สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจฟอกสีฟัน

เชื่อว่า ใครที่ฟันขาว ยิ้มสวยได้ เป็นอะไรที่หลายคนต่างอิจฉา เพราะคุณจะสามารถยิ้มได้ออกมาอย่างมั่นใจ นั่นจะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้น่าดึงดูดใจมากขึ้น แต่ถ้าใครฟันไม่ขาวอย่างใจ ไม่ว่าจะเหลืองหรือมีสีคล้ำ เดี๋ยวนี้คลินิกทันตกรรมมีนวัตกรรมที่เรียกว่า “ฟอกสีฟัน” ที่จะเนรมิตฟันของคุณให้กลับมาขาวได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ ว่าแต่ อะไรบ้างล่ะที่เราจะต้องรู้ ก่อนตัดสินใจไปฟอกสีฟัน?

การฟอกสีฟัน คืออะไร

การฟอกสีฟัน คือ การทำให้ฟันเกิดการเปลี่ยนแปลงสีหรือการทำให้ขาวขึ้น โดยใช้น้ำยาฟอกสีฟัน และกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยาฟอกสีฟันด้วยแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์

อะไรทำให้สีฟันเข้มขึ้นได้บ้าง

ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปฟอกสีฟัน เราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันของเราเปลี่ยนสีไป เพื่อที่เราจะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟันมีสีเข้มมาจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

  1. การเปลี่ยนสีฟันที่เกิดขึ้นภายในตัวฟัน

อาจจะเกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานสารที่มีฟลูออไรด์มากเกินไป ทำให้ฟันตกกระ รวมถึงภาวะ

ฟันตาย (ฟันที่ไม่มีเส้นเลือดหรือเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันมีสีไม่ขาวเป็นธรรมชาติ) เนื่องจากถูกกระทบกระแทก ซึ่งสาเหตุนี้ส่วนใหญ่มักไม่สามารถใช้วิธีฟอกสีฟันให้กลับมาขาวได้

  • การเปลี่ยนสีของฟันที่เกิดขึ้นภายนอกตัวฟัน

ได้แก่ การมีคราบหินปูนหรือคราบน้ำลาย คราบชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง แกงต่าง ๆ การสูบบุหรี่

รวมถึง การแปรงฟันที่ผิดวิธี ทำให้เกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูนไปเกาะที่ผิวนอกของตัวฟันทีละน้อย ๆ จนทำให้ฟันค่อย ๆ มีสีเหลืองเข้มขึ้น สาเหตุนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก ทั้งการฟอกสีฟัน ขัดฟัน ขูดหินปูน

  • การเปลี่ยนสีของฟันที่เกี่ยวข้องกับอายุ

เมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น เคลือบฟันจะบางลงทำให้เห็นเนื้อฟันที่อยู่ชั้นในและมีสีเหลืองที่ชัดเจน

ขึ้น หากเป็นฟันที่เหลืองตามธรรมชาติ จะฟอกสีฟันได้ ทั้งนี้ทันตแพทย์จะต้องตรวจดูสภาพเหงือกและฟัน รวมถึงรอยร้าวต่าง ๆ บนตัวฟันก่อน

วิธีในการฟอกสีฟัน

สำหรับวิธีการฟอกสีฟัน โดยทั่วไปเราสามารถปรึกษาทัตแพทย์เพื่อเลือกวิธีการฟอกสีฟันที่เหมาะสมกับเคสของตัวเราเอง เราจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. In-office Bleaching (การฟอกสีฟันในคลินิก) ทำได้ 2 วิธี
  2. การฟอกสีฟันโดยใช้เลเซอร์ฟอกสีฟัน เป็นการใช้แสงที่ให้ความร้อนต่ำมากระตุ้นปฏิกิริยาเคมี ในเจลฟอกสีฟันที่จะทำหน้าที่ดึงเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
  3. การฟอกสีฟันโดยใช้แสงเย็น (Cold Light) เป็นการใช้แสง LED ในอุณหภูมิที่ต่ำ ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว แสงจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ให้เม็ดสีหนาทึบของฟันแตกตัว ทำให้ฟันดูขาวกระจ่างขึ้น ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
  4. การฟอกสีฟันโดยใช้เครื่องฉายแสง UV (แสงสีฟ้า) เป็นการฟอกสีฟันด้วยพลังงานแสงความร้อน เพื่อไปกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในเจลฟอกสีฟัน ซึ่งสามารถเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เหงือกเจ็บแสบ แดง หรืออักเสบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

  5. At home Bleaching (การกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน)

วิธีนี้เป็นการฟอกสีฟัน โดยการนำน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน ภายใต้การควบคุมดูแล

ของทันตแพทย์เป็นระยะ ๆ ซึ่งจะต้องไปพบทันตแพทย์ในครั้งแรกเพื่อพิมพ์ปาก ทำถาดสำหรับใส่สารฟอกสีฟัน โดยถาดจะต้องแนบพอดีกับตัวฟันและเหงือก โดยต้องใส่ทิ้งไว้ตลอดคืน นาน 10-15 วัน ข้อดีของวิธีนี้คือ ราคาถูก และสะดวกสบายมากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาพร้อมความมีวินัยในการทำ

ฟอกสีฟัน ทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงไหม อยู่ได้นานแค่ไหน

การฟอกสีฟันทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริงค่ะ ส่วนผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้ยาวนานแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับสภาพฟันของเรา รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราด้วย แต่โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี

รู้อย่างนี้แล้ว หากใครสนใจที่จะฟอกสีฟัน เบื้องต้นแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ใกล้บ้าน เพื่อพิจารณาสภาพฟันและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายฟอกสีฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ฟันขาว #ฟอกสีฟัน

Comments are closed.