ฟันปลอม มีกี่แบบ ควรเลือกแบบไหนดี

ฟันปลอม มีกี่แบบ ควรเลือกแบบไหนดี

ฟันปลอมหรือฟันสังเคราะห์มีหลายแบบ การเลือกเลือกฟันปลอมขึ้นอยู่กับความต้องการ, งบประมาณ, และคำแนะนำจากทันตแพทย์ โดยทั่วไปมีแบบดังนี้:

  1. ฟันปลอมแบบถอนได้ (Removable Dentures)
    • Partial Denture: ใช้เมื่อขาดฟันบางซี่ สามารถถอนออกได้ มักมีส่วนของโลหะเป็นโครงสร้าง
    • Full Denture: ใช้เมื่อขาดฟันทั้งช่องปาก สามารถถอนออกได้
  2. ฟันปลอมแบบเต็ม (Fixed Prosthodontics)
    • Dental Crowns: เป็นฟันปลอมที่หุ้มฟันที่เสียหาย สามารถใช้กับฟันที่สึกหรือกรามหลังจากการอัดฟัน
    • Dental Bridge: ใช้เมื่อมีการขาดฟัน 1-3 ซี่ โดยจะใช้ฟันข้างเคียงเป็นสนับสนุน สร้าง “สะพาน” เชื่อมข้ามที่ฟันขาด
  3. Implants (ฟันปลูก)
    • เป็นการวางโครงสร้างที่ทำจากโลหะ (ส่วนมากเป็นไททาเนียม) ลงในกระดูกของกรามฟัน แล้วค่อยหุ้มด้วย crown เพื่อให้ดูเหมือนฟันจริง
  4. ฟันครอบแบบ Crown
    สำหรับฟันที่เสียหายแต่ยังสามารถซ่อมแซมได้ ฟันครอบจะถูกทำขึ้นมาเพื่อครอบหุ้มฟันที่เสียหาย
  5. ฟันสะสมแบบถาวร (Bridges)
    เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการฝังตะกร้า แต่ต้องการฟันที่เหมือนฟันจริงมากกว่าฟันสะสมนิ่ม

คำแนะนำในการเลือกฟันปลอม:

  • ควรปรึกษากับทันตแพทย์เกี่ยวกับสถานะการสูญเสียฟัน, ฟันที่เหลือ, และกระดูกฟัน เพื่อวินิจฉัยและแนะนำรูปแบบของฟันปลอมที่เหมาะสม
  • พิจารณางบประมาณ: ราคาการรักษาแตกต่างกันอย่างมาก โดยทั่วไป implants จะมีราคาสูงกว่าแบบอื่น
  • ความสะดวกสบาย: การรักษาและการดูแลรักษาหลังการรักษาจะต่างกัน ต้องการความคิดมากหรือน้อยเพียงใด
  • ความทนทานและการทำงานในระยะยาว: ฟันปลูก (implants) มีความทนทานและใกล้เคียงฟันจริงมากที่สุด แต่ก็ต้องการการดูแลในระยะยาว

ในทุกกรณี, การตัดสินใจเลือกฟันปลอมควรตามคำแนะนำของทันตแพทย์และความสะดวกสบายของผู้รับการรักษา.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ใส่ฟันปลอม มีกี่แบบ

ใส่ฟันปลอม มีกี่แบบ

การใส่ฟันปลอม (Dentures) เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ใช้ในการแทนที่ฟันที่สูญหายบางหรือทั้งหมด ฟันปลอมสามารถใส่ได้ในกรณีที่ผู้ที่สูญเสียฟันมีเหงือกและกระดูกที่เหมาะสมสำหรับการรักษาฟันปลอมอยู่ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบของฟันปลอมอื่นๆ เช่น ฟันปลอมแบบแตะ (Partial Dentures) ที่ใส่เพียงบางส่วนของช่องคลองฟันที่สูญหายเท่านั้น หรือฟันปลอมแบบติดตั้ง (Fixed Dentures) ที่ใส่ถาวรและยึดติดกับเหงือกหรือกระดูกด้วยวิธีต่างๆ เช่น ฟันปลอมแบบสปริง (Dental Bridges) หรือฟันปลอมแบบประแวก (Dental Implants).

ข้อดีของการใส่ฟันปลอมได้แก่:

  1. ฟื้นฟูความสมดุลของกระบวนการย่อยอาหาร: ฟันปลอมช่วยในการเลื่อนอาหารให้ถูกตำแหน่งและช่วยในกระบวนการย่อยอาหารที่ดีมากขึ้น.
  2. ปรับปรุงการพูดและการกลืน: ฟันปลอมช่วยในการปรับปรุงการออกเสียงและการกลืนอาหารให้เกิดอย่างถูกต้องและสะดวกสบาย.
  3. สวยงามและเพิ่มความมั่นใจ: ฟันปลอมสามารถช่วยฟื้นฟูรูปร่างของหน้าผากและรอยยิ้ม ทำให้คุณมีความมั่นใจในการแสดงออกและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น.

ข้อเสียของการใส่ฟันปลอมได้แก่:

  1. ความไม่สะดวกในระยะต้นและการปรับตัว: ในระยะแรกของการใส่ฟันปลอมอาจมีความไม่สะดวกและความผิดปกติในการเคลื่อนไหวของลิ้น แต่ส่วนใหญ่จะปรับตัวและปรับใช้ได้ในไม่ช้า.
  2. ความต้องการการดูแลและการปรับปรุง: ฟันปลอมต้องการการดูแลและการปรับปรุงเป็นประจำ เช่น การทำความสะอาดและการเปลี่ยนฟันปลอมเมื่อจำเป็น.
  3. การจำกัดในการรับประทานอาหาร: บางรูปแบบของฟันปลอมอาจจำกัดการรับประทานอาหารที่มีความแข็งหรือหยาบคาย เนื่องจากอาจทำให้ฟันปลอมเสียหายหรือแตกได้.
  4. ความผิดปกติในรูปร่างของลำคอ: ในบางกรณีฟันปลอมอาจมีผลต่อรูปร่างของลำคอและการคาดเสื้อผ้า.

หากคุณสนใจใส่ฟันปลอม ควรพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจสอบความเหมาะสมสำหรับกรณีของคุณ ทันตแพทย์จะสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมและแนะนำวิธีการดูแลฟันปลอมให้ถูกต้องและรักษาให้ยาวนานได้.

ฟันปลอม มีกี่แบบ

ฟันปลอมมีหลายแบบและรูปแบบที่สามารถใช้ได้ ต่อไปนี้คือแบบฟันปลอมที่พบบ่อยที่สุด:

  1. ฟันปลอมแบบแตะ (Partial Dentures): แบบนี้ใช้เมื่อผู้สูญเสียฟันบางอันเท่านั้น ฟันปลอมแบบแตะจะถูกติดไว้กับฟันเดิมที่เหลืออยู่ โดยใช้โครงสร้างหรือคลิปที่ใส่เข้าไปในช่องคลองฟัน.
  2. ฟันปลอมแบบเคลือบ (Overdentures): ฟันปลอมแบบเคลือบใช้สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายอัน มีโครงสร้างรองรับฟันปลอมที่ติดตั้งลงบนเหงือกหรือฟันเดิมที่เหลืออยู่.
  3. ฟันปลอมแบบทั่วไป (Complete Dentures): ฟันปลอมแบบทั่วไปใช้สำหรับผู้ที่สูญเสียทุกฟันในช่องปาก มีฟันปลอมที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบริเวณในช่องปาก ฟันปลอมแบบทั่วไปสามารถถอดได้และใส่กลับเข้าไปในช่องปากได้.
  4. ฟันปลอมแบบติดตั้ง (Fixed Dentures): ฟันปลอมแบบติดตั้งเป็นการใช้เกร็ดฟันปลอมและโครงสร้างที่ติดตั้งถาวรบนเหงือกหรือกระดูก. รูปแบบเช่นฟันปลอมแบบสปริง (Dental Bridges) และฟันปลอมแบบประแวก (Dental Implants) เป็นตัวอย่างของฟันปลอมแบบติดตั้ง.

การเลือกใช้แบบฟันปลอมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับจำนวนและตำแหน่งของฟันที่สูญหาย ความสมบูรณ์ของโครงสร้างทางรองรับ และความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ. ควรพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและตรวจสอบความเหมาะสมสำหรับคุณในการใส่ฟันปลอม.

ใส่ฟันปลอมถาวรดีอย่างไร

การใส่ฟันปลอมถาวรที่ดีอย่างไรขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ต่อไปนี้คือสิ่งที่สำคัญในการใส่ฟันปลอมถาวรที่ดี:

  1. ความพร้อมและการประเมินฟันและเหงือก: ทันตแพทย์จะตรวจสอบฟันและเหงือกของคุณเพื่อประเมินสภาพและความเหมาะสมในการใส่ฟันปลอมถาวร. การรักษาฟันและเหงือกให้เหมาะสมก่อนการใส่ฟันปลอมถาวรเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีฐานรองรับที่ดี.
  2. การวางแผนการรักษา: ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับคุณ การวางแผนอาจรวมถึงการเลือกวัสดุที่เหมาะสมและการออกแบบฟันปลอมที่ตรงกับรูปร่างและสีของฟันแท้ของคุณ.
  3. การทดลองฟันปลอม: ก่อนที่จะทำฟันปลอมถาวร ทันตแพทย์อาจทำการทดลองฟันปลอมชั่วคราวเพื่อตรวจสอบรูปร่างและรู้สึกว่าถูกต้องและสบายกับฟันปลอมนั้นหรือไม่.
  4. การตรวจสอบและปรับแต่ง: หลังจากการใส่ฟันปลอมถาวร ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบและปรับแต่งฟันปลอมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และเหมาะสม. การปรับแต่งสามารถรวมถึงปรับรูปร่างฟันปลอมและการปรับสีเพื่อให้สอดคล้องกับฟันแท้ของคุณ.
  5. การดูแลและบำรุงฟันปลอม: ความสำเร็จในการใส่ฟันปลอมถาวรขึ้นอยู่กับการดูแลและบำรุงอย่างสม่ำเสมอ คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้รับจากทันตแพทย์เกี่ยวกับการแปรงฟันปลอมและการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง.

การใส่ฟันปลอมถาวรที่ดีต้องการความชำนาญและความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์ คุณควรปรึกษาและพบทันตแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ฟันปลอมมีกี่แบบ แบบไหนถึงจะใช่สำหรับคุณ

ฟันปลอมมีกี่แบบ แบบไหนถึงจะใช่สำหรับคุณ

ฟันปลอมมีกี่แบบ แบบไหนถึงจะใช่สำหรับคุณ

หากใครเห็นคุณปู่คุณย่าใส่ฟันปลอม เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมฟันปลอมบางคนก็ถอดได้ บางคนก็ถอดไม่ได้ มันมีให้เลือกกี่แบบกันน้า ถ้าใครกำลังสงสัยอยู่ เราหาคำตอบนั้นมาไว้ที่นี่แล้ว มาดูกันว่าฟันปลอมมีกี่แบบกันแน่

โดยทั่วไปในงานทันตกรรม เราจะแบ่งฟันปลอมออกเป็น 2 แบบ ได้แก่

1. ฟันปลอมแบบถอดได้

เป็นฟันปลอมที่ทำขึ้นให้กับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติหลงเหลืออยู่ เป็นการใส่ฟันเพียงบางส่วนแต่หลายซี่ ถ้าใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ น้อยซี่ จะน่ารำคาญกว่า เพราะฟันปลอมชนิดนี้ต้องมีส่วนยึดโยงบนเพดาน เช่นมันอาจจะถูกถอนไปบางซี่ ทำให้ฟันหลอ ดูไม่สวยงาม

โดยตัวฐานนั้นจะมีที่ทำมาจากพลาสติกหรืออะครีลิก (เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใส่ฟันปลอม จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัว) เเละฐานเเบบโลหะ จะมีความบางและแนบไปกับเหงือกได้มากกว่า ทำให้รู้สึกรำคาญน้อยกว่า อีกทั้งยังใช้งานได้นานกว่าด้วย

ข้อดี : ราคาถูก ถอดล้างทำความสะอาดได้
ข้อเสีย : เคี้ยวอาหารไม่สะดวก ประสิทธิภาพน้อย การบดเคี้ยวยังทดแทนฟันตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะแรงกดจากการเคี้ยวจะลงที่เหงือก ยิ้มแล้วเห็นตะขอันปลอม หากใช้งานในระยะยาวอาจจะหลวม ไม่แน่นดังเดิม อีกทั้งเศษอาหารสามารถเข้าไปติดได้

การดูแลฟันปลอมแบบถอดได้ :

  • ไม่ควรกินอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะอาจทำให้ฟันปลอมร้าวและแตกหักได้
  • หลังมื้ออาหารถอดฟันปลอมออกล้างด้วยน้ำสะอาด ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มๆ ที่ทำความสะอาดฟันปัดทำเศษอาหารออกจากฟันปลอม
  • ไม่ใช้ยาสีฟันทำความสะอาดฟันปลอม เพราะสารขัดฟันในยาสีฟันจะทำให้ตัวฟันปลอมสึกได้ แต่ควรใช้เป็นเม็ดฟู่สำหรับทำความสะอาด เพื่อทำความสะอาดฟันปลอมเเละกำจัดเชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ อาทิตย์ละครั้ง
  • ก่อนนอนควรถอดแช่น้ำ เพื่อคงรูปร่างของฟันปลอมไว้ การเก็บฟันปลอมในที่เเห้งจะทำให้ฟันปลอมบิดเบี้ยว เเละไม่สามารถใส่ฟันได้สนิทกับเหงือกเหมือนเดิม

2. ฟันปลอมแบบติดแน่น

เราอาจจะเรียกว่าฟันปลอมถาวรก็ได้ค่ะ ที่ยึดแน่นในช่องปาก โดยอาศัยฟันธรรมชาติซี่ที่อยู่ข้างเคียงกับช่องว่างเป็นหลักในการยึดฟันปลอม เป็นการทำครอบฟันที่เป็นฟันปลอมยึดกับฟันธรรมชาติ วัสดุจะทำมาจากทั้งโลหะทั้งแผ่น (ใช้กับฟันกรามสำหรับบดเคี้ยว) เป็นพลาสติก (เหมาะใส่ชั่วคราว) และเป็นแบบผสม (เซรามิก ฐานโลหะพอกด้วยพอสเลน เหมาะกับบริเวณฟันหน้าที่เน้นความสวยงามเป็นธรรมชาติ) ซึ่งฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นยังสามารถแบ่งชนิดย่อย ๆ ออกมาได้อีก 2 แบบ ได้แก่

  • ฟันปลอมแบบติดแน่นด้วยสะพานฟัน

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สะพานฟัน คือ การนำฟันเทียม (ฟันปลอม) มาเกี่ยวยึดกับฟันซี่ข้างเคียงฟันซี่ที่หายไป เพื่อทดแทนช่องว่างระหว่างฟัน ลักษณะคล้าย ๆ สะพานเชื่อม

  • ฟันปลอมแบบติดแน่นด้วยรากฟันเทียม

รากฟันเทียม คือ การปลูกฟันเทียมทดแทนฟันที่สูญเสียไป ด้วยการฝังรากฟันเทียมไททาเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร ยึดติดกับตัวเนื้อฟันจากเรซินเพื่อใช้บดเคี้ยว ทำหน้าที่ได้เหมือนกับฟันธรรมชาติ

ข้อดี : ประสิทธิภาพด้านการบดเคี้ยวดีเทียบเท่ากับฟันจริง เพราะเเรงเคี้ยวกดลงที่ตัวฟัน, ติดแน่น หลุดยาก, มีลักษณะและขนาดที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญ

ข้อเสีย : ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้ต้องเสียเนื้อฟัน, ราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้, ถอดทำความสะอาดไม่ได้

การดูแลฟันปลอมแบบติดแน่น :

  • แปรงฟันเน้นบริเวณคอฟัน เหงือก ใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน
  • ควรทำความสะอาดใต้ฟันปลอมด้วยเครื่องมือร้อยไหมขัดฟัน (Floss threader) ร่วมกับไหมขัดฟัน
  • เข้ารับการตรวจเช็คจากทันตแพทย์ตามนัด

ถ้าใครไม่อยากต้องใส่ฟันปลอมเร็วเกินไป แนะนำให้ดูแลรักษาสุขภาพฟันของตัวคุณเองให้ดี ถึงแม้ว่าฟันจะมีอะไหล่สำรอง แต่อย่าลืมว่าใด ๆ ก็ไม่ดีเท่าฟันจริง ๆ ของเราหรอกค่ะ

ติดต่อคลินิกทันตกรรม BPDC เพื่อทำฟันปลอม

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #ทันตกรรม #ฟันปลอม #ทำฟันปลอม

4 วิธีที่จะช่วยให้ฟันที่เสียหายไป สามารถใช้งานได้อีกครั้ง

4 วิธีที่จะช่วยให้ฟันที่เสียหายไป สามารถใช้งานได้อีกครั้ง

ถ้าจะพูดถึงการดูแลรักษาฟัน สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปนั้น มักจะมี 4 วิธี ที่จะทำให้ฟันของคุณกลับมาสวยงามอีกครั้ง และสามารถใช้งานได้ดีเหมือนได้ฟันงอกมาใหม่ได้ด้วย 4 วิธีดังนี้

  1. ฟันปลอม
    ฟันปลอม มีส่วนสำคัญที่เข้าไปช่วยทดแทนฟันที่หายไปเพื่อป้องกันไม่ให้การเคลื่อนที่ของฟันติดกันหรือฟันตรงข้ามกับพื้นที่ฟันที่หายไปผู้ที่ใส่ฟันปลอมส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีสุขภาพฟันที่ไม่ดี ฟันเสื่อมสภาพเร็ว

ซึ่งการใส่ฟันปลอมจะช่วยในการบดเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวไม่ได้ เพราะฟันปลอมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อบดเคี้ยวอาหารได้

  1. ครอบฟัน
    การครอบฟัน เป็นการบูรณะฟัน กรณีฟันแตก ฟันหัก หรือฟันที่รักษาคลองรากฟันแล้ว ปัจจุบันใช้การครอบฟันแบบเซรามิค ล้วน ในการทดแทนฟันด้านหน้า เพราะจะมีสีฟันเสมือนจริง และจะใช้การครอบฟัน แบบพอร์ซเลนผสมโลหะ ในการทดแทนฟันกราม เพื่อใช้บดเคี้ยว หรือหากเป็นแนวนักร้องแรปเปอร์ ก็จะทำการครอบฟันด้วยทองคำ หรือ ทองคำขาวเพื่อความนำสมัย
  2. ทำสะพานฟัน
    เป็นโครงสร้างที่ประกอบไปด้วยการครอบฟัน 2 จุด โดยใช้ฟันปลอม เป็นการเชื่อมระหว่างช่องว่างของฟันที่หายไป จึงเรียกว่า สะพานฟัน (Bridge) เมื่อเรามีฟันที่หายไป จะส่งผลถึงการสื่อสาร การพูด การเคี้ยวอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปได้ สะพานฟันถือเป็นหนึ่งในทางเลือกในการรักษาเพื่อทดแทนฟันที่หายไป โดยสะพานฟันจะเป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างฟันซี่ข้างเคียงที่อยู่ข้างๆช่องว่างที่ฟันหายไป ช่วยเติมเต็มและทดแทนฟันที่หายไป
  3. รากฟันเทียม
    การฝังรากเทียมเป็นการทำฟันปลอมชนิดหนึ่งเพื่อทดแทนฟันที่หายไปด้วยการทำรากฟันเทียม (Implant) แต่ว่าการทำรากฟันเทียมนั้นมีความสามารถในการบดเคี้ยวอาหารได้ดีมากๆ เพราะสร้างฟันที่เหมือนจริงและแข็งแรงทนทานมากๆ

รากฟันเทียมเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในการทำฟันปลอมหรือทำสิ่งที่ทดแทนฟันได้ดีที่สุด

สำหรับการรักษารากฟันเทียมนั้น ควรเลือกรักษากับทันตแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือและความชำนาญเพื่อให้การทำรากฟันเทียมประสบผลสำเร็จและสามารถใช้งานได้ดี ซึ่งสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ และควรเข้ารับการตรวจติดตามผลทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงจะอยู่กับเราไปอีกนาน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายเพื่อทำรากฟันเทียม

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #รากฟันเทียม #รักษารากฟันเทียม #Implant

รากฟันเทียมดีกว่าฟันปลอมอย่างไร

รากฟันเทียมดีกว่าฟันปลอมอย่างไร

เมื่อฟันถูกถอนไป กระดูกรองรับรากฟันในบริเวณนั้นจะเกิดการละลายมากกว่าในบริเวณที่ยังมีฟันธรรมชาติอยู่ การใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้เพื่อทดแทนช่องว่างนั้นสามารถทำได้ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเราจะพบว่าเกิดการหลวมของฟันปลอมขึ้นโดยเหตุผลส่วนหนึ่งนั้นมาจากที่กระดูกรองรับรากฟันได้ละลายไป ทำให้เกิดการยุบตัวของสันเหงือก ฟันปลอมจึงไม่มีความพอดีเหมือนในช่วงแรก

เป็นที่ทราบดีว่า รากฟันเทียม นั้นทำมาจากวัสดุที่เข้ากับเนื้อเยื่อของร่างกายเราได้อย่างดี การมีอยู่ของรากฟันเทียมในกระดูรองรับรากฟันจะช่วยกระจายแรงบดคี้ยวจากตัวครอบฟันลงสู่กระดูกขากรรไกรของเราอย่างเหมาะสม ดังนั้นการใส่รากฟันเทียมจึงช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูกรองรับรากฟันอีกในบริเวณที่มีการถอนฟันออกไปนั่นเอง

หลังจากใส่รากฟันเทียมแล้วจะสามารถต่อครอบฟันขึ้นมาจากรากฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันที่หายไปโดยที่ไม่ต้องกรอแต่งฟันธรรมชาติเหมือนกับในการทำสะพานฟัน ในกรณีที่มีฟันถูกถอนไปติดกันหลายตำแหน่งรากฟันเทียมก็สามารถรองรับครอบฟันในรูปแบบสะพานฟันได้เช่นกัน หรือในกรณีที่ไม่มีฟันธรรมชาติเหลืออยู่เลยการ เราสามารถใส่รากฟันเทียมเพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้กับฟันปลอมได้อีกด้วย โดยไม่ว่าจะเป็นการใส่รากฟันเทียมเพื่อต่อครอบฟัน/สะพานฟันแบบติดแน่น หรือ เพื่อเพิ่มการยึดติดให้กับฟันปลอมชนิดถอดได้ ล้วนช่วยให้สามารถบดเคี้ยวได้ดีขึ้น แก้ปัญหาฟันปลอมขยับขณะรับประทานอาหาร เพิ่มความรู้สึกสบายมั่นใจมากยิ่งขึ้นในขณะพูดคุยอีกด้วย

ระยะเวลาในการทำรากฟันเทียม

สำหรับระยะเวลาในการรักษารากฟันเทียม นั้นจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร ที่อาจจะต้องมีการเสริมกระดูกให้แข็งแรง จำนวนฟันที่ต้องการทำรากเทียม เป็นต้น

ในปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยลดระยะเวลาในการทำครอบฟันให้เสร็จภายในวันเดียว นั่นก็คือเทคโนโลยี Dental Digital CAD/CAM ที่จะช่วยลดระยะเวลาในการทำรากฟันเทียมให้สั้นลง ด้วยวิธีการส่งแล็บ และสแกนช่องปากแทนการพิมพ์ปากแบบเดิม โดยจะเริ่มจากการเอกซเรย์ 3 มิติ ถ่ายรูปและสแกนซี่ฟัน หลังจากนั้นจะเป็นการออกแบบชิ้นงานด้วยโปรแกรม และผลิตชิ้นงาน ก่อนจะนำมาใส่ในช่องปากให้กับผู้รับการรักษา โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น

ใครที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียม

สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไป การใส่รากฟันเทียมนั้น ควรทำในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากกระดูกขากรรไกรจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว และผู้ที่จะทำรากเทียมนั้น ควรที่จะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถทำการผ่าตัดโดยใช้ยาชาได้ สำหรับบุคคลที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม ได้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี บุคคลที่ตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง

อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังจากทำรากฟันเทียม

การผ่าตัดรากฟันเทียมอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกับการผ่าตัด ซึ่งอาการเหล่านั้นอาจเกิดจากการผ่าตัดหรือพฤติกรรมของผู้เข้ารับการรักษา ไม่ว่าจะเป็น

  • รากฟันเทียมอักเสบ เนื่องจากการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีรสจัด การเคี้ยวของแข็ง การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่จัด
  • มีอาการเจ็บหรือปวดหลังผ่าตัด หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบทันตแพทย์ทันที
  • มีอาการบวม สามารถประคบเย็นได้ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบทันตแพทย์ทันที
  • เกิดการติดเชื้อบริเวณที่ผ่าตัด หากมีอาการอักเสบ เป็นหนอง หรือฟันเทียมโยก ควรแจ้งทันตแพทย์ทันที

หลังจาการใส่รากฟันเทียมไปแล้วจะเกิดอะไรได้บ้าง และควรปฏิบัติตัวอย่างไร

  • หลังใส่รากฟันเทียมอาจเกิดอาการ ปวด บวม อักเสบ ได้คล้ายกับเวลาที่เราได้รับการถอนฟันหรือผ่าฟันคุดนั่นเอง สิ่งที่สำคัญคือการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของเราและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • สัปดาห์แรกควรรับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่ได้รับจากทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ควรทานอาหารอ่อนๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หรือร้อนจัด
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ จนกว่าจะรักษาเสร็จ
  • แปรงฟันในบริเวณอื่นได้ปกติแต่หลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณแผลโดยตรง การบ้วนน้ำเกลือทุกครั้งหลังอาหารสามารถช่วยลดการติดของเศษอาหารบริเวณแผล ลดโอกาสการเกิดการอักเสบได้
  • หากมีอาการที่ทำให้เกิดความกังวลใดๆ สามารถมาติดต่อมาที่แผนก หรือมาพบทันตแพทย์ได้ทันที

สำหรับการทำรากฟันเทียมนั้น ควรเลือกรักษากับทันตแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือและความชำนาญเพื่อให้การทำรากฟันเทียมประสบผลสำเร็จและสามารถใช้งานได้ดี ซึ่งสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ และควรเข้ารับการตรวจติดตามผลทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงจะอยู่กับเราไปอีกนาน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายเพื่อทำรากฟันเทียม

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #รากฟันเทียม #รักษารากฟันเทียม #CadCam

ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ ฟันปลอมชนิดถอดได้ และชนิดติดแน่น

  1. ฟันปลอมชนิดถอดได้

    ฟันปลอมชนิดถอดได้เป็นฟันปลอมที่ต้องอาศัยการใช้ตะขอเพื่อช่วยยึดเกาะฟันปลอมกับฐานฟันปลอม ฟันปลอมชนิดนี้จะมีราคาถูกกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น เนื่องจากสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย  ในช่วงเริ่มแรกของการใส่ต้องปรับตัวให้เคยชินกับการใส่   ข้อแนะนำสำหรับฟันปลอมชนิดนี้ คือ ห้ามใส่นอน (ไม่ว่าจะนอนกลางวันหรือนอนกลางคืน)  โดยก่อนนอนให้ถอดล้างทำความสะอาด และแช่ในภาชนะที่มีน้ำทุกครั้ง
ฟันปลอมชนิดนี้ สามารถแบ่งได้ตามวัสดุที่ใช้ทำฐานฟันปลอม โดยแยกย่อยได้อีก 2 ชนิดคือ

1.1 ฟันปลอมถอดได้ฐานโลหะ

ฟันปลอมแบบนี้มีตัวฐานเป็นโลหะ   และมีฟันเป็นพลาสติกพิเศษที่มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับฟันข้างเคียง

ข้อดี  มีความทนทานกว่าแบบฐานพลาสติก  ใส่สบายกว่าเนื่องจากบางและเล็ก

ข้อเสีย  ราคาสูงกว่าแบบฐานพลาสติก  ถ้ามีการชำรุดแตกหัก จะซ่อมแซมได้ยากกว่า

1.2 ฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

ฟันปลอมแบบนี้มีฐานและฟันเป็นพลาสติกพิเศษ ฐานมีสีชมพูคล้ายเหงือก  และตัวฟันก็มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับฟันข้างเคียง

ข้อดี ราคาถูก หากต้องการเติมซี่ฟัน สามารถทำได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย  ไม่แข็งแรง ทนทาน   ตัวฐานมีขนาดใหญ่และหนากว่าฟันปลอมถอดได้ฐานโลหะ

2.ฟันปลอมชนิดติดแน่น

ฟันปลอมชนิดติดแน่นเป็นฟันปลอมที่อาศัยการยึดฟันธรรมชาติโดยการกรอฟันให้เล็กลง และทำการครอบฟันให้ติดกับตัวฟันปลอม

ฟันปลอมแบบติดแน่นเป็นฟันปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมฟันที่สูญเสียไปไม่มาก หรือเพียงซี่ใดซี่หนึ่ง เรียกว่า การครอบฟัน ซึ่งฟันปลอมแบบนี้ ยังมีด้วยกันอีก  3  แบบ

2.1 ครอบฟัน

ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียส่วนของฟันไปมากๆ ไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดโดยตรงได้ (ฟันปลอมติดแน่นไม่ได้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียจากการถอนฟัน)
         2.2 สะพานฟัน

ใช้เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปไม่กี่ซี่(ช่องว่างขนาดไม่ใหญ่) จะต้องมีการกรอเคลือบฟันและเนื้อฟัน (ที่ยังดีๆอยู่) ของฟันข้างเคียง (ปกติมักเป็นตำแหน่งหัวและท้ายของช่องว่าง) เพื่อใช้เป็นหลักยึดให้กับสะพานฟัน
2.3 รากเทียม

เป็นการเลียนแบบฟันธรรมชาติ ฟันปลอมชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟันปลอมที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ  ใช้เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยการฝังโลหะไทเทเนียมที่มีลักษณะคล้ายรากฟันเข้าไปในกระดูก (เพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติ) จากนั้นจึงบูรณะด้วยการครอบฟันหรือสะพานฟันทับบนรากเทียมนั้นต่อไป

ข้อดี  เสริมสร้างความมั่นใจ สามารถเคี้ยวอาหารได้ดีและมีประสิทธิภาพ  ไม่หลุด

ข้อเสีย วิธีการทำความสะอาดยุ่งยากกว่า  ราคาแพงกว่า

การเลือกลักษณะฟันปลอมที่เหมาะสมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมแบบถอดได้หรือฟันปลอมแบบติดแน่น เราสามารถเลือกตามความเหมาะสมและตามกำลังทรัพย์ของเรา  นอกจากนั้นเราต้องเลือกคลินิกทันตกรรมหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้วยนะคะ

 

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC