • เลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ถามคำถามให้หายสงสัยก่อนตัดสินใจ

การเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยให้การจัดฟันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิผลมากที่สุด และช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาต่างๆ ในระหว่างการรักษา.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ประโยชน์ของการปลูกฟันเทียม

ประโยชน์ของการปลูกฟันเทียม

การปลูกฟันเทียมมีประโยชน์หลายประการสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหนึ่งซี่หรือหลายซี่ ได้แก่:

  1. ปรับปรุงฟังก์ชันการกินและการเคี้ยว: ฟันเทียมช่วยให้กลับมาเคี้ยวและบดอาหารได้เหมือนฟันจริง ทำให้รับประทานอาหารได้ง่ายขึ้นและย่อยได้ดีขึ้น

  2. ปรับปรุงการพูด: การสูญเสียฟันสามารถทำให้การพูดและการออกเสียงคำต่างๆ เปลี่ยนไป การใส่ฟันเทียมสามารถช่วยให้พูดชัดเจนขึ้น

  3. รักษารูปลักษณ์และโครงสร้างของใบหน้า: ฟันเทียมสามารถช่วยในการรักษารูปร่างของใบหน้าและป้องกันการสูญเสียกระดูกในกระดูกขากรรไกรซึ่งเกิดจากการสูญเสียฟัน

  4. ความมั่นคงและความมั่นใจ: การมีฟันเทียมที่เหมือนฟันจริงสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ เนื่องจากมีลักษณะและความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ

  5. ความทนทาน: ฟันเทียมทำจากวัสดุที่ทนทาน สามารถใช้งานได้นานหลายปี หากมีการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

  6. สามารถป้องกันปัญหาฟันที่เหลือ: การใส่ฟันเทียมสามารถช่วยป้องกันการเคลื่อนที่ของฟันที่เหลืออยู่ใกล้กัน ซึ่งอาจเกิดจากช่องว่างของฟันที่หายไป

  7. ทดแทนฟันที่หายไปอย่างถาวร ช่วยฟื้นฟูรูปลักษณ์และการบดเคี้ยวได้เหมือนฟันธรรมชาติ

  8. ช่วยรักษารูปร่างของกระดูกเบ้าฟันและกระดูกขากรรไกร เนื่องจากรากฟันเทียมจะกระตุ้นให้กระดูกสร้างใหม่รอบๆ ลดการสูญเสียมวลกระดูกจากการขาดฟัน

  9. ง่ายต่อการดูแลรักษาความสะอาด สามารถแปรงสีฟันได้ตามปกติ

  10. มีอายุการใช้งานยาวนาน ถ้าดูแลรักษาที่ถูกวิธีจะใช้ได้หลายสิบปี

  11. เพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิต ช่วยให้รอยยิ้มและบุคลิกภาพดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การปลูกรากฟันเทียมก็มีข้อจำกัดและความเสี่ยง

  • ค่าใช้จ่าย: การปลูกรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายสูง
  • ระยะเวลา: การปลูกรากฟันเทียมใช้เวลานาน
  • ความเสี่ยง: การปลูกรากฟันเทียมมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ

ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ฟันเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจปลูกรากฟันเทียม

การปลูกฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมบุคลิกภาพ การใช้งาน และสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว สำหรับผู้ที่ขาดฟันหรือฟันผุจำนวนมาก

การปลูกฟันเทียมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูฟังก์ชันและรูปลักษณ์ของฟันให้เหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

รากฟันเทียมราคาหลักพัน มีจริงหรือไม่

รากฟันเทียมราคาหลักพัน มีจริงหรือไม่

การปลูกรากฟันเทียมในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายที่หลากหลายตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของวัสดุที่ใช้สำหรับรากฟันเทียม, ความซับซ้อนของกระบวนการ, และค่าใช้จ่ายของคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ทำการรักษา โดยปกติแล้วราคาของรากฟันเทียมจะมีตั้งแต่หลายหมื่นบาทถึงหลายแสนบาทต่อซี่

ราคาหลักพันบาทสำหรับรากฟันเทียมอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการทำรากฟันเทียม อย่างเช่น ไทเทเนียม มีคุณภาพสูงและมีราคาสูง นอกจากนี้ กระบวนการผ่าตัดและการฟื้นฟูอาจต้องใช้เวลาและทักษะของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเช่นกัน

หากคุณพบข้อเสนอที่ระบุว่ารากฟันเทียมมีราคาหลักร้อยหรือหลักพันบาท ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและว่าราคานั้นครอบคลุมทุกขั้นตอนของการรักษาหรือไม่ และไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการรักษา. การปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง.

รากฟันเทียมราคาหลักพัน มีจริง แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ

ราคา:

  • ทั่วไป: รากฟันเทียมมาตรฐานตามโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมทั่วไป ราคาเริ่มต้น หลักหมื่น ไปจนถึง หลักแสนบาท
  • ราคาหลักพัน: มักเป็นรากฟันเทียมจาก จีน หรือ เกาหลี

ข้อดีของรากฟันเทียมราคาถูกคือ

  • ราคาไม่แพง เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
  • สำหรับการปลูกรากฟันเทียมชั่วคราวหรือทดลองใช้ก่อน

ข้อเสียคือ

  • อายุการใช้งานน้อยกว่า อาจใช้ได้เพียง 5-10 ปี
  • เสี่ยงติดเชื้อ อักเสบ ปวดบวม
  • วัสดุอาจไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อการหลุดร่อนหรือเกิดปัญหาได้ง่าย
  • บริษัทผู้ผลิตอาจไม่ให้การรับประกันระยะยาว

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829 Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/ ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทำไมต้องรักษารากฟัน 2024

ทำไมต้องรักษารากฟัน 2024

การรักษารากฟันเป็นกระบวนการทันตกรรมที่สำคัญซึ่งใช้ในการรักษาฟันที่มีปัญหาอย่างรุนแรง เช่น ฟันที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบของเนื้อในฟัน (pulp) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในรากฟันและประกอบด้วยเส้นเลือดและเส้นประสาท มีหลายเหตุผลที่ทำให้การรักษารากฟันจำเป็น

  1. การติดเชื้อหรือการอักเสบของเนื้อในฟัน การติดเชื้อหรืออักเสบสามารถเกิดจากฟันผุรุนแรง, การบาดเจ็บ, หรือแม้แต่ฟันแตก. การรักษารากฟันช่วยขจัดเชื้อโรคและป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อ.

  2. ป้องกันการสูญเสียฟัน หากไม่ได้รับการรักษา, ฟันที่ติดเชื้ออาจต้องถูกถอนออก. การรักษารากฟันช่วยให้สามารถรักษาฟันไว้ได้และลดความจำเป็นในการใช้ฟันปลอมหรือการทำฟันเทียม.

  3. บรรเทาอาการปวด เมื่อเนื้อในฟันติดเชื้อหรืออักเสบ, มันอาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก. การรักษารากฟันช่วยลดความเจ็บปวดและอาการไม่สบายอื่นๆ.

  4. ป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อ ไม่รักษาฟันที่ติดเชื้ออาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปยังฟันอื่นๆ และบริเวณเหงือกหรือกระดูกขากรรไกร.

  5. ปรับปรุงการทำงานและรูปลักษณ์ของฟัน การรักษารากฟันช่วยให้ฟันที่เสียหายกลับมามีความแข็งแรงและฟื้นฟูการทำงานที่สำคัญ, พร้อมทั้งช่วยรักษารูปลักษณ์ธรรมชาติของฟัน.

  6. ป้องกันการติดเชื้อในรากฟัน เมื่อเนื้อเยื่ออ่อนภายในฟัน (ปลายประสาท) ถูกทำลาย จากฟันผุลึก การบาดเจ็บ หรือการรักษาฟันอื่นๆ ช่องว่างที่เกิดขึ้นจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค หากไม่ได้รับการรักษารากฟันอย่างถูกวิธี เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายลงไปในโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้

  7. รักษารูปร่างและโครงสร้างฟัน รากฟันมีหน้าที่สำคัญในการค้ำยันฟันให้แน่นหนาและยึดเกาะกับเบ้าฟันและกระดูกขากรรไกร การไม่รักษารากฟันจะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนภายในฟันค่อยๆ ถูกทำลาย ส่งผลให้รากฟันอ่อนแอลง จนในที่สุดฟันนั้นจะร่วงโดยง่าย

  8. หลีกเลี่ยงการติดเชื้อร้ายแรงและเรื้อรัง การติดเชื้อในโพรงประสาทฟันอาจลุกลามไปเป็นหนองก้อนหรือฝีที่โพรงประสาทฟันหากปล่อยทิ้งไว้นาน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการบวมบริเวณใบหน้าและขากรรไกร มีอาการปวดรุนแรง อาจมีไข้และต่อมน้ำเหลืองบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง

  9. เพื่อให้สามารถบูรณะฟันด้วยวิธีการอื่นๆ ได้ การรักษารากฟันเป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นก่อนการทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือรากฟันเทียม เพื่อเตรียมโพรงประสาทฟันให้พร้อมรับการบูรณะฟันในภายหลัง

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หากพบปัญหาการติดเชื้อหรือเสื่อมสภาพของรากฟันแล้ว ไม่ควรเพิกเฉยและรีบรักษารากฟันโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียฟันซี่นั้นๆ ในอนาคต รวมถึงป้องกันปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ที่อาจตามมา

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

5 สัญญาณเตือนบอกถึงปัญหาฟันที่ควรรีบไปพบทันตแพทย์

5 สัญญาณเตือนบอกถึงปัญหาฟันที่ควรรีบไปพบทันตแพทย์

5 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อไหร่ควรไปพบทันตแพทย์ รอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีนั้น ส่งผลต่อทั้งบุคลิกภาพและความมั่นใจของเรา แต่หลายคนอาจละเลยสัญญาณเตือนของปัญหาฟัน จนนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรง

  1. ความเจ็บปวดที่ไม่หายไป: การพูดถึงความเจ็บปวดที่ไม่หายไปในฟันหรือเหงือก, ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาต่างๆ เช่น การติดเชื้อ, โรคเหงือก, หรือฟันผุ.

  2. ฟันหลุดหรือเสียรูป: การเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไปพบทันตแพทย์หากมีฟันหลุดหรือเสียรูป, ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที.

  3. เลือดออกจากเหงือก: อธิบายเหตุผลที่เลือดออกจากเหงือกไม่ควรถูกมองข้าม และวิธีที่มันอาจเป็นสัญญาณของโรคเหงือกหรือปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆ.

  4. ความไวของฟัน: การพูดถึงเหตุผลที่ความไวของฟัน, เช่น ความรู้สึกไม่สบายเมื่อทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น, อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางทันตกรรม.

  5. ฟันเปลี่ยนสีหรือมีจุดด่าง: การสำรวจเหตุผลที่การเปลี่ยนแปลงสีของฟันหรือการมีจุดด่างอาจบ่งบอกถึงปัญหาทางทันตกรรม, เช่น การติดเชื้อ, การผุของฟัน, หรือปัญหาอื่นๆ.

  6. แผลในปาก แผลในปากที่ไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งในช่องปาก

  7. ฟันสีเหลืองหรือมีคราบ ฟันสีเหลืองหรือมีคราบ อาจเกิดจากการสะสมของคราบพลัค คราบชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ ซึ่งหากปล่อยไว้นาน อาจนำไปสู่ปัญหาฟันผุและโรคเหงือก

  8. ฟันโยกคลอน ฟันโยกคลอนเป็นสัญญาณของโรคเหงือกอักเสบระยะรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันได้

  9. มีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ แม้ว่าจะดูแลสุขภาพช่องปากอยู่เสมอ อาจมีสาเหตุจากการมีคราบจุลินทรีย์ตกค้างบริเวณลิ้น หรือฟันผุภายในที่ยังไม่สามารถสังเกตเห็นได้

การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดี

 

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน มีผลเสียหรือไม่

ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน มีผลเสียหรือไม่

การใช้ไหมขัดฟันทุกวันเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีและไม่มีผลเสียต่อสุขภาพทันตกรรมหรือช่องปากของคุณ ตราบใดที่คุณใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี มีหลายข้อดีที่สำคัญในการใช้ไหมขัดฟันทุกวัน:

  1. ลดการสะสมของคราบพลัค: การใช้ไหมขัดฟันช่วยลดการสะสมของคราบพลัคบนผิวฟันและรอบเหงือก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคเหงือกและฟันผุ

  2. ป้องกันกลิ่นปาก: การใช้ไหมขัดฟันสามารถช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากไม่พึงประสงค์

  3. ทำความสะอาดรอบอุปกรณ์ทางทันตกรรม: ไหมขัดฟันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดรอบๆ อุปกรณ์ทางทันตกรรม เช่น จัดฟัน, รีเทนเนอร์, และฟันปลอม

  4. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: การใช้ไหมขัดฟันทุกวันอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคเหงือก ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการอักเสบและการติดเชื้อที่ส่วนอื่นของร่างกาย

  5. ขจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหาร ไหมขัดฟันสามารถขจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหารที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง บริเวณซอกฟัน ช่วยป้องกันฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์

  6. ช่วยให้ฟันขาวขึ้น คราบชา กาแฟ บุหรี่ และคราบพลัค ที่สะสมบนผิวฟัน ทำให้ฟันดูเหลือง การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ ช่วยขจัดคราบเหล่านี้ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ขาวสว่าง

  7. เหงือกสุขภาพดี การใช้ไหมขัดฟัน ช่วยขจัดคราบแบคทีเรียที่สะสมตามร่องเหงือก ป้องกันเหงือกอักเสบ เหงือกบวม และเลือดออก

    อย่างไรก็ตาม การใช้ไหมขัดฟัน ควรทำอย่างถูกวิธี ดังนี้

    • เลือกใช้ไหมขัดฟันที่มีขนาดเหมาะสม
    • ขัดฟันเบาๆ 
    • ขัดฟันเป็นรูปตัว C
    • ขัดฟันทุกซอกทุกมุม
    • ใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน

    หากใช้ไหมขัดฟันผิดวิธี อาจทำให้เหงือกร่น ฟันสึก และเกิดแผลในช่องปากได้

    ดังนั้น การใช้ไหมขัดฟันทุกวัน มีประโยชน์ มากมาย หากทำอย่างถูกวิธี จะช่วยให้สุขภาพช่องปากดี โดยไม่มีผลเสีย

อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาบางเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการใช้ไหมขัดฟันบางชนิด โดยเฉพาะไหมขัดฟันที่มีสารเคมีเช่น PTFE และ PFOA ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การเพิ่มระดับของสารเคมี PFAS ในร่างกาย. ดังนั้น คุณควรเลือกใช้ไหมขัดฟันที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสถาบันทันตกรรมที่เชื่อถือได้ เช่น ADA Seal of Acceptance

 

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

พบทันตแพทย์เป็นประจำดีอย่างไร

พบทันตแพทย์เป็นประจำดีอย่างไร

การพบทันตแพทย์เประจำมีประโยชน์หลายอย่างในการดูแลสุขภาพช่องปากและทันตกรรมของคุณ:

  1. การป้องกันปัญหาทันตกรรม: การตรวจฟันเป็นประจำช่วยให้ทันตแพทย์สามารถระบุปัญหาทันตกรรมในระยะเริ่มต้น เช่น ฟันผุ หรือโรคเหงือก ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาได้ทันท่วงทีและหลีกเลี่ยงการรักษาที่มากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูงในอนาคต.

  2. การดูแลสุขภาพฟันและเหงือก: การทำความสะอาดฟันอย่างละเอียดเป็นประจำช่วยลดการสะสมของคราบและแบคทีเรียที่อาจนำไปสู่โรคเหงือกและฟันผุ.

  3. การตรวจสุขภาพโดยรวม: ทันตแพทย์สามารถตรวจจับสัญญาณของโรคที่มีผลต่อร่างกายทั้งหมดผ่านการตรวจฟัน เช่น มีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าโรคเหงือกอาจเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและเบาหวาน.

  4. คำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปาก: ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และเทคนิคการดูแลช่องปากอื่นๆ เพื่อช่วยให้คุณรักษาสุขภาพฟันและเหงือกที่ดี.

  5. การค้นพบปัญหาที่ซ่อนเร้น: ทันตแพทย์สามารถใช้เทคโนโลยีเช่น X-ray เพื่อหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เหงือกหรือในบริเวณที่มองไม่เห็นได้ง่าย เช่น รากฟันที่แตกหรือการติดเชื้อในช่องปาก.

  6. การตรวจติดตามและการปรับแต่งการรักษา: การพบทันตแพทย์เป็นประจำช่วยให้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสุขภาพช่องปากและปรับแต่งการรักษาให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ.

  7. การดูแลสุขภาพทั่วไป: สุขภาพช่องปากที่ดีมีผลต่อสุขภาพทั่วไปของคุณ. มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างโรคเหงือกกับโรคหัวใจ, เบาหวาน, และภาวะสุขภาพอื่นๆ. การตรวจฟันเป็นประจำช่วยให้ทันตแพทย์สามารถระบุสัญญาณของปัญหาสุขภาพทั่วไปผ่านการตรวจสุขภาพช่องปากของคุณ.

การพบทันตแพทย์เป็นประจำไม่เพียงช่วยให้คุณมีฟันที่สะอาดและเปล่งปลั่งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สุขภาพช่องปากของคุณอยู่ในสภาวะที่ดี และช่วยป้องกันปัญหาทางด้านทันตกรรมที่อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงและการรักษาที่ซับซ้อนในอนาคต. นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพทั่วไปที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพช่องปาก.

ดังนั้น การพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากและสุขภาพโดยรวม

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

Air Flow ทันตกรรมดีหรือไม่

Air Flow ทันตกรรมดีหรือไม่

Air Flow ทันตกรรม, หรือที่รู้จักในชื่อ Air Flow Therapy, เป็นเทคนิคในการทำความสะอาดฟันที่ใช้เครื่องมือที่ผสมผสานน้ำ, อากาศอัดแรง, และอนุภาคผงละเอียดเพื่อทำความสะอาดและขัดฟัน. วิธีการนี้มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับการทำความสะอาดฟันแบบดั้งเดิม

  1. การทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ: Air Flow Therapy สามารถลบเคราะห์, คราบ, และแบคทีเรียที่สะสมบนฟันได้ดีกว่าวิธีดั้งเดิม
  2. ไม่รุนแรงและไม่ทำลาย: เทคนิคนี้ไม่ทำลายฟันหรือเหงือกเนื่องจากใช้ผงที่ละเอียดและไม่ก่อให้เกิดความร้อนหรือสั่นสะเทือน
  3. เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันและเหงือกที่บอบบาง: วิธีการนี้อ่อนโยนต่อฟันและเหงือก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันและเหงือกที่บอบบางหรือผู้ที่มีความรู้สึกไม่สบายเมื่อทำความสะอาดฟันแบบดั้งเดิม
  4. ทำความสะอาดได้เร็วกว่า: เนื่องจากเทคนิคนี้สามารถขจัดคราบและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้กระบวนการทำความสะอาดฟันเร็วขึ้นและลดเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการนั่งที่เก้าอี้ทันตกรรม
  5. เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องมือทันตกรรม: เนื่องจากวิธีการนี้อ่อนโยน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องมือทันตกรรม เช่น ผู้ที่ใส่จัดฟัน, ฟันปลอม, หรือมีฟันประดิษฐ์อื่นๆ
  6. เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วย: ผู้ป่วยมักรู้สึกสบายและมั่นใจมากขึ้นหลังจากการทำความสะอาดฟันด้วยวิธี Air Flow Therapy วิธีนี้ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการขจัดคราบและแบคทีเรีย แต่ยังอ่อนโยนต่อฟันและเหงือก ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันและเหงือกที่บอบบาง. นอกจากนี้ วิธีการนี้ยังช่วยให้กระบวนการทำความสะอาดฟันเร็วขึ้น และเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องมือทันตกรรม เช่น ผู้ที่ใส่จัดฟัน, ฟันปลอม, หรือมีฟันประดิษฐ์อื่นๆ.

ข้อดีของ Air Flow:

  • ขจัดคราบฝังแน่นบนฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมของฟัน
  • ไม่ทำลายเนื้อฟัน
  • ช่วยให้ฟันขาวขึ้น
  • ลดการสะสมของแบคทีเรีย
  • ป้องกันโรคเหงือกอักเสบ
  • ช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น

ข้อเสียของ Air Flow:

  • อาจรู้สึกเสียวฟันได้บ้าง
  • ไม่สามารถขจัดหินปูนหนาๆ ได้
  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขูดหินปูนแบบดั้งเดิม

สรุป:

Air Flow เป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการทำความสะอาดฟันที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีคราบฝังแน่นบนฟัน ต้องการฟอกสีฟัน หรือต้องการทำความสะอาดฟันก่อนการอุดฟัน หรือใส่เครื่องมือจัดฟัน อย่างไรก็ตาม Air Flow ไม่สามารถขจัดหินปูนหนาๆ ได้ และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขูดหินปูนแบบดั้งเดิม

ก่อนตัดสินใจทำ Air Flow ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพฟันและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

เทรนด์ทันตกรรม 2024

เทรนด์ทันตกรรม 2024

ในปี 2024, อุตสาหกรรมทันตกรรมกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยมีแนวโน้มหลักๆ ที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมนี้ ได้แก่

  1. การปรับแต่งการรักษาส่วนบุคคล: การใช้เทคนิคการรักษาที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการและความชอบของแต่ละบุคคลเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด
  2. การพัฒนาในด้านวัสดุชีวภาพที่สอดคล้องกับร่างกาย: การใช้วัสดุที่เข้ากันได้ดีกับสภาพแวดล้อมในช่องปาก เพื่อลดความเสี่ยงของปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์และเพิ่มอายุการใช้งานของการฟื้นฟูสภาพฟัน
  3. การใช้งานเทคโนโลยี AI: การนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการวินิจฉัยโรคและการวางแผนการรักษา ทำให้การรักษามีความแม่นยำและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วยมากขึ้น
  4. การพัฒนาการพิมพ์ 3 มิติ: การนำเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติมาใช้ในการผลิตโปรสเธติกและแนะนำการผ่าตัดทันตกรรม ทำให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  5. การใช้โปรแกรมการแจ้งเตือนและการสื่อสารอัตโนมัติกับผู้ป่วย: การใช้งาน AI ในการเข้าถึงผู้ป่วยทางออนไลน์ ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคลินิกและผู้ป่วยมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  6. ทันตกรรมดิจิทัล ทันตกรรมดิจิทัลกำลังมาแรง เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การพิมพ์ 3 มิติ การสแกนด้วยเลเซอร์ และการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถให้การรักษาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแก่ผู้ป่วยได้
  7. การรักษาด้วยเลเซอร์ เลเซอร์ถูกใช้มากขึ้นในทันตกรรมเพื่อรักษาต่างๆ เช่น โรคเหงือก ฟันผุ และความไวต่อแสง เลเซอร์มักมีความแม่นยำและน้อยกว่า กัดเซาะมากกว่าวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม
  8. วัสดุทันตกรรมใหม่ มีการพัฒนาวัสดุทันตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา วัสดุเหล่านี้มีความทนทาน สวยงาม และใช้งานได้จริงมากกว่าวัสดุที่ใช้ในอดีต
  9. ทันตกรรมป้องกัน มีการเน้นย้ำมากขึ้นในการป้องกัน ทันตกรรม ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดฟันเป็นประจำ การใช้ไหมขัดฟัน และการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ ทันตกรรมป้องกันสามารถช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงและมีค่าใช้จ่ายสูงได้
  10. ทันตกรรมเครื่องสำอาง ทันตกรรมเครื่องสำอางกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากกำลังมองหาวิธีปรับปรุงรอยยิ้มของตน ทันตกรรมเครื่องสำอางสามารถใช้เพื่อแก้ไขฟันที่ผิดรูป ฟันเหลือง และช่องว่างระหว่างฟัน

นี่เป็นเพียงแนวโน้มบางส่วนที่คาดว่าจะเห็นได้ในทันตกรรมในปี 2567 ทันตกรรมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญคือต้องติดตามเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด การทำเช่นนี้สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีที่สุดเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของคุณ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษารากฟัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษารากฟัน

  1. การรักษารากฟันคืออะไร? การรักษารากฟันเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ใช้เมื่อเนื้อภายในฟัน (เรียกว่าเนื้อประสาท) อักเสบหรือติดเชื้อจากฟันผุลึก, อุบัติเหตุ, หรือโรคปริทันต์.
  2. อาการที่บ่งบอกว่าต้องทำการรักษารากฟัน? อาการปวดฟันรุนแรง, ความไวต่ออุณหภูมิ, อาการบวมหรือปวดที่ไรฟัน, และการเปลี่ยนสีของฟัน อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าต้องทำการรักษารากฟัน.
  3. ขั้นตอนในการรักษารากฟันประกอบด้วยอะไรบ้าง? ขั้นตอนประกอบด้วยการกำจัดเนื้อประสาทที่อักเสบหรือติดเชื้อ, ทำความสะอาดและขยายช่องรากฟัน, และใส่สารอุดภายในช่องรากเพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต.
  4. การรักษารากฟันใช้เวลานานเท่าไหร่? การรักษามักใช้เวลาหลายวันหรือหลายครั้ง, ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกรณี.
  5. มีความเจ็บปวดหลังการรักษาหรือไม่? อาจมีความรู้สึกไม่สบายหรือปวดเล็กน้อยหลังการรักษา, แต่สามารถควบคุมด้วยยาแก้ปวด.
  6. การดูแลหลังการรักษามีอะไรบ้าง? ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารแข็งหรือเคี้ยวหนักที่ฟันที่รักษา, และควรทำความสะอาดฟันและไรฟันอย่างถูกวิธี.
  7. มีอัตราความสำเร็จของการรักษารากฟันมากน้อยแค่ไหน? อัตราความสำเร็จของการรักษารากฟันโดยทั่วไปสูงมาก, แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและความถูกต้องในการทำรักษา.
  8. ค่าใช้จ่ายในการรักษารากฟันประมาณเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกรณี, ทันตแพทย์ที่ทำการรักษา, และที่ตั้งของคลินิก. แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายที่แน่นอน.
  9. มีแนวทางทางเลือกในการรักษานอกเหนือจากรากฟันหรือไม่? ทางเลือกอาจรวมถึงการถอนฟันและการใส่ฟันปลอมหรือฟันเทียม. แต่การรักษารากฟันมักเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาฟันธรรมชาติ.
  10. การรักษารากฟันมีผลข้างเคียงใดๆ หรือไม่? ผลข้างเคียงเล็กน้อยอาจรวมถึงความรู้สึกไม่สบายหรือปวดที่ฟันหลังการรักษา, แต่โดยทั่วไปแล้วจะหายไปหลังจากไม่กี่วัน.

การรักษารากฟันเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องดำเนินการโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ. การเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีและการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมหลังการรักษาจะช่วยให้ฟันของคุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม