root canal treatment

รักษารากฟัน อ่านก่อนเข้ารักษารากฟัน


การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) เป็นวิธีการรักษาที่ทำเมื่อเนื้อฟันภายใน (ที่เรียกว่า “รากฟัน” หรือ “pulp”) ติดเชื้อหรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ กระบวนการนี้มักจำเป็นเมื่อฟันผุเข้าถึงระดับที่ลึกเกินไปจนถึงรากฟัน

ขั้นตอนการรักษารากฟันอย่างง่าย ดังนี้:

  1. ทันตแพทย์จะทำการชาฟันของคุณ แล้วทำความสะอาดและทำให้สภาพฟันเตรียมพร้อมสำหรับการรักษา
  2. หลังจากนั้นทันตแพทย์จะเจาะฟันเพื่อเข้าถึงรากฟัน ทันตแพทย์จะนำเอาเนื้อฟันและแบคทีเรียที่ติดเชื้อออกมา
  3. รากฟันที่ถูกทำความสะอาดจะถูกเติมด้วยวัสดุอุดฟันพิเศษที่เรียกว่า gutta-percha
  4. ทันตแพทย์จะอุดทางเข้าสู่รากฟันด้วยวัสดุอุดฟัน และอาจจะต้องใช้การครอบฟัน (crown) ในกรณีที่ฟันเสื่อมสภาพมาก

การรักษารากฟันสามารถทำได้ในครั้งเดียวหรือหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพและระดับความรุนแรงของการติดเชื้อภายในฟัน การรักษารากฟันจะช่วยฟื้นฟูฟันที่เสียหายจากการผุ หยุดการติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังฟันหรือกระดูกอื่น

ขั้นตอนการรักษารากฟัน

การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) เป็นกระบวนการที่ทำเมื่อเนื้อฟันภายใน (ที่เรียกว่า “รากฟัน” หรือ “pulp”) ติดเชื้อหรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ กระบวนการนี้มักจำเป็นเมื่อฟันผุเข้าถึงระดับที่ลึกเกินไปจนถึงรากฟัน

ขั้นตอนการรักษารากฟันอย่างละเอียด ดังนี้:

  1. ฉันฟัน: ทันตแพทย์จะใช้ยาชาท้องถิ่นเพื่อลดความรู้สึกในระหว่างการรักษา
  2. สร้างทางเข้าสู่รากฟัน: ทันตแพทย์จะเจาะทางเข้าสู่รากฟันผ่านส่วนที่เรียกว่า “crown” หรือส่วนบนของฟัน
  3. นำเอาเนื้อฟันและแบคทีเรียออก: ใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อนำเนื้อฟันและแบคทีเรียที่ติดเชื้อออกมาจากรากฟัน
  4. ทำความสะอาดรากฟัน: ทำความสะอาดภายในรากฟันด้วยน้ำยาพิเศษและเครื่องมือที่เรียกว่า “file”
  5. แห้งและอุดรากฟัน: เมื่อทำความสะอาดรากฟันแล้ว, ทันตแพทย์จะทำให้รากฟันแห้งและเติมด้วยวัสดุอุดฟันพิเศษที่เรียกว่า gutta-percha
  6. อุดทางเข้าสู่รากฟัน: ทันตแพทย์จะอุดทางเข้าสู่รากฟันด้วยวัสดุอุดฟัน เพื่อป้องกันการเข้าถึงของแบคทีเรียในอนาคต

การรักษารากฟัน ด้วยวิธีธรรมชาติ

ถึงแม้ว่าการรักษารากฟันโดยวิธีธรรมชาติหรือการรักษาแบบทั่วไปที่ไม่ใช้ยาหรือเครื่องมือทางการแพทย์เป็นเรื่องที่น่าสนใจ, แต่ความจริงคือไม่มีวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษารากฟันโดยวิธีธรรมชาติ.

การรักษารากฟันทำเพื่อนำเอาเนื้อฟันที่ติดเชื้อออกจากฟัน, ซึ่งเป็นกระบวนการที่ควรทำโดยทันตแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เฉพาะทาง.

สิ่งที่คุณสามารถทำได้ทางธรรมชาติคือการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันด้วยการล้างปากและแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ, ควบคุมการบริโภคน้ำตาลและเยี่ยมเยียนทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจฟันเป็นประจำ. การดูแลเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุที่จะนำไปสู่การต้องรักษารากฟัน.

ถ้าคุณมีอาการเจ็บฟันหรือคุณคิดว่าคุณอาจต้องการการรักษารากฟัน, คุณควรติดต่อทันตแพทย์ทันที. การรักษาที่เร็วที่สุดมักจะมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ฟันปลอมแบบติดแน่น ดีอย่างไร

ฟันปลอมแบบติดแน่น ดีอย่างไร

ฟันปลอมที่ติดแน่นที่คุณเข้าใจน่าจะเป็นวิธีการรักษาทันตกรรมแบบหนึ่งที่เรียกว่า “ฟันปลอมถาวร” หรือ “ฟันปลอมถาวร” โดยมีลักษณะหลัก ๆ สามแบบดังนี้:

  1. ฟันปลอมแบบสะพาน (Dental Bridge): ใช้ฟันที่อยู่รอบ ๆ พื้นที่ที่ไม่มีฟันเป็นฐานในการสร้าง “สะพาน” ที่จะช่วยเติมที่พื้นที่ที่ไม่มีฟัน ฟันปลอมแบบสะพานเหมาะสำหรับคนที่มีฟันเหลืออยู่บางฟันในช่องปาก
  2. ฟันปลอมแบบโครงเหล็ก (Dentures): ฟันปลอมแบบนี้เป็นฟันปลอมที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ สามารถใช้ได้ทั้งในกรณีที่ไม่มีฟันทั้งช่องปากหรือเฉพาะบางส่วน
  3. ฟันปลอมแบบ Implant: จะเป็นการทำฟันปลอมด้วยการใช้โครงสร้างเหล็กเสียบลงในกระดูกขากรรไกรและติดฟันปลอมลงไป นี่เป็นวิธีที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับฟันจริงมากที่สุดและมักถูกเลือกใช้ในการแทนที่ฟันที่สูญเสียไป

อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ฟันปลอมแบบใดและวิธีการติดตั้งฟันปลอมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพสุขภาพฟันและเหงือกของแต่ละคน จึงควรปรึกษากับทันตแพทย์

ฟันปลอมชนิดที่ติดแน่น ที่คุณอาจจะกำลังคิดถึง คือ ฟันปลอมแบบ Implant หรือ “ทันตกรรมรากเทียม” ที่ถูกติดตั้งโดยการฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกรของคนไข้ ดังนั้น เราจะอธิบายข้อดีและข้อเสียของทันตกรรมรากเทียม:

ข้อดีฟันปลอมติดแน่น:

  1. ความคงทน: ทันตกรรมรากเทียมจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และถ้าดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ก็สามารถใช้ได้ตลอดชีวิต
  2. ความสะดวกสบาย: เมื่อทำการฝังรากเทียมแล้ว ฟันจะรู้สึกและดูเหมือนฟันจริง ซึ่งทำให้การรับประทานอาหารและการพูดอย่างปกติดีขึ้น
  3. สุขภาพช่องปาก: ทันตกรรมรากเทียมไม่จำเป็นต้องทำลายฟันอื่น ๆ ของคนไข้เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับฟันปลอม ดังนั้นจึงช่วยให้ฟันที่เหลืออยู่ของคนไข้มีสุขภาพดีขึ้น

ข้อเสียฟันปลอมติดแน่น:

  1. ราคา: ทันตกรรมรากเทียมมีราคาสูงกว่าวิธีการรักษาฟันปลอมชนิดอื่น ๆ
  2. การผ่าตัด: การทำทันตกรรมรากเทียมต้องผ่าตัดซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดได้ เช่น การติดเชื้อ การบวม การเจ็บปวด หรือการเจ็บปวดที่ไรกรรม
  3. ระยะเวลาในการรักษา: อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงปีหลังจากการติดตั้งรากเทียม และรอให้กระดูกหายจากการผ่าตัดก่อนที่จะสามารถติดตั้งฟันปลอมสำเร็จได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจในการทำทันตกรรมรากเทียมจะขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และสภาพสุขภาพฟันและกระดูกขากรรไกรของคนไข้ ควรปรึกษากับทันตแพทย์เพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับคุณ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ผู้ช่วยทันตแพทย์ ทำหน้าที่อะไร

ผู้ช่วยทันตแพทย์ ทำหน้าที่อะไร

ผู้ช่วยทันตแพทย์ มีหน้าที่หลักๆ ดังต่อไปนี้:

  1. สนับสนุนการทำงานของทันตแพทย์: รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ทันตกรรม, การทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรคในอุปกรณ์, การช่วยเหลือในการผ่าตัดและการทำงานอื่น ๆ ที่ทันตแพทย์อาจต้องการความช่วยเหลือ
  2. การจัดการผู้ป่วย: รวมถึงการจัดตารางงานของผู้ป่วย, การต้อนรับผู้ป่วย, การปรึกษาและการแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปาก
  3. การบริหารจัดการสำนักงาน: ผู้ช่วยทันตแพทย์อาจต้องทำงานเกี่ยวกับเอกสารและจัดการข้อมูลผู้ป่วย
  4. การส่งต่อ: ผู้ช่วยทันตแพทย์อาจต้องการส่งข้อมูลในการรักษาทันตกรรมให้กับทีมงานที่เกี่ยวข้อง
  5. การควบคุมการติดเชื้อ: มีการทำความสะอาดและสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทำลายเชื้อโรคอย่างเหมาะสม
  6. การช่วยเหลือในการตรวจวินิจฉัย: ผู้ช่วยทันตแพทย์อาจต้องเตรียมผู้ป่วยสำหรับการถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์และเตรียมผู้ป่วยสำหรับการตรวจสอบของทันตแพทย์

ทั้งนี้อาจแตกต่างไปตามนโยบายและความต้องการของสถานที่ทำงานและทันตแพทย์ที่ผู้ช่วยทำงานให้บริการ.

ผู้ช่วยทันตแพทย์มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง

ผู้ช่วยทันตแพทย์ที่ดีควรจะมีคุณสมบัติและทักษะดังต่อไปนี้:

  1. ทักษะทางคลินิก: ผู้ช่วยทันตแพทย์ควรมีทักษะทางคลินิกที่แข็งแกร่ง เช่น ทักษะการใช้เครื่องมือทันตกรรม, ทักษะในการทำความสะอาดและทำลายเชื้อโรค, และทักษะในการช่วยเหลือทันตแพทย์ในการผ่าตัดและการรักษา
  2. ทักษะการสื่อสาร: ผู้ช่วยทันตแพทย์ควรสามารถสื่อสารกับทั้งทันตแพทย์และผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
  3. ทัศนคติที่ดี: ผู้ช่วยทันตแพทย์ควรมีทัศนคติที่ดีต่องานของพวกเขา ซึ่งจะส่งผลต่อความพอใจของผู้ป่วย
  4. การจัดการเวลา: ผู้ช่วยทันตแพทย์ต้องมีความสามารถในการจัดการเวลาได้อย่างมืออาชีพ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกการรักษาทันตกรรมจะดำเนินการตามตารางที่กำหนด
  5. การบริการลูกค้า: ผู้ช่วยทันตแพทย์ควรมีทักษะในการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากพวกเขามักจะมีการติดต่อกับผู้ป่วยโดยตรง
  6. ความสามารถในการทำหลายงานพร้อมกัน: ผู้ช่วยทันตแพทย์อาจต้องทำหลายงานในเวลาเดียวกัน ดังนั้นความสามารถในการจัดการงานและมองภาพรวมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
  7. มือนุ่ม: ผู้ช่วยทันตแพทย์จำเป็นต้องมีมือนุ่มเพื่อจัดการอุปกรณ์ทันตกรรมอย่างระมัดระวังและให้ความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วย

ทั้งหมดนี้เป็นทักษะและคุณสมบัติที่จะช่วยให้ผู้ช่วยทันตแพทย์เป็นอย่างดี แต่ทักษะและคุณสมบัติที่จำเป็นอาจจะขึ้นอยู่กับสถานที่ทำงานและความต้องการของทันตแพทย์ที่ผู้ช่วยทำงานให้บริการ.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

วิธีรักษากลิ่นปากเหม็น ลิ้นเหม็น

วิธีรักษากลิ่นปากเหม็น ลิ้นเหม็น

การรักษากลิ่นปากส่วนใหญ่สามารถทำได้ด้วยมาตรการเกี่ยวกับการล้างปากและดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ต่อไปนี้คือบางวิธีที่สามารถลองทำเพื่อรักษากลิ่นปาก:

  1. แปรงฟันอย่างถี่ถ้วน: แปรงฟันอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันหรือหลังจากมื้ออาหารสำคัญ โดยใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมฆ่าเชื้อเพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์.
  2. ใช้สเปรย์ปากหรือน้ำยาทำความสะอาดปาก: ใช้สเปรย์ปากหรือน้ำยาทำความสะอาดปากที่มีส่วนผสมฆ่าเชื้อเพื่อช่วยลดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก.
  3. ล้างปากด้วยน้ำเปล่าหรือผลไม้สด: หลังจากมื้ออาหารควรล้างปากด้วยน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เช่น น้ำผลไม้สด เพื่อช่วยล้างออกสารสกัดและเศษอาหารที่อาจเป็นตัวเลี้ยงแบคทีเรีย.
  4. ดูแลสุขภาพช่องปาก: และเหงือก: รักษาระดับความสะอาดของฟันและเหงือกโดยการใช้เส้นไหมผ่าฝ้ายหรือแปรงสะอาดระหว่างฟัน เพื่อลดแบคทีเรียและสารสกัดที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก.
  5. หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้กลิ่นปากเกิด: ควรหลีกเลี่ยงการบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีกลิ่นเผ็ดหรือเปรี้ยวมาก เพราะสามารถทำให้กลิ่นปากแย่เพิ่มขึ้น.
  6. ไปพบทันตแพทย์: หากปัญหากลิ่นปากยังคงอยู่หลังการดูแลทั้งหมดด้านบน ควรพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสอบสุขภาพช่องปากและวางแผนรักษาเพิ่มเติม (เช่น การรักษาโรคเหงือกหรือฟันผุ) หากมีปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้อง.
  7. รักษาความสะอาดของปาก: ปรับปรุงการล้างปากและทำความสะอาดปากให้ถูกต้อง โดยการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันหรือหลังจากมื้ออาหารสำคัญ ใช้สายไหมผ่าฝ้ายหรือแปรงทำความสะอาดระหว่างฟันเพื่อล้างเศษอาหารและเชื้อโรคที่อาจเป็นตัวเลี้ยงแบคทีเรีย นอกจากนี้ ควรใช้ยาสระปากหรือสเปรย์ปากที่มีส่วนผสมฆ่าเชื้อเพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก.
  8. ดูแลสุขภาพช่องปากและเหงือก: การรักษาระดับความสะอาดของฟันและเหงือก เช่น การทำความสะอาดระหว่างฟันด้วยสายไหมผ่าฝ้ายหรือแปรงสะอาดระหว่างฟัน เป็นการลดแบคทีเรียและสารสกัดที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก.
  9. ดื่มน้ำมากพอประจำวัน: การดื่มน้ำมากพอสามารถช่วยล้างเศษอาหารและลดความเข้มข้นของสารสกัดในปาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก.
  10. ลดหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้กลิ่นปากเสีย: หลีกเลี่ยงการบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสามารถทำให้กลิ่นปากแย่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรลดการบริโภคอาหารที่มีกลิ่นเผ็ดหรือเปรี้ยวมาก เนื่องจากสามารถทำให้กลิ่นปากไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น.
  11. รับประทานผลไม้หรืออาหารดีต่อสุขภาพที่ช่วยลดกลิ่นปาก: บางชนิดของผลไม้และอาหาร เช่น ผักสด แตงโม สับปะรด หรือผลไม้เปรี้ยว เช่น ส้ม เช่นนี้อาจช่วยลดกลิ่นปาก.
  12. หากปัญหากลิ่นปากยังคงอยู่หลังจากการดูแลทั้งหมดด้านบน ควรพบทันตแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาเพิ่มเติม และอาจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพปากและกลิ่นปากจากทันตแพทย์ของคุณ.

การรักษากลิ่นปากขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา หากมีภาวะเรื้อรังหรือไม่รู้สาเหตุ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ.

ลิ้น เหม็นเกิดจากอะไร

กลิ่นเหม็นที่มาจากลิ้นอาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น:

  1. การสะสมเศษอาหารบนลิ้น: เศษอาหารที่ติดอยู่บนลิ้นอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ การทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดกลิ่นปากที่เกิดจากสิ่งต่างๆ ที่ติดอยู่บนลิ้น.
  2. การสร้างเศษอาหารระหว่างฟัน: เศษอาหารที่เกิดขึ้นระหว่างฟันอาจสะสมและทำให้เกิดกลิ่นปาก ใช้สายไหมผ่าฝ้ายหรือแปรงสะอาดระหว่างฟันเพื่อเอาออกเศษอาหารที่ติดอยู่ระหว่างฟัน.
  3. การสะสมแบคทีเรียบนลิ้น: แบคทีเรียที่สะสมบนลิ้นอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก การล้างปากอย่างสม่ำเสมอและการใช้สารป้องกันแบคทีเรียในการล้างปากอาจช่วยลดกลิ่นปากที่เกิดจากแบคทีเรีย.
  4. การเกิดการติดเชื้อ: บางครั้งเกิดการติดเชื้อในช่องปากหรือภาวะอักเสบทางเยื่อบนลิ้น อาจทำให้เกิดกลิ่นปาก หากคุณสงสัยว่ามีการติดเชื้อหรือภาวะอักเสบใดๆ ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติม.

หากปัญหากลิ่นปากยังคงอยู่หลังจากทำความสะอาดปากอย่างถูกต้อง ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ.

สมุนไพร รักษากลิ่นปาก

การใช้สมุนไพรเป็นวิธีการรักษากลิ่นปากเป็นทางเลือกที่อาจมีประสิทธิภาพ แต่ควรทราบว่าผลการใช้สมุนไพรอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ต่อไปนี้คือสมุนไพรบางชนิดที่เคยใช้ในการรักษากลิ่นปาก:

  1. สะเดา: สะเดาเป็นสมุนไพรที่มีสมบัติฆ่าเชื้อและช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก สามารถใช้ในรูปแบบน้ำสะเดาเพื่อช่วยลดกลิ่นปาก.
  2. ตะไคร้: ตะไคร้มีสมบัติฆ่าเชื้อและช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก สามารถใช้น้ำจากการต้มตะไคร้หรือใช้น้ำยาสะอาดปากที่มีส่วนผสมจากตะไคร้.
  3. มิ้นท์: มิ้นท์มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก สามารถใช้ในรูปแบบน้ำยาสะอาดปากหรือเครื่องดื่มมิ้นท์.
  4. ต้นสมุนไพรหอม: ต้นสมุนไพรหอมเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและสามารถช่วยลดกลิ่นปากได้ สามารถเช็ดปากด้วยน้ำส้มสายชูเพื่อช่วยลดกลิ่นปาก.
  5. ชาเขียว: ชาเขียวมีสมบัติฆ่าเชื้อและช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก สามารถดื่มชาเขียวได้เป็นประจำเพื่อช่วยรักษากลิ่นปาก.

อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรในการรักษากลิ่นปากควรใช้ร่วมกับการรักษาความสะอาดปากอื่นๆ และหากปัญหายังคงอยู่หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับกลิ่นปาก ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติม.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

เอกซเรย์ จัดฟัน เทคโนโลยีรักษาทันตกรรม

เอกซเรย์ จัดฟัน เทคโนโลยีรักษาทันตกรรม

เอกซเรย์จัดฟันหรือเอกซเรย์ทันตกรรม (Dental X-rays) เป็นเทคนิคการฉายรังสีที่ใช้ในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทันตกรรม การเอกซเรย์จัดฟันช่วยให้ทันตแพทย์ได้รับภาพรวมเกี่ยวกับฟันและโครงสร้างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งช่วยในการวางแผนการรักษาทันตกรรมอย่างแม่นยำและเหมาะสม.

การเอกซเรย์จัดฟันสามารถช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่หลากหลาย ดังนี้:

  1. เอกซเรย์บิตวิว (Bitewing X-rays): เอกซเรย์ชนิดนี้ใช้ในการตรวจสอบภาพรวมของฟันบนสองข้างในช่องปาก เพื่อการวินิจฉัยโรคฟันผิดปกติ เช่น ฟันผุ.
  2. เอกซเรย์ประกอบฟัน (Panoramic X-ray): เอกซเรย์ประกอบฟันช่วยในการแสดงภาพรวมของทั้งชุดฟันและโครงสร้างโดยรอบ ซึ่งช่วยในการวางแผนการรักษาทั่วไป เช่น การถอดฟันหรือการใส่ฟันปลอม.
  3. เอกซเรย์เฉียง (Periapical X-rays): เอกซเรย์เฉียงใช้ในการตรวจสอบภาพรวมของฟันและโครงสร้างบริเวณเดียวกับฟันเป้าหมาย มักใช้ในการวินิจฉัยและตรวจสอบปัญหาทันตกรรมเฉพาะ เช่น การตรวจสอบรากฟัน.

การเอกซเรย์จัดฟันช่วยให้ทันตแพทย์สามารถวางแผนการรักษาทันตกรรมอย่างแม่นยำและเหมาะสม แต่การฉายรังสีต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและให้ผลรังสีที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย ทันตแพทย์จะใช้เอกซเรย์ตามความจำเป็นและบทบาทในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาของแต่ละบุคคล.

ทำไมต้อง เอกซเรย์ฟัน

การเอกซเรย์ฟันเป็นเครื่องมือที่สำคัญในทันตกรรมเพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทันตกรรม มีเหตุผลหลายประการที่ต้องทำเอกซเรย์ฟัน:

  1. การวินิจฉัยโรคฟันและเหงือก: เอกซเรย์ฟันช่วยในการวินิจฉัยโรคฟันและเหงือกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาการเช่นฟันผุ, อักเสบปริทันต์, หรือการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อเหงือกสามารถจะเห็นได้ในภาพเอกซเรย์ฟัน.
  2. การวางแผนการรักษาทันตกรรม: เอกซเรย์ฟันช่วยในการวางแผนการรักษาทันตกรรมให้ถูกต้องและเหมาะสม โดยทันตแพทย์สามารถดูภาพรวมของฟันและโครงสร้างทางระบบรากฟัน เช่น ฟันฝีเพลิง, ครอบฟัน, หรือการรักษาทางรากฟัน เพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด.
  3. การตรวจสอบความผิดปกติภายใน: เอกซเรย์ฟันช่วยในการตรวจสอบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายในโครงสร้างทางฟัน เช่น การเสื่อมสภาพรากฟัน, การสูญเสียฟันในกรณีที่ไม่มองเห็นได้ภายนอก, หรือมะเร็งชนิดหนึ่งที่อาจพบได้ในเนื้อเยื่อทางรากฟัน.
  4. การตรวจสอบการเติบโตและพัฒนาของฟัน: เอกซเรย์ฟันช่วยในการตรวจสอบการเติบโตและพัฒนาของฟันในเด็ก เพื่อตรวจสอบฟันเหล่านั้นว่าเติบโตถูกต้อง และสามารถวางแผนการรักษาทันตกรรมในขณะที่เด็กยังเติบโตอยู่.

การเอกซเรย์ฟันจำเป็นเพื่อให้ทันตแพทย์ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำเกี่ยวกับฟันและโครงสร้างทางฟัน โดยมีความปลอดภัยสำหรับผู้รับบริการอย่างสูง คุณควรพบทันตแพทย์เพื่อซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเอกซเรย์ฟันและประโยชน์ที่เกี่ยวข้องสำหรับสถานการณ์ของคุณ.

เอกซเรย์ฟันก่อนจัดฟัน

การทำเอกซเรย์ฟันก่อนจัดฟันเป็นทางเลือกที่ดีและสำคัญเพื่อวางแผนการจัดฟันอย่างแม่นยำและเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อจัดฟันแบบพิเศษหรือฟันในกรณีที่มีฟันสูญเสียหรือรูปร่างฟันผิดปกติ.

เอกซเรย์ฟันก่อนจัดฟันมีประโยชน์ดังนี้:

  1. การวินิจฉัยโรคฟันและเหงือก: เอกซเรย์ฟันช่วยในการตรวจสอบภาพรวมของฟันและเหงือก เพื่อวินิจฉัยโรคฟันและเหงือก เช่น ฟันผุ, การเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อเหงือก, หรืออักเสบปริทันต์ ทันตแพทย์สามารถใช้ภาพเอกซเรย์ฟันเพื่อระบุปัญหาทันตกรรมและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม.
  2. การวางแผนการจัดฟัน: เอกซเรย์ฟันช่วยในการวางแผนการจัดฟันอย่างแม่นยำและเหมาะสม โดยทันตแพทย์สามารถดูภาพรวมของฟันและโครงสร้างทางฟัน เพื่อประเมินรูปร่างและตำแหน่งของฟัน และตรวจสอบความเหมาะสมของรูจมูก รูปร่างของกรามฟัน และพื้นที่ว่างระหว่างฟัน ที่จำเป็นสำหรับการวางแผนการจัดฟัน เช่น การใช้แบบเครื่องมือทางทันตกรรมหรือแบบจัดฟันได้ที่เหมาะสมกับรูปร่างและรูปแบบของฟันแต่ละราย.
  3. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การทำเอกซเรย์ฟันก่อนจัดฟันช่วยลดเวลาในการวินิจฉัยและวางแผนการจัดฟัน รวมถึงลดความจำเป็นในการทำเอกซเรย์เพิ่มเติมในระหว่างการจัดฟัน ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว.

การทำเอกซเรย์ฟันก่อนจัดฟันเป็นกระบวนการปกติและปลอดภัย แต่คุณควรพูดคุยกับทันตแพทย์ของคุณเพื่อฟังคำแนะนำและคำแนะนำเฉพาะที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณและความจำเป็นของการทำเอกซเรย์ฟันในกรณีของคุณ.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ขูดหินปูน คืออะไร ทำไมต้องทำ

ขูดหินปูน คืออะไร ทำไมต้องทำ

การขูดหินปูนฟัน (scaling) เป็นกระบวนการที่ทันตแพทย์ใช้เพื่อล้างหินปูนและสารสะสมอื่นๆ ที่อยู่บนผิวฟันและระหว่างเหงือก การขูดหินปูนฟันจะช่วยให้ฟันสะอาดและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันและเหงือก.

ขั้นตอนการขูดหินปูนฟันปกติมักจะเป็นดังนี้:

  1. การตรวจสอบ: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบฟันและเหงือกเพื่อประเมินสภาพและแบบฟันที่มีการสะสมหินปูนมากที่สุด.
  2. การใช้เครื่องขูดหินปูน: ทันตแพทย์จะใช้เครื่องขูดหินปูน (ultrasonic scaler) เพื่อล้างหินปูนและสารสะสมอื่นๆ จากผิวฟันและระหว่างเหงือก. เครื่องขูดหินปูนใช้คลื่นเสียงสูงความถี่เพื่อสร้างความสั่นสะเทือนที่ช่วยในการขูดหินปูนอย่างมีประสิทธิภาพ.
  3. การล้างในรูคลองเหงือก: หลังจากการขูดหินปูนฟัน ทันตแพทย์อาจใช้สายจมูกเล็กๆ หรือเครื่องล้างด้วยน้ำเพื่อล้างสารสะสมที่อยู่ในรูคลองเหงือก.
  4. การสอนการดูแลฟัน: ทันตแพทย์อาจให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟันที่ถูกต้อง เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี, การใช้สายสี, และการล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก.

ข้อดีของการขูดหินปูนฟันได้แก่:

  1. ล้างหินปูนและสารสะสมที่อยู่บนผิวฟัน: การขูดหินปูนฟันช่วยล้างหินปูนและสารสะสมอื่นๆ ที่สะสมบนผิวฟัน ซึ่งอาจทำให้ฟันสะอาดและสุขภาพดีขึ้น.
  2. ป้องกันการเกิดโรคฟันและเหงือก: การขูดหินปูนฟันช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันและเหงือก เนื่องจากหินปูนและสารสะสมอาจเป็นตัวเตรียมสภาพในการเกิดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบเหงือก.
  3. ช่วยให้การตรวจสอบฟันที่ถูกต้อง: การขูดหินปูนฟันยังช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจสอบฟันและเหงือกได้อย่างละเอียด และตรวจสอบปัญหาทันตกรรมอื่น ๆ ที่อาจพบเจอ.

ข้อเสียของการขูดหินปูนฟันได้แก่:

  1. ความไม่สะดวกและความเจ็บปวด: บางครั้งการขูดหินปูนฟันอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกและความเจ็บปวดบนผิวฟันหรือเหงือก.
  2. ค่าใช้จ่าย: การขูดหินปูนฟันอาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับบริการทางทันตกรรม ซึ่งอาจไม่เข้าคุ้นเคยกับงบประมาณของบางคน.
  3. ความเสี่ยงในการสะเก็ดเกือก: ในบางกรณี การขูดหินปูนฟันอาจทำให้เกิดการสะเก็ดเกือก ซึ่งอาจก่อให้เกิดบาดแผลหรือการเลือดออกในระหว่างกระบวนการ.

อย่างไรก็ตาม การขูดหินปูนฟันเป็นกระบวนการที่ฉีดฟันและเหงือกที่สำคัญ และถือเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลฟันที่ถูกต้อง ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและดูแลฟันอย่างถูกต้องสำหรับคุณ.

ดังนั้น การขูดหินปูนควรทำโดยคนที่มีความสามารถและประสบการณ์ในด้านนี้ เช่น ทันตแพทย์ หรือ ทันตกรรมภูมิศาสตร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการทำลายเหงือก.

ขูดหินปูน กินอะไรได้บ้าง

อาหารหรือเครื่องดื่มที่สามารถช่วยลดการสะสมของหินปูน หรือแคลเซียมและแมกนีเซียม ในร่างกาย เช่น ในกระบอกปัสสาวะ หรือไต สิ่งเหล่านี้มีตัวอย่างดังนี้:

  1. น้ำดื่มปริมาณมาก: การดื่มน้ำอย่างเพียงพอสามารถช่วยล้างแร่ที่สะสมในระบบปัสสาวะของคุณ.
  2. อาหารที่มีความเป็นกรด: สารกรดเช่น ซิตริก แอสิดที่พบในมะนาวและส้ม สามารถช่วยละลายหินปูน.
  3. ไม่ดื่มน้ำที่มีแร่มากเกินไป: น้ำแร่บางชนิดมีเกลือแร่มากเกินไปและสามารถทำให้หินปูนเกิดขึ้น.
  4. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม: แม้แต่แคลเซียมจะเป็นส่วนหนึ่งของหินปูน แต่การรับประทานแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการสะสมของแร่ในร่างกาย.

เมื่อคุณกำลังพิจารณาแผนการรับประทานเพื่อลดการสะสมของหินปูน ควรคุยกับแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัย.

ขูดหินปูน ด้วยตนเอง อันตรายหรือไม่

การขูดหินปูนด้วยตนเองไม่แนะนำเนื่องจากเหตุผลหลายๆ ประการ:

  1. อุปกรณ์ไม่เหมาะสม: อุปกรณ์ที่ขายในร้านค้าปกติไม่เทียบเท่ากับอุปกรณ์ที่ทันตแพทย์ใช้ ดังนั้น คุณอาจไม่สามารถลบหินปูนที่สะสมอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
  2. การทำลายเนื้อเยื่อในปาก: หากคุณไม่มีความสามารถและประสบการณ์เหมือนทันตแพทย์ คุณอาจจะทำลายเนื้อเยื่อในปาก ทำให้เกิดการอักเสบ แผล หรือการเลือดออก.
  3. การปฏิบัติต่อเชื้อแบคทีเรีย: หากคุณไม่มีวิธีการที่ถูกต้องในการทำความสะอาดอุปกรณ์ คุณอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียในปากของคุณ.
  4. การไม่สามารถตรวจสอบปัญหาทันตกรรมอื่นๆ: ทันตแพทย์ไม่ได้ทำการขูดหินปูนเพียงอย่างเดียวในการตรวจสอบประจำปี แต่ยังจะตรวจเช็คสภาพฟันและเหงือกเพื่อจำแนกประเภทของปัญหาทันตกรรมอื่น ๆ ที่คุณอาจพบเจออีกด้วย

ดังนั้น การทำการขูดหินปูนควรมอบให้กับผู้เชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

Silver diamine fluoride (SDF) คืออะไร

Silver diamine fluoride (SDF) คืออะไร

Silver diamine fluoride (SDF) เป็นสารป้องกันและรักษาฟันเสื่อมที่ประกอบด้วยไอออนเงิน (silver) และฟลูออไรด์ (fluoride) ซึ่งใช้ในการรักษาและหยุดการเสื่อมของฟัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาการเสื่อมของฟันที่เกิดจากแบคทีเรีย

SDF สามารถใช้ในการรักษาฟันเสื่อมที่มีการเจริญเติบโตเร็วในเด็กและผู้สูงอายุ มีข้อดีหลายประการ เช่น:

  1. การรักษาที่ไม่เจ็บปวด: การใช้ SDF ไม่ต้องขัด ขูด หรือเจาะฟัน ทำให้เป็นการรักษาที่ไม่เจ็บปวด
  2. คุ้มค่า: การใช้ SDF ทำให้เป็นวิธีการรักษาที่มีราคาประหยัด ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ทันตกรรมที่แพง
  3. ประสิทธิภาพในการหยุดการเสื่อมของฟัน: SDF มีประสิทธิภาพในการหยุดการเสื่อมของฟันและสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของฟันในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การใช้ SDF ยังมีข้อเสียบางประการ ได้แก่:

  1. การเปลี่ยนสีของฟัน: การใช้ SDF ทำให้ฟันที่มีรูนิ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เนื่องจากสารไอออนเงินทำให้ฟันเกิดการเปลี่ยนสี
  2. ไม่สามารถกู้ฟื้นฟันที่เสื่อมแล้ว: SDF สามารถช่วยหยุดการเสื่อมของฟัน แต่ไม่สามารถกู้ฟื้น

ข้อดีของ Silver diamine fluoride (SDF)

Silver diamine fluoride (SDF) มีข้อดีหลายประการในการป้องกันและรักษาฟันเสื่อม ดังนี้:

  1. ประสิทธิภาพในการรักษาฟันเสื่อม: SDF มีประสิทธิภาพในการหยุดการเสื่อมของฟัน และสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมของฟันในอนาคต
  2. การรักษาที่ไม่เจ็บปวด: การใช้ SDF ไม่ต้องขัด ขูด หรือเจาะฟัน ทำให้เป็นการรักษาที่ไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
  3. ความรวดเร็วในการรักษา: การใช้ SDF เป็นวิธีการรักษาที่รวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์ทันตกรรมที่ซับซ้อน
  4. คุ้มค่า: การใช้ SDF ทำให้เป็นวิธีการรักษาที่มีราคาประหยัด ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ทันตกรรมที่แพง หรือการอุดฟันที่มีค่าใช้จ่ายสูง
  5. ผลข้างเคียงน้อย: ในกรณีที่ใช้ SDF อย่างถูกวิธี ผลข้างเคียงมักจะน้อย ทำให้เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
  6. ใช้ได้กับกลุ่มต่าง ๆ: SDF เหมาะสำหรับการใช้ในเด็ก ผู้สูงอายุ และบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงในการเสื่อมของฟัน
  7. สามารถใช้ในกรณีที่มีข้อจำกัดในการรักษา: SDF เป็นทางเลือกการรักษาที่ดี
ทำฟัน ประกันสังคม

สิทธิประโยชน์ทันตกรรมประกันสังคม

การประกันสังคมมีการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับผู้ประกันตัวและสมาชิกในหลายๆ อย่าง หากคุณเป็นสมาชิกของกองทุนประกันสังคม คุณสามารถรับสิทธิ์ในการรักษาทันตกรรมตามที่กำหนด ซึ่งอาจมีข้อจำกัดและเงื่อนไขบางประการ สิ่งที่ควรทราบสำหรับสิทธิประโยชน์ทันตกรรมในประกันสังคมมีดังนี้:

  1. การตรวจสุขภาพช่องปาก: สามารถรับการตรวจสุขภาพช่องปากที่สถานพยาบาลหรือคลินิกที่ร่วมมือกับประกันสังคม
  2. การทำความสะอาดฟัน: การขัดหินปูนฟันและการขัดฟันเพื่อเอาคราบออก ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในการให้บริการตามความจำเป็นและความสามารถของสถานพยาบาล
  3. การรักษาฟันเสื่อมและการอุดฟัน: การรักษาฟันเสื่อมและการอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟันประเภทต่างๆ ตามความเหมาะสมและความจำเป็น
  4. การถอนฟัน: ในกรณีที่ฟันมีปัญหาสาหัสหรือไม่สามารถรักษาอย่างอื่นได้ สามารถรับการถอนฟันตามความจำเป็น
  5. การรักษาโรคเหงือก: รวมถึงการรักษาความผิดปกติของเหงือก ตามความจำเป็นและความเหมาะสม

สิทธิประโยชน์ทันตกรรมประกันสังคมของ BPDC

ทำฟัน ประกันสังคม

ทำฟันประกันสังคม

สิทธิประกันสังคม ทำฟันจากปกติ 900 บาทต่อปี เราเพิ่มให้อีก 300 เป็น 1200 บาท ไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงยื่นบัตรประชาชน ทำฟันใช้สิทธิประกันสังคม BPDC ทำอะไรได้บ้าง ✅ บริการอุดฟัน ✅ บริการขูดหินปูน ✅ บริการถอนฟัน ✅ บริการผ่าฟันคุด

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

การใช้ฟลูออไรด์

การใช้ฟลูออไรด์

ฟลูออไรด์ (fluoride) เป็นธาตุที่มีในธรรมชาติ พบอยู่ในหินและแร่ต่าง ๆ รวมถึงน้ำธรรมชาติ ฟลูออไรด์มีคุณสมบัติที่สำคัญในด้านสุขภาพทันตกรรม โดยเฉพาะในการป้องกันการเสื่อมของฟัน ซึ่งนำไปสู่ความแข็งแรงของเอนาเมลฟัน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคปริทันต์และลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก

ฟลูออไรด์มีหลายชนิด ได้แก่:

  1. โซเดียมฟลูออไรด์ (sodium fluoride) เป็นประเภทของฟลูออไรด์ที่พบในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์เสริม
  2. แคลเซียมฟลูออไรด์ (calcium fluoride) พบในหินและแร่ต่าง ๆ รวมถึงน้ำธรรมชาติ
  3. สแตนเนียมฟลูออไรด์ (stannous fluoride) เป็นประเภทของฟลูออไรด์ที่มีผลต่อการต้านเชื้อแบคทีเรีย

การใช้ฟลูออไรด์มีหลายวิธี เช่น การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ การทาเจลฟลูออไรด์ การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ การใช้คราบฟลูออไรด์ที่ทำโดยทันตแพทย์ และการดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์เสริม

การใช้ฟลูออไรด์สำหรับเด็ก

การใช้ฟลูออไรด์สำหรับเด็กเป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก การใช้ฟลูออไรด์ถูกต้องสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของฟันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคปริทันต์ แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกลืนฟลูออไรด์เกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง วิธีการใช้ฟลูออไรด์สำหรับเด็กมีดังนี้:

  1. การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์: ขณะที่เด็กยังเล็ก (ต่ำกว่า 3 ขวบ) ควรใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณน้อย (น้อยกว่า 1000 ppm) โดยใช้ปริมาณเล็กน้อยเท่าของเมล็ดงา สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี ให้ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ประมาณ 1000-1450 ppm โดยใช้ปริมาณเท่าของกลีบข้าว และสำหรับเด็กที่เล็กกว่า 2 ขวบ ควรปรึกษากับทันตแพทย์ก่อนใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
  2. การไปพบทันตแพทย์: เด็กควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ ทันตแพทย์อาจจะแนะนำการทาเจลฟลูออไรด์ หรือทำคราบฟลูออไรด์ให้เด็กตามความเหมาะสม
  3. สอนเด็กสีฟันอย่างถูกต้อง: สอนเด็กให้สีฟันอย่างถูกต้องและอย่าให้กลืนยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
  4. พบทันตแพทย์เป็นประจำ: ควรพบทันตแพทย์อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและปรับปรุงการดูแลตามคำแนะนำของทันตแพทย์
  5. คราบฟลูออไรด์: ทันตแพทย์อาจแนะนำการทำคราบฟลูออไรด์สำหรับเด็ก
  6. ในเชิงป้องกัน: ฟลูออไรด์ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก และช่วยให้เอนาเมลฟันแข็งแรงขึ้น ทำให้ฟันทนต่อกรดที่สามารถก่อให้เกิดการเสื่อมของฟัน
  7. ในเชิงการรักษา: ฟลูออไรด์ช่วยซ่อมแซมเอนาเมลฟันที่เสียหายจากกรดและแบคทีเรีย ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดการผุของฟันในระยะยาว

การใช้ฟลูออไรด์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเสื่อมของฟันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคปริทันต์ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ฟลูออไรด์อย่างถูกต้องและปลอดภัย

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทำฟันเด็กที่ไหนดี

ทำฟันเด็กที่ไหนดี

การดูแลฟันของเด็กตั้งแต่เริ่มต้นมีความสำคัญมาก เพื่อส่งเสริมสุขภาพทันตกรรมและป้องกันปัญหาในอนาคต การดูแลฟันเด็กควรเริ่มตั้งแต่อายุเริ่มต้น ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดูแลฟันเด็กที่ควรทำ

  1. ล้างปากตั้งแต่แรกเกิด: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นล้างเงือกและฟันนมของทารก เพื่อเอาสิ่งสกปรกออกและป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  2. เริ่มสีฟันเมื่อมีฟันนมขึ้น: เมื่อฟันนมเริ่มขึ้น ให้เริ่มสีฟันด้วยแปรงนิ่มที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก โดยไม่ต้องใช้ยาสีฟันในเวลาแรก
  3. ใช้ยาสีฟันเมื่อเด็กโตขึ้น: เมื่อเด็กโตขึ้น ให้เริ่มใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ โดยปรับปริมาณตามอายุของเด็ก และสอนให้เด็กปากมั่นเวลาสีฟัน
  4. สอนเด็กสีฟันด้วยวิธีที่ถูกต้อง: สอนเด็กสีฟันด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสีฟันสองครั้งต่อวัน แต่ละครั้งอย่างน้อย 2 นาที และให้เด็กนำเสียด้วย
  5. พบทันตแพทย์เป็นประจำ: พาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างน้อย 1-2 ครั้ง

แนะนำบริการทำฟันเด็กของเรา BPDC Dental

บริการทันตกรรมเด็ก

บริการทันตกรรมเด็ก

คลินิกทันตกรรม BPDC ขอมอบสิทธิพิเศษให้เด็กๆ เพียงจองออนไลน์ ทำนัดหมายกับเรา เพื่อเคลือบฟลูออไรด์ ราคาเดียว 690 บาท * (ราคาปกติ 890 บาท) เพราะเด็กๆ ก็มีหัวใจ อยากยิ้มสวยไร้ฟันผุ ฟันผุป้องกันได้ “เพียงพบทันตแพทย์ ทุกๆ 6 เดือน”

บริการทำฟันเด็กเป็นส่วนหนึ่งของทันตกรรมเด็ก ซึ่งเน้นไปที่การป้องกันและรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟันของเด็ก บริการที่เสนอให้กับเด็กอาจประกอบไปด้วย:

  1. การตรวจสุขภาพช่องปาก: ตรวจสุขภาพเงือก ฟัน และกระพันฟันของเด็ก รวมถึงคำแนะนำในการดูแลฟันและช่องปาก
  2. การทำคราบฟลูออไรด์: ทำคราบฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันการเสื่อมของฟัน โดยเฉพาะในเด็กที่มีความเสี่ยงสูง
  3. การอุดฟัน: การอุดฟันที่มีรูนิ่มหรือถุงปม โดยใช้วัสดุอุดฟันที่เหมาะสมกับเด็ก
  4. การถอนฟันนม: ในกรณีที่ฟันนมมีปัญหา ไม่สามารถรักษาได้ หรือเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นของฟันถาวร อาจต้องถอนฟันนม
  5. การรักษารากฟัน: รักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรากฟัน เช่น การอักเสบของรากฟันนม
  6. การปรับระบบการเคี้ยว: การวางแผนและให้บริการในการปรับปรุงระบบการเคี้ยวของเด็ก เช่น การใช้เครื่องมือช่วยการเคี้ยว
  7. แนะนำการใช้เครื่องมือช่วยควบคุมความเคี้ยว: เช่น การใช้จุกยางหรือจุกพลาสติกเพื่อป้องกันการเจ็บปวด

ข้อควรระวังทำฟันเด็ก

การทำฟันเด็กมีข้อควรระวังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ดังนี้:

  1. ควบคุมปริมาณฟลูออไรด์: ให้ความสำคัญกับปริมาณการใช้ฟลูออไรด์ การใช้เกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ฟันเสื่อม
  2. ความร่วมมือของเด็ก: ควรให้ข้อมูลและปฏิบัติให้เด็กเข้าใจเพื่อเพิ่มความสุขใจและความร่วมมือในการรักษา
  3. เลือกทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์: ควรเลือกทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการทำฟันเด็ก และสามารถสื่อสารกับเด็กได้ดี
  4. ป้องกันการกัดหรือกดขัดอุปกรณ์: เด็กควรระวังการกัดหรือกดขัดอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำฟัน เพื่อป้องกันการเสียหายและความเจ็บปวด
  5. การดูแลหลังรักษา: ควรให้คำแนะนำและปฏิบัติให้เด็กดูแลช่องปากและฟันอย่างถูกต้องหลังการรักษา
  6. การติดตามการรักษา: ติดตามการรักษาและสุขภาพฟันของเด็กอย่างสม่ำเสมอ และพบทันตแพทย์เป็นประจำ
  7. ควบคุมความกังวล: ควรใช้วิธีการให้ความสบายใจและช่วยลดความกังวลของเด็กในระหว่างการรักษา เช่น การให้ข้อมูล การใช้เทคนิคการหายใจ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม