วิธีการลดกลิ่นปาก ด้วยตนเอง 2565

วิธีการลดกลิ่นปาก ด้วยตนเอง 2565

บางทีกลิ่นปาก (Bad Breath หรือ Halitosis) มันกลายเป็นมุกตลกที่ร้ายมาก ซึ่งมันรบกวนในชีวิตจริงมากพอสมควร กลิ่นปากที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้น หลายคนอาจจะมองว่านี่เป็นเรื่องตลกที่แซวๆ กัน แต่จริงๆ แล้วมันร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะมันสื่อให้เห็นว่ามีปัญหาช่องปากอยู่ที่ควรได้รับการแก้ไข ยิ่งสมัยนี้อาหารที่ดีต่อใจทั้งหลายทำให้เป็นที่นิยมแพร่หลาย อย่างไรก็ตามกลิ่นปากหรือที่เรียกว่า “ปากเหม็น” อาจทำให้อับอายและในบางกรณีอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ ไม่น่าแปลกใจที่ชั้นวางของในร้านเต็มไปด้วยหมากฝรั่ง มินต์ น้ำยาบ้วนปาก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อหาวิธีลดกลิ่นปาก ต่อสู้กับกลิ่นปาก แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำนวนมากเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเนื่องจากไม่ได้ระบุสาเหตุของปัญหาที่หยั่งลึกมากเท่าที่ควร วิธีนี้จึงเป็นการลดกลิ่นปากแค่ในระยะเวลาอันสั้นๆ เพียงเท่านั้น

วิธีลดกลิ่นปากสำหรับครึ่งปีหลัง 2565

จะไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่พิเศษเลยก็คือ ในยุคปัจจุบันจะมีอาหารที่ค่อนข้างแซ่บ มีกลิ่นแรง ในประเทศไทยจะเห็นได้ว่าอาหาร ภาวะสุขภาพ และนิสัยบางอย่างเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก ในหลายกรณี คุณสามารถปรับปรุงกลิ่นปากด้วยสุขอนามัยทางทันตกรรมที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ หากเทคนิคการดูแลตนเองง่ายๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ให้ไปพบแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าอาการที่ร้ายแรงกว่านั้นไม่ได้ทำให้คุณมีกลิ่นปากเพียงอย่างเดียว แต่มันกำลังบ่งบอกถึงปัญหาช่องปากที่ตามมาอย่างคาดไม่ถึง

กลิ่นปากเป็นปัญหาทั่วไปที่อาจทำให้เกิดความทุกข์ทางจิตใจอย่างมาก มีหลายสาเหตุและการรักษาที่เป็นไปได้ ทุกคนมีโอกาสได้รับผลกระทบจากกลิ่นปาก ประมาณว่า 1 ใน 4 คนมีกลิ่นปากเป็นประจำ ภาวะที่มีกลิ่นปากเป็นสาเหตุสำคัญอันดับสามที่ผู้คนต้องการดูแลทันตกรรม รองจากฟันผุและโรคเหงือก

สาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก

  • การสูบบุหรี่ : ใครที่สูบบุหรี่บ่อยๆ จะมีโอกาสประสบปัญหาเยอะมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากของตัวเอง นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสเป็นโรคเหงือกซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
  • อาหารกลิ่นแรงๆ รสจัดๆ : ใครเป็นทีมสายแซ่บ หรือสายซีฟู้ดจะต้องระมัดระวังอย่างมาก แม้แต่การรับประทานอาหารหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง อาหารทะเลดอง เศษอาหารที่ติดอยู่ในฟันอาจทำให้เกิดกลิ่นได้ อีกทั้งอาหารบางชนิด เช่น หัวหอมและกระเทียมก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน
  • อาการปากแห้ง : หากปากแห้งหรือแห้งโดยธรรมชาติอันเนื่องมาจากโรคบางชนิด เช่น ซีโรสโตเมีย กลิ่นก็อาจก่อตัวขึ้นได้ การจิบน้ำจะช่วยลดกลิ่นปากได้
  • ไม่ทำความสะอาดช่องปากที่รัดกุม : หากการแปรงฟันไม่สะอาด หรือไม่ใช้ไหมขัดฟันเข้ามาช่วย คราบจุลินทรีย์นี้สามารถระคายเคืองเหงือกและทำให้เกิดการอักเสบระหว่างฟันและเหงือกที่เรียกว่าโรคปริทันต์อักเสบ ฟันปลอมที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำหรืออย่างเหมาะสมสามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดปัญหาช่องปากได้
  • การอดอาหาร : การอดอาหารและการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำสามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ เกิดจากการสลายของไขมันที่ผลิตสารเคมีที่เรียกว่าคีโตน คีโตนเหล่านี้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา วิธีที่เสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นปาก เช่น การทานแบบ IF, การทานแบบ Ketogenic
  • โรคและยาบางชนิด : ยาบางชนิดสามารถลดน้ำลายและทำให้มีกลิ่นเพิ่มขึ้น ยาอื่นๆ สามารถสร้างกลิ่นได้เมื่อสลายตัวและปล่อยสารเคมีในลมหายใจ ตัวอย่าง ได้แก่ ไนเตรตที่ใช้รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แม้แต่โรคบางโรค เช่น โรคกรดไหลย้อน (GERD) มะเร็งบางชนิด ตับวาย และโรคเมตาบอลิซึมอื่นๆ อาจทำให้เกิดปัญหาช่องปากได้

อาการในการเกิดกลิ่นปาก

กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ออกมาทางลมหายใจนั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาหรือสาเหตุที่แท้จริง บางคนกังวลเรื่องลมหายใจมากเกินไปแม้ว่าจะมีกลิ่นปากเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ในขณะที่บางคนมีกลิ่นปากแต่ไม่รู้ เนื่องจากเป็นการยากที่จะประเมินว่ากลิ่นปากของคุณมีกลิ่นอย่างไร ให้ถามเพื่อนสนิทหรือญาติเพื่อยืนยันคำถามเกี่ยวกับกลิ่นปากของคุณ หรือลองสนทนาคุยกับใครสักคนเพื่อให้สังเกตว่ามีกลิ่นออกมาไหม ถ้ามีนั่นสื่อถึงความผิดปกติของช่องปาก

อาการกลิ่นปากนั้นสามารถแก้ได้ ซึ่งมีวิธีลดกลิ่นปากที่สามารถทำได้จากที่บ้าน จะเป็นการเยียวยาที่บ้านง่ายๆ โดยจะมีวิธีการดูแลช่องปากเพื่อลดปัญหาช่องปากระยะยาว วิธีเหล่านี้จะต้องเป็นวิธีที่ทำเพื่อสุขภาพระยะยาวเพื่อตอบโจทย์ปี 2565 ที่ต้องเน้นการดูแลระยะยาว โดยจะแนะนำได้ดังนี้ว่ามีอะไรบ้าง

วิธีการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของช่องปาก

  1. แปรงฟัน : อย่าลืมแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง โดยเฉพาะหลังอาหารแต่ละมื้อเพื่อกำจัดเศษอาหาร และเป็นการลดกลิ่นปากได้ หรืออาจจะมีแปรงและยาสีฟันพกพาติดตัวไปด้วยเวลาไปนอกบ้าน
  2. ไหมขัดฟัน : การใช้ไหมขัดฟันช่วยลดการสะสมของเศษอาหารและคราบพลัคจากระหว่างฟัน การแปรงฟันทำความสะอาดเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวฟันเท่านั้น
  3. ทำความสะอาดฟันปลอม : ใครใช้ฟันปลอมควรอ่านข้อนี้ สิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในปากของคุณ รวมถึงฟันปลอม สะพานฟัน รากฟันเทียม หรือเฝือกสบฟัน ควรทำความสะอาดตามที่แนะนำเป็นประจำทุกวัน การทำความสะอาดช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียสะสมและลดกลิ่นปาก การเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 2 ถึง 3 เดือนก็มีความสำคัญด้วยเหตุผลเดียวกัน
  4. แปรงลิ้นด้วยนะ : อย่าแปรงแค่ฟันอย่างเดียว ลิ้นแปรงด้วย เนื่องจากแบคทีเรีย อาหาร และเซลล์ที่ตายแล้วมักสร้างขึ้นบนลิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูบบุหรี่หรือผู้ที่ปากแห้งโดยเฉพาะ บางครั้งหาซื้อแปรงฟันที่มีส่วนของแปรงลิ้นก็มีประโยชน์
  5. ระวังอาการปากแห้ง : การเกิดปากแห้ง มีส่วนทำให้เกิดปัญหาช่องปาก ควรดื่มน้ำปริมาณมาก หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาสูบ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทำให้ปากแห้ง การเคี้ยวหมากฝรั่งหรือการดูดของหวานที่ปราศจากน้ำตาลสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายได้ หากปากแห้งเรื้อรัง แพทย์อาจสั่งยาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำลาย
  6. อาหาร: หลีกเลี่ยงหัวหอม กระเทียม และอาหารรสเผ็ด อาหารที่มีน้ำตาลยังเชื่อมโยงกับกลิ่นปากอีกด้วย ลดการบริโภคกาแฟและแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารเช้าที่มีอาหารหยาบๆ เข้ามาสามารถช่วยทำความสะอาดส่วนหลังของลิ้นได้

ทั้งนี้นอกจากวิธีลดกลิ่นปาก การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น สุขอนามัยฟันที่ดีขึ้นและการเลิกสูบบุหรี่ มักจะสามารถขจัดปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม หากกลิ่นปากยังคงมีอยู่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพื่อนำไปสู่การรักษาและหาต้นตอของสาเหตุ เพื่อป้องกันอาการที่มาจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างน้อยกันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายดูแลสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#กลิ่นปาก #วิธีลดกลิ่นปาก #ปัญหากลิ่นปาก