“รากฟันอักเสบ” ภัยเงียบที่เป็นปัญหาใหญ่ คุกคามภายในช่องปาก ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อระบบหรือส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตา ,ลำคอ,โพรงไซนัส,สมอง ทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอีกด้วย รากฟันอีกเสบเกิดมาจากอะไร ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้จะมีความอันตายมากแค่ไหน และจะมีวิธีรักษาหรือป้องกันได้อย่างไรบ้าง เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับรากฟันอักเสบด้วยกัน
สาเหตุของอาการรากฟันอักเสบ
“รากฟันอักเสบ” มักมีสาเหตุมาจาก ปัจจัยต่างๆดังต่อไปนี้
- ฟันผุหรือฟันที่มีวัสดุอุดลึกจนทะลุไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน จนทำให้เกิดอาการปวดฟันขึ้นมาได้ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะลุกลามไปจนถึงรากฟันข้างใน ยากต่อการรักษามากยิ่งขึ้น
- ฟันผุซ้ำหรือฟันผุที่เกิดใหม่อยู่ใต้ครอบฟัน
- ฟันแตกหรือฟันร้าว
- รากฟันเป็นหนอง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณปลายราก
- ได้รับแรงกระแทกอย่างหนักที่ฟันหรือมีอุบัติเหตุ ทำให้โพรงประสาทฟันติดเชื้อหรือตาย ทั้งยังสามารถทำลายกระดูกรอบๆฟัน ทำให้มีอาการปวด
สัญญาณเตือนภัยของจุดเริ่มต้นรากฟันอักเสบ
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเข้าสู่อาการรากฟันอักเสบ ให้สังเกตจากสักญญาณเตือน ดังต่อไปนี้
- เหงือกจะมีอาการบวมและแดงมากยิ่งขึ้น จากสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงหรือเป็นสีม่วง
- รู้สึกเจ็บและเสียวฟันตอนเคี้ยวอาหาร
- รู้สึกปวดฟันขึ้นมาแบบเป็นๆหายๆ หรืออาจถึงขั้นปวดรุนแรงจนนอนไม่หลับ
- รากฟันมีตุ่มเป็นหนอง
วิธีการรักษารากฟันอักเสบ
การขั้นตอนการรักษารากฟันอักเสบ สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- เริ่มจากการกำจัดเนื้อฟันที่ผุ เพื่อเปิดทางเข้าสู่โพรงประสาทฟัน
- จากนั้นกำจัดรากฟันที่อักเสบรวมถึงการติดเชื้อต่างๆโดยการล้างด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อ
- หลายกรณีไม่สามารถรักษารากฟันให้เสร็จภายในครั้งเดียว ทันตแพทย์จะใส่ยาฆ่าเชื้อในคลองรากฟันและอุดวัสดุไว้ชั่วคราว
อาการข้างเคียงจากการรักษารากฟันอักเสบ
หลังจากการรักษารากฟัน จะมีอาการปวดเกิดขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คืออาการปวดระหว่างการรักษาและอาการปวดเมื่อรักษาเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนี้
- อาการปวดระหว่างการรักษา
อาการปวดเกิดขึ้นได้บ่อยๆและเป็นปกติในระหว่างการรักษาอาจจะมีการบวมของเหงือกร่วมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่อาการปวดดังกล่าวหลังการรักษาครั้งแรกนั้นจะเกิดจากการรักษารากฟันในฟันที่มีอาการปวด หรือเริ่มปวด หรือรากฟันกำลังเริ่มอักเสบ แต่จะไม่เกิดในฟันที่ตายแล้วหรือฟันที่เป็นหนอง โดยทันตแพทย์จะขยายและล้างคลองรากฟันโดยไม่ให้เกิดแรงดันที่จะทำให้เศษอาหารถูกดันเข้าไปบริเวณปลายราก
- อาการปวดหลังการรักษา
ในกรณีที่คนไข้มีอาการปวดไม่รุนแรงมากนัก ทันตแพทย์จะมีการล้าง ทำความสะอาด แล้วขยายรากฟันหรือกำจัดเส้นประสาทให้หมดก็จะสามารถทำให้อาการปวดทุเลาลงได้ แต่ถ้าในกรณีที่มีอาการบวมร่วมด้วย ก็อาจจะต้องเปิดระบายโพรงประสาทฟันที่กรอเอาไว้และให้ยาแก้อักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาการปวดหลังการรักษา ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่นคลองรากฟันยังไม่สะอาดแล้วอุด ขยายคลองรากฟันไม่หมดหรือฟันแตก ซึ่งอาจจะต้องมีการรื้อและรักษาใหม่ และถ้าหากรักษาไม่ได้อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งในที่สุด
ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษารากฟัน
หลังการรักษารากฟันอักเสบ มีข้อควรปฏิบัติเพื่อเสริมการรักษาให้มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
- ควรระมัดระวังการใช้งานซี่ฟันที่กำลังรักษาราก เนื่องจากเนื้อฟันมีปริมาณที่น้อยลงและฟันจะมีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น
- ระหว่างการรักษารากฟันอักเสบ หากวัสดุอุดฟันหลุดออกมา ให้รีบกลับไปพบทันตแพทย์ เนื่องจากเป็นโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เชื้อโรคในช่องปากสามารถเข้าสู่คลองรากฟันได้
- การรักษารากฟันอักเสบ เป็นสิ่งที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากฟันถูกปล่อยทิ้งเอาไว้นานๆ จะทำให้เชื้อโรคทำลายกระดูกที่อยู่รอบๆฟัน นำไปสู่การเกิดตุ่มหนองทั้งภายในช่องปากและบริเวณใบหน้าได้ และถ้าหากกระดูกรองรับฟันถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากก็อาจจะทำให้ไม่สามารถเก็บรักษาฟันซี่นั้นต่อไปได้
การรักษารากฟันอักเสบ เป็นกระบวนการรักษาที่มีความต่อเนื่องและค่อนข้างใช้เวลา ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสภาพฟันของแต่ละท่าน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นเพื่อป้องกันอาการรากฟันอักเสบ ควรหมั่นดูแลสุขภาพปากและฟันให้ดี โดยการไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อเช็คความสะอาดภายในช่องปาก เพื่อป้องกันฟันผุที่จะลุกลามและกลายเป็นอาการของรากฟันอักเสบในที่สุด
สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม