การดูแลรักษาสียางจัดฟัน

การดูแลรักษาสียางจัดฟัน

การดูแลรักษาสียางจัดฟันเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการจัดฟัน ที่ช่วยให้การจัดฟันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังรักษาสุขอนามัยในช่องปากได้ดี:

  1. การเปลี่ยนยางจัดฟันทุกเดือน: ยางจัดฟันจำเป็นต้องเปลี่ยนทุกเดือนเพื่อรักษาความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการจัดฟัน ยางจัดฟันที่สวมใส่ตลอดเวลาสามารถเสื่อมสภาพได้เนื่องจากการรับแรงดึงจากฟัน การเปลี่ยนยางจัดฟันจึงช่วยให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพและรักษาความสะอาดของช่องปาก​​.
  2. การเลือกสียาง: การเลือกสียางจัดฟันที่เหมาะสมกับสีผิวและสีฟันของคุณสามารถช่วยให้ฟันดูขาวและเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มได้​​.
  3. การดูแลรักษาในช่วงจัดฟัน: ควรใช้แปรงสีฟันที่ออกแบบมาสำหรับคนจัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันและเครื่องมือจัดฟัน นอกจากนี้ ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง และใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ​​.
  4. หลังการจัดฟัน: หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน มักจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟันกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม ซึ่งทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพยาวนาน​​.

การดูแลรักษาสียางจัดฟันและเครื่องมือจัดฟันอย่างถูกวิธีมีส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดกระบวนการจัดฟัน.

ยางจัดฟัน มีอันตรายหรือไม่ ต้องเลือกวัสดุอย่างไร

ยางจัดฟันเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการจัดฟัน และมีความปลอดภัยสำหรับการใช้งาน หากใช้ตามคำแนะนำของทันตแพทย์และดูแลรักษาอย่างถูกต้อง มีหลายประเภทของยางจัดฟัน ซึ่งแต่ละแบบมีหน้าที่และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

  1. ยางจัดฟันเชน (Elastic Power-Chains): มีลักษณะเป็นแพต่อยาวที่ช่วยเคลื่อนฟันให้มาชิดเข้าหากันและร่นระยะช่องห่างของฟัน​​​​​​.
  2. ยางดึงฟัน (Elastic Rubber Bands): เป็นยางห่วงกลมขนาดเล็กที่ใช้ยึดระหว่างฟันบนกับฟันล่าง หรือยึดกันในแนวราบ เพื่อช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ​​​​​​.
  3. ยางไนล่อน เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงดึง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  4. ยางยาง เป็นวัสดุที่ทนทานต่อแรงดึงสูง แต่ไม่ยืดหยุ่นเท่ายางไนล่อน
  5. ยางยางผสมไนล่อน เป็นวัสดุที่ผสมผสานคุณสมบัติของยางไนล่อนและยางยางเข้าด้วยกัน โดยมีความยืดหยุ่นสูงและทนทานต่อแรงดึงสูง

ยางจัดฟันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากเป็นยางจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานหรือคุณภาพต่ำ โดยอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ดังนี้

  • อาการแพ้ ยางจัดฟันบางชนิดอาจทำจากวัสดุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น สารปรอท สารตะกั่ว สารหนู เป็นต้น หากมีอาการแพ้ยางจัดฟัน เช่น คันปาก บวม แดง ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยางจัดฟัน
  • การติดเชื้อ ยางจัดฟันอาจเป็นแหล่งสะสมของคราบอาหารและแบคทีเรีย หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากได้
  • ฟันผุ ยางจัดฟันอาจทำให้เศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ติดค้างอยู่บริเวณซี่ฟันที่ยึดยางจัดฟัน หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดฟันผุได้

การเลือกวัสดุยางจัดฟันจึงมีความสำคัญ โดยควรเลือกยางจัดฟันที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากอย. นอกจากนี้ ควรดูแลรักษาความสะอาดยางจัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากยางจัดฟัน

สำหรับการดูแลรักษายางจัดฟัน มีแนวทางที่สำคัญคือ:

  • แปรงฟันสะอาดสม่ำเสมอ
  • ใช้สายจมูกและแปรงฟันกลางวัน
  • ตรวจสอบยางจัดฟันอย่างสม่ำเสมอ​​.

ยางจัดฟันจำเป็นต้องเปลี่ยนทุกเดือน ส่วนยางดึงฟันต้องเปลี่ยนทุก 12 – 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาความยืดหยุ่นและป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย​​.

การเลือกวัสดุของยางจัดฟันควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการรักษาและความต้องการของผู้รับการจัดฟัน นอกจากนี้ ยางจัดฟันยังถือเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นสำหรับบางคน โดยมีหลากหลายสีให้เลือกใช้

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

เคลียร์ช่องปาก คืออะไร

เคลียร์ช่องปาก คืออะไร

การเคลียร์ช่องปาก (Oral Clearance) คือ การเตรียมความพร้อมของช่องปากและฟันก่อนทำการรักษาต่างๆ เช่น การจัดฟัน การใส่ฟันปลอม การฟอกสีฟัน เป็นต้น การเคลียร์ช่องปากมีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัดปัญหาต่างๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หินปูน เป็นต้น เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดี

การเคลียร์ช่องปากอาจรวมถึงขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

  • การตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อตรวจหาปัญหาต่างๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หินปูน เป็นต้น
  • การขูดหินปูน เพื่อขจัดหินปูนและคราบพลัคที่เกาะติดบนฟัน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในช่องปาก
  • อุดฟัน เพื่ออุดฟันที่ผุ
  • รักษาโรคเหงือกอักเสบ เช่น การทำความสะอาดเหงือก การใส่เครื่องมือรักษาโรคเหงือก เป็นต้น
  • ถอนฟัน หากฟันผุหรือเสียหายจนไม่สามารถรักษาได้

การเคลียร์ช่องปากอาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาในช่องปากของแต่ละบุคคล

ประโยชน์ของการเคลียร์ช่องปาก

  • ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาอื่นๆ ในช่องปาก เช่น โรคปริทันต์อักเสบ โรคเหงือกอักเสบ
  • ช่วยให้ฟันและเหงือกแข็งแรง
  • ช่วยให้ยิ้มสวยและมั่นใจมากขึ้น

หากมีแผนที่จะรักษาฟันหรือช่องปาก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก่อน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทำไมต้องเคลือบฟลูออไรด์

ทำไมต้องเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูออไรด์ (Fluoride varnish) บนฟันเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ ซึ่งมีหลายเหตุผลที่ทำให้การเคลือบฟลูออไรด์เป็นทางเลือกที่นิยมในการดูแลสุขภาพช่องปาก

  1. เสริมสร้างเคลือบฟัน: ฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟันโดยกระบวนการรีมิเนอรัลไลเซชั่น (remineralization) ซึ่งเป็นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเคลือบฟันและทำให้ฟันมีความต้านทานต่อการผุมากขึ้น
  2. ป้องกันการผุของฟัน: ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการหยุดหรือชะลอการเกิดฟันผุ โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการผุฟันและยังช่วยลดความสามารถของแบคทีเรียในการผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟัน
  3. ป้องกันการสะสมของคราบพลัค: ฟลูออไรด์สามารถช่วยลดการสะสมของคราบพลัคและลดการเกิดโรคเหงือก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเกิดฟันผุและโรคเหงือก
  4. การใช้งานที่ง่ายและปลอดภัย: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถทำได้ง่ายในคลินิกทันตกรรม นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยทุกวัย รวมถึงเด็กๆ
  5. ต้นทุนต่ำ: เมื่อเทียบกับการรักษาฟันผุ การเคลือบฟลูออไรด์มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาว
  6. ประสิทธิภาพสูง: หลายๆ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเคลือบฟลูออไรด์มีประสิทธิภาพสูงในการลดการเกิดฟันผุ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

การเคลือบฟลูออไรด์จึงเป็นวิธีการที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการผุและส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีครับ

ข้อดีของการเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูออไรด์มีข้อดีหลายประการที่สำคัญต่อสุขภาพฟันและช่องปาก ได้แก่:

  1. ป้องกันฟันผุ: ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันการเกิดฟันผุ โดยการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟันและป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุ
  2. รีมิเนอรัลไลเซชั่น: ฟลูออไรด์ช่วยกระบวนการรีมิเนอรัลไลเซชั่น ซึ่งคือการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเคลือบฟัน ทำให้ฟันมีความต้านทานต่อการผุมากขึ้น
  3. ลดความเสี่ยงของโรคช่องปาก: การเคลือบฟลูออไรด์สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเหงือกและการสูญเสียฟันอื่นๆ โดยการลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
  4. ใช้งานง่ายและรวดเร็ว: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นกระบวนการที่รวดเร็วและง่ายดาย ทำได้ภายในเวลาไม่นานในคลินิกทันตกรรม
  5. ปลอดภัยสำหรับทุกวัย: การเคลือบฟลูออไรด์เหมาะสำหรับผู้ป่วยทุกวัย รวมถึงเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดฟันผุ
  6. ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับการรักษาฟันผุ การเคลือบฟลูออไรด์มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อป้องกันฟันผุในระยะยาว
  7. เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม: ฟันที่แข็งแรงและสุขภาพดีช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มและช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ทั่วไปของช่องปาก

การเคลือบฟลูออไรด์จึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการดูแลรักษาสุขภาพฟัน โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดฟันผุครับ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

คลินิกทำฟันที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้

คลินิกทำฟันที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้

คลินิกทำฟันที่ดีควรมีคุณสมบัติและลักษณะที่สำคัญดังนี้เพื่อให้สามารถให้บริการดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมีคุณภาพ:

  1. ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์: ทันตแพทย์และทีมงานควรมีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้องและมีประสบการณ์ในการรักษาทางทันตกรรม
  2. สถานที่ที่สะอาดและปลอดภัย: คลินิกควรมีสภาพแวดล้อมที่สะอาด รวมถึงมีมาตรฐานสุขอนามัยที่ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาสุขภาพของผู้ป่วย
  3. อุปกรณ์ทันสมัย: การมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัยที่ครอบคลุมต่างๆ เช่น เครื่อง X-ray, เครื่องมือสำหรับการทำความสะอาดฟัน, และอุปกรณ์สำหรับการทำฟันปลอม
  4. บริการที่หลากหลาย: คลินิกควรมีบริการทันตกรรมที่หลากหลาย รวมถึงการตรวจสุขภาพปากและฟัน การทำฟัน การรักษาฟันผุ การติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน และอื่นๆ
  5. การสื่อสารที่ดี: ทันตแพทย์และทีมงานควรสามารถสื่อสารได้ชัดเจน ให้คำปรึกษาและข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการรักษาและตัวเลือกการรักษาที่มี
  6. บริการลูกค้าที่เป็นมิตร: การบริการที่ดีและเป็นมิตร รวมถึงการจัดการนัดหมายที่สะดวกและรวดเร็ว
  7. ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล: คลินิกควรมีความโปร่งใสในเรื่องของค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการรักษา
  8. การรีวิวและคำแนะนำ: การมีรีวิวที่ดีจากผู้ป่วยที่เคยใช้บริการเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกคลินิกที่ดีได้
  9. มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล คลินิกทำฟันที่ดีควรมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกนั้นได้รับการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ

คลินิกทำฟันที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล คลินิกทำฟันที่ดีควรมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าคลินิกนั้นได้รับการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ
  • มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คลินิกทำฟันที่ดีควรมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในการรักษาฟันและช่องปาก สามารถให้คำแนะนำและรักษาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
  • มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย คลินิกทำฟันที่ดีควรมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • มีบรรยากาศที่สะอาดและปลอดภัย คลินิกทำฟันที่ดีควรมีบรรยากาศที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย
  • มีบริการที่ดี คลินิกทำฟันที่ดีควรมีบริการที่ดี เช่น การต้อนรับที่อบอุ่น การอธิบายรายละเอียดการรักษาให้คนไข้เข้าใจ เป็นต้น

นอกจากนี้ คนไข้ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ที่ตั้งของคลินิก การเดินทาง ความสะดวกในการให้บริการ เป็นต้น

เคล็ดลับในการเลือกคลินิกทำฟัน

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกทำฟันจากแหล่งต่างๆ เช่น เว็บไซต์ รีวิวจากคนไข้ เป็นต้น
  • ปรึกษาเพื่อนหรือญาติที่เคยทำฟันกับคลินิกนั้นๆ
  • นัดหมายเพื่อปรึกษากับทันตแพทย์ก่อนตัดสินใจทำการรักษา

หากคนไข้เลือกคลินิกทำฟันที่ดี ก็จะมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การเลือกคลินิกทำฟันที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับการดูแลที่มีคุณภาพ แต่ยังช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจในการรักษาที่คุณได้รับครับ。

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ต่อเติมฟันบิ่น มีวิธีการอย่างไร

ต่อเติมฟันบิ่น มีวิธีการอย่างไร

การต่อเติมฟันบิ่นเป็นกระบวนการทันตกรรมที่ใช้สำหรับฟื้นฟูฟันที่เสียหาย อย่างเช่น ฟันที่บิ่นหรือแตก วิธีการนี้ช่วยให้ฟันกลับมามีรูปลักษณ์และการทำงานที่ดีขึ้น ต่อไปนี้คือขั้นตอนทั่วไปในการต่อเติมฟันบิ่น

  1. การประเมินสุขภาพฟัน:
    • ทันตแพทย์จะตรวจสอบฟันที่บิ่นเพื่อประเมินระดับความเสียหายและตัดสินใจว่าวิธีการใดที่เหมาะสมที่สุด
  2. การเตรียมพื้นที่:
    • ทันตแพทย์อาจทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและขจัดส่วนของฟันที่เสียหายออก
  3. การเลือกวัสดุต่อเติม:
    • วัสดุที่ใช้ในการต่อเติมอาจรวมถึงคอมโพสิตเรซิน ซึ่งสามารถจับตัวกับฟันได้ดีและมีสีที่คล้ายกับฟันธรรมชาติ
  4. การต่อเติม:
    • ทันตแพทย์จะใช้วัสดุต่อเติมเพื่อสร้างรูปทรงของฟันที่เสียหาย และปรับให้เข้ากับรูปลักษณ์และการทำงานของฟันที่ดี
  5. การกำจัดส่วนที่เกินและการขัดเงา:
    • หลังจากที่วัสดุต่อเติมถูกวางลงไปแล้ว ทันตแพทย์จะขจัดส่วนที่เกินและขัดเงาพื้นผิวให้เรียบเนียนและเข้ากับฟันที่อยู่รอบข้าง
  6. การตรวจสอบการกัด:
    • ทันตแพทย์จะตรวจสอบการกัดของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าการต่อเติมไม่มีผลกระทบต่อการกัดหรือการทำงานของปาก
  7. การติดตามผล:
    • หลังการต่อเติม คุณอาจต้องมีการนัดติดตามผลกับทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบการปรับตัวของฟันและวัสดุต่อเติม

การต่อเติมฟันบิ่นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์ และความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับความเสียหายของฟันและวัสดุที่ใช้ หากคุณมีฟันบิ่นหรือแตก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมที่สุด.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทำไมต้องเคลือบฟลูออไรด์

ทำไมต้องเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูออไรด์ (Fluoride varnish) บนฟันเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ ซึ่งมีหลายเหตุผลที่ทำให้การเคลือบฟลูออไรด์เป็นทางเลือกที่นิยมในการดูแลสุขภาพช่องปาก:

  1. เสริมสร้างเคลือบฟัน: ฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟันโดยกระบวนการรีมิเนอรัลไลเซชั่น (remineralization) ซึ่งเป็นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเคลือบฟันและทำให้ฟันมีความต้านทานต่อการผุมากขึ้น
  2. ป้องกันการผุของฟัน: ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการหยุดหรือชะลอการเกิดฟันผุ โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ช่วยในกระบวนการผุฟันและยังช่วยลดความสามารถของแบคทีเรียในการผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟัน
  3. ป้องกันการสะสมของคราบพลัค: ฟลูออไรด์สามารถช่วยลดการสะสมของคราบพลัคและลดการเกิดโรคเหงือก ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเกิดฟันผุและโรคเหงือก
  4. การใช้งานที่ง่ายและปลอดภัย: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นกระบวนการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถทำได้ง่ายในคลินิกทันตกรรม นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยทุกวัย รวมถึงเด็กๆ
  5. ต้นทุนต่ำ: เมื่อเทียบกับการรักษาฟันผุ การเคลือบฟลูออไรด์มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาว
  6. ประสิทธิภาพสูง: หลายๆ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเคลือบฟลูออไรด์มีประสิทธิภาพสูงในการลดการเกิดฟันผุ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

การเคลือบฟลูออไรด์สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ และการเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์

การเคลือบฟลูออไรด์เป็นวิธีการป้องกันฟันผุที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำได้ง่าย และปลอดภัย เด็กและผู้ใหญ่ทุกคนควรได้รับการเคลือบฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ

นอกจากการเคลือบฟลูออไรด์แล้ว การดูแลสุขภาพฟันที่ดียังสามารถทำได้โดยแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ใช้ไหมขัดฟันวันละ 1 ครั้ง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน

ข้อดีของการเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูออไรด์มีข้อดีหลายประการที่สำคัญต่อสุขภาพฟันและช่องปาก ได้แก่:

  1. ป้องกันฟันผุ: ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันการเกิดฟันผุ โดยการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟันและป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุ
  2. รีมิเนอรัลไลเซชั่น: ฟลูออไรด์ช่วยกระบวนการรีมิเนอรัลไลเซชั่น ซึ่งคือการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเคลือบฟัน ทำให้ฟันมีความต้านทานต่อการผุมากขึ้น
  3. ลดความเสี่ยงของโรคช่องปาก: การเคลือบฟลูออไรด์สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเหงือกและการสูญเสียฟันอื่นๆ โดยการลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
  4. ใช้งานง่ายและรวดเร็ว: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นกระบวนการที่รวดเร็วและง่ายดาย ทำได้ภายในเวลาไม่นานในคลินิกทันตกรรม
  5. ปลอดภัยสำหรับทุกวัย: การเคลือบฟลูออไรด์เหมาะสำหรับผู้ป่วยทุกวัย รวมถึงเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดฟันผุ
  6. ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับการรักษาฟันผุ การเคลือบฟลูออไรด์มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อป้องกันฟันผุในระยะยาว
  7. เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม: ฟันที่แข็งแรงและสุขภาพดีช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มและช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ทั่วไปของช่องปาก

การเคลือบฟลูออไรด์จึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการดูแลรักษาสุขภาพฟัน โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดฟันผุ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทันตกรรมฉุกเฉินมีอะไรบ้าง

ทันตกรรมฉุกเฉิน มีอะไรบ้าง

ทันตกรรมฉุกเฉินครอบคลุมการรักษาที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับปัญหาทันตกรรมที่เฉียบพลันและร้ายแรง บางสถานการณ์ที่ต้องใช้การดูแลทันตกรรมฉุกเฉิน ได้แก่:

  1. ฟันหลุดหรือฟันหัก: การรักษาฟันที่หลุดหรือหักออกจากการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ.
  2. ฟันแตกหรือแตกร้าว: ฟันที่แตกหรือแตกร้าวต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือความเจ็บปวด.
  3. อาการปวดฟันรุนแรง: ปวดฟันที่รุนแรงและไม่หยุดยั้งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการรักษาทันที.
  4. ฟันหรือเหงือกบวม: การบวมอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรืออักเสบที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์.
  5. การติดเชื้อรุนแรงในช่องปาก: เช่น การติดเชื้อที่เหงือก, ฐานฟัน, หรือกระดูก.
  6. การสูญเสียอุดฟันหรือครอบฟัน: การอุดฟันหรือครอบฟันที่หลุดออกอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ.
  7. กรณีเลือดออกไม่หยุด: เลือดออกที่ไม่สามารถควบคุมได้หลังจากการถอนฟันหรืออุบัติเหตุ.
  8. โรคเหงือกอักเสบอย่างรุนแรง: เช่น โรคเหงือกและเนื้อเหงือกอักเสบที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและบวม.
  9. การสูญเสียฟันเทียม: ฟันเทียมหลุดหรือเสียหายต้องการการแก้ไขอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันปัญหาในการกินหรือพูด.
  10. อาการเจ็บปวดหลังการรักษาทันตกรรม: เช่น ความเจ็บปวดหลังการอุดฟันหรือการรักษาคลองรากฟัน.

ในกรณีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินทางทันตกรรม, สิ่งสำคัญคือต้องติดต่อทันตแพทย์หรือไปยังคลินิกทันตกรรมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที.

ทันตกรรมฉุกเฉิน คือ ภาวะที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทันตกรรมทันที เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและฟัน หรืออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม

ภาวะทันตกรรมฉุกเฉินที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดฟันรุนแรง อาจเป็นสาเหตุจากฟันผุ ฟันแตก ฟันคุดอักเสบ หรือเหงือกอักเสบ เป็นต้น
  • เลือดออกในช่องปาก อาจเป็นสาเหตุจากฟันผุ ฟันแตก เหงือกอักเสบ หรืออุบัติเหตุ เป็นต้น
  • ฟันหักหรือหลุด อาจเป็นสาเหตุจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
  • ขากรรไกรค้าง อาจเป็นสาเหตุจากอุบัติเหตุ หรือโรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ เป็นต้น
  • ปัญหาเกี่ยวกับทันตเทียม เช่น ฟันปลอมหลุด ฟันปลอมหลวม หรือฟันปลอมแตก เป็นต้น

หากมีอาการทันตกรรมฉุกเฉิน ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที

การรักษาทันตกรรมฉุกเฉินอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการ โดยทันตแพทย์อาจใช้วิธีการต่างๆ เช่น

  • การให้ยาแก้ปวด
  • การอุดฟันชั่วคราว
  • การถอนฟัน
  • การเย็บแผล
  • การรักษารากฟัน
  • การเปลี่ยนทันตเทียม เป็นต้น

การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการทันตกรรมฉุกเฉิน สามารถทำได้ดังนี้

  • รับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวด
  • ใช้น้ำเกลือล้างช่องปาก เพื่อทำความสะอาดและลดอาการอักเสบ
  • ประคบเย็นบริเวณที่ปวด เพื่อลดอาการบวม
  • รับประทานอาหารที่นิ่มๆ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนฟันที่เสียหาย

หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

คลินิกทําฟัน ใกล้ฉัน BPDC DENTAL

ปัจจัยในการเลือกคลินิกทันตกรรม

การเลือกคลินิกทันตกรรมที่เหมาะสมสำหรับคุณนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดตามความต้องการของคุณ:

  1. ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์: ควรเลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่คุณต้องการการดูแล, เช่น ทันตกรรมเพื่อความงาม, การจัดฟัน, หรือทันตกรรมเด็ก.
  2. คุณภาพของการบริการ: อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการเพื่อประเมินคุณภาพของการบริการ, ทั้งในแง่ของการดูแลผู้ป่วยและผลลัพธ์หลังการรักษา.
  3. เทคโนโลยีและอุปกรณ์: คลินิกที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและอุปกรณ์ครบครันมักจะสามารถให้การรักษาที่ดีและแม่นยำกว่า.
  4. ความสะดวกสบายและสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่สะอาด, สบาย, และเป็นมิตรสามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างการรับการรักษา.
  5. สถานที่ตั้ง: ควรพิจารณาคลินิกที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางของคุณ.
  6. ค่าใช้จ่าย: ตรวจสอบค่าใช้จ่ายและตัวเลือกการชำระเงิน เช่น การใช้ประกันสุขภาพหรือโปรแกรมการชำระเงินที่มีความยืดหยุ่น.
  7. การเข้าถึงข้อมูล: คลินิกที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายเกี่ยวกับการรักษา, ค่าใช้จ่าย, และขั้นตอนต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ.
  8. บริการหลังการรักษา: คลินิกที่มีบริการดูแลหลังการรักษาที่ดีสามารถช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังจากการรักษา.
  9. การรับรองและการรับรองมาตรฐาน: คลินิกที่มีการรับรองจากองค์กรมาตรฐานทันตกรรมมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง.
  10. การสื่อสารและการบริการ: ความสามารถในการสื่อสารกับทันตแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายเป็นสิ่งสำคัญ.

การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกคลินิกทันตกรรมที่ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของคุณได้อย่างดีที่สุด.

นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมตามความสำคัญ เช่น บรรยากาศภายในคลินิก พนักงานต้อนรับ ฯลฯ

ตัวอย่างคำถามที่ควรถามทันตแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของคลินิกก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ ได้แก่

  • คลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการทันตกรรมที่ถูกต้องหรือไม่
  • ทันตแพทย์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรมที่ถูกต้องหรือไม่
  • ทันตแพทย์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการรักษาประเภทที่เราต้องการหรือไม่
  • คลินิกมีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยหรือไม่
  • คลินิกมีราคาการรักษาที่เหมาะสมกับงบประมาณของเราหรือไม่
  • คลินิกมีบริการหลังการรักษาหรือไม่

โดยควรสอบถามคำถามเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัย

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทันตกรรมเพื่อความงาม มีอะไรบ้าง

ทันตกรรมเพื่อความงาม มีอะไรบ้าง

ทันตกรรมเพื่อความงามหรือทันตกรรมคอสเมติกเป็นสาขาของทันตกรรมที่โฟกัสไปที่การปรับปรุงรูปลักษณ์ของฟันและรอยยิ้ม มีหลายวิธีการที่ใช้ในทันตกรรมเพื่อความงาม, รวมถึง:

  1. การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening): หนึ่งในวิธีที่เรียบง่ายและเป็นที่นิยมมากที่สุด ใช้สารเคมีเพื่อทำให้ฟันขาวขึ้นและลดคราบจากอาหาร, เครื่องดื่ม, หรือการสูบบุหรี่.
  2. วีเนียร์ (Veneers): วีเนียร์คือชั้นเคลือบทำจากเซรามิกหรือวัสดุคอมโพสิตที่ติดอยู่ที่ด้านหน้าของฟัน เพื่อปรับปรุงรูปร่าง, สี, ขนาด, หรือความยาวของฟัน.
  3. การติดเครื่องมือจัดฟัน: ใช้ในการแก้ไขการเรียงตัวของฟันและการกัดของฟันที่ไม่สมดุล มีหลายประเภท เช่น เครื่องมือจัดฟันแบบดั้งเดิมและแบบใส.
  4. ครอบฟัน (Crowns) และสะพานฟัน (Bridges): ครอบฟันใช้สำหรับครอบฟันที่แตกหรือเสียหาย ส่วนสะพานฟันเป็นการแทนที่ฟันที่ขาดหายไปโดยใช้ฟันที่อยู่ข้างเคียงเป็นฐาน.
  5. การอุดฟันสีฟัน (Tooth-Colored Fillings): มีวัสดุอุดที่มีสีคล้ายฟันธรรมชาติ, ต่างจากอมัลกัมสีเงินที่ใช้ในอดีต.
  6. การปรับแต่งรูปร่างฟัน (Dental Contouring and Reshaping): ปรับรูปร่างฟันที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอหรือเสียรูป เช่น ฟันที่มีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่สมดุล.
  7. ทันตกรรมกระดูก (Dental Implants): สำหรับแทนที่ฟันที่หายไปโดยการใช้กระดูกเทียมที่ฝังไว้ในกระดูกขากรรไกร.
  8. การทำฟันปลอม (Dentures): ทั้งฟันปลอมเต็มปากหรือฟันปลอมบางส่วนเพื่อแทนที่ฟันที่หายไป.
  9. การทำอินเลย์และออนเลย์ (Inlays and Onlays): เป็นการอุดหรือซ่อมแซมฟันที่เสียหายแบบไม่สัมผัสกับขอบฟันหรือครอบคลุมฟันทั้งหมด.

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการทันตกรรมเพื่อความงามอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การเคลือบผิวฟันด้วยเซรามิก การปิดช่องว่างระหว่างฟันด้วยวัสดุอุดฟัน การศัลยกรรมเหงือก เป็นต้น

การเลือกวิธีการทันตกรรมเพื่อความงามขึ้นอยู่กับความต้องการและคำแนะนำของทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเข้าใจขั้นตอน, ค่าใช้จ่าย, และการดูแลหลังการรักษาที่อาจเกิดขึ้น.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

เหตุใดทำให้ต้องรักษารากฟัน

เหตุใดทำให้ต้องรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน (root canal treatment) คือการรักษาฟันที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่เนื้อฟันและรากฟัน มีหลายสาเหตุที่ทำให้ต้องทำการรักษารากฟัน ดังนี้

  • ฟันผุลึกจนทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันผุเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน เมื่อฟันผุลึกจนทะลุถึงโพรงประสาทฟัน แบคทีเรียก็จะเข้าสู่โพรงประสาทฟันและทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน ส่งผลให้เกิดอาการปวดฟัน เสียวฟัน เหงือกบวม มีหนอง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นต้องถอนฟัน
  • ฟันแตกหัก ฟันแตกหักอาจทำให้โพรงประสาทฟันเปิดออก ส่งผลให้เชื้อโรคเข้าสู่โพรงประสาทฟันและเกิดการอักเสบและติดเชื้อ เช่นเดียวกับฟันผุลึก
  • ฟันที่ได้รับแรงกระแทก ฟันที่ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงอาจทำให้รากฟันแตกหรือฉีกขาด ส่งผลให้โพรงประสาทฟันเปิดออกและเกิดการอักเสบและติดเชื้อ
  • ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ เช่น ถูกฟันซี่อื่นกระแทกหรือถูกวัตถุแข็งกระแทก อาจทำให้โพรงประสาทฟันเสียหาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ

การรักษารากฟันเป็นกระบวนการที่ทันตแพทย์จะทำการกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน จากนั้นจึงทำการอุดตันโพรงประสาทฟันด้วยวัสดุอุดฟันหรือวัสดุเรซิน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่โพรงประสาทฟันซ้ำอีก การรักษารากฟันสามารถช่วยให้ฟันที่มีปัญหาสามารถคงอยู่ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องถอนฟัน

นอกจากการรักษารากฟันแล้ว การป้องกันฟันผุและฟันแตกหักก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการต้องรักษารากฟัน สามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากอย่างสม่ำเสมอ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง วันละ 2 นาที ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและช่องปากเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

ประโยชน์ของการรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน (root canal treatment) มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้:

  1. บันทึกฟัน: การรักษารากฟันช่วยในการบันทึกฟันที่มีการเสียหายจากการติดเชื้อ โดยไม่ต้องถอนฟันออก ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ฟันสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม
  2. ป้องกันการติดเชื้อแพร่กระจาย: การเอาเนื้อฟันและเส้นประสาทที่ติดเชื้อออกจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อไปยังช่องฟันอื่น ๆ หรือไปยังกระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆฟัน
  3. ประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ: การรักษารากฟันแล้วเติมฟันครอบ (crown) อาจมีราคาต่ำกว่าการถอนฟันและวางฟันเทียม
  4. ลดอาการปวด: การรักษารากฟันเป็นวิธีการที่เป็นประโยชน์ในการลดหรือหายไปของอาการปวดจากฟันที่ติดเชื้อ
  5. คืนความมั่นใจ: การบันทึกฟันทำให้คนสามารถยิ้มและพูดคุยได้ด้วยความมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียฟัน
  6. การบำรุงรักษาฟังก์ชันการเคี้ยว: การมีฟันครบชุดทำให้การเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  7. ป้องกันการเลื่อนลงของฟันอื่น ๆ: เมื่อฟันถูกถอนออก, ฟันที่อยู่รอบๆอาจจะเริ่มเลื่อนลงมาที่ช่องว่าง การรักษารากฟันช่วยในการป้องกันปัญหานี้
  8. ป้องกันการติดเชื้อและการอักเสบ: การทำความสะอาดและปิดช่องฟันโดยการรักษารากฟันช่วยป้องกันการเกิดการติดเชื้อและการอักเสบในอนาคต
  9. ความสะดวก: การรักษารากฟันทั้งหมดสามารถทำได้ภายในไม่กี่ครั้ง ทำให้การรักษานี้เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและเวลาในการรักษาไม่ยาวนาน

การรักษารากฟันเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับฟันที่มีการเสียหายจากการติดเชื้อ และช่วยในการคืนความสุขภาพฟันในระยะยาว.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม