รู้จัก Interproximal Reduction หรือ IPR

รู้จัก Interproximal Reduction หรือ IPR

คุณเคยสงสัยไหมว่าเวลาจัดฟัน ทำไมบางคนต้อง “กรอฟัน”?
หลายคนอาจรู้สึกกังวลทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “กรอฟัน” แต่ในโลกของทันตกรรมจัดฟัน เทคนิคนี้มีชื่อเฉพาะว่า Interproximal Reduction หรือ IPR ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทันตแพทย์จัดฟันทั่วโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาฟันแน่น ฟันเรียงตัวซ้อนเก และต้องการพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อจัดเรียงฟันให้เรียบและสมดุล

ในบทความนี้ เราจะพาคุณมา รู้จัก Interproximal Reduction หรือ IPR อย่างลึกซึ้ง พร้อมอธิบายแบบเข้าใจง่าย ว่ามันคืออะไร ทำไปเพื่ออะไร ปลอดภัยไหม มีผลต่อฟันในระยะยาวหรือไม่ และสุดท้ายคือเหมาะกับคุณหรือเปล่า?

Interproximal Reduction หรือ IPR คืออะไร?

Interproximal Reduction (IPR) คือเทคนิคหนึ่งในกระบวนการจัดฟันที่ทันตแพทย์ใช้เพื่อลดขนาดความกว้างของฟันเล็กน้อย
โดยเฉพาะบริเวณ ด้านข้างของฟันที่ติดกัน หรือที่เรียกกันว่า “พื้นที่ระหว่างฟัน” หรือ interproximal space

กระบวนการนี้ใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น แผ่นขัด ซี่ลวดบาง ๆ หรือดิสก์หมุน เพื่อ “กรอ” หรือ “ขัด” ผิวฟันด้านข้างออกอย่างระมัดระวังประมาณ 0.1–0.5 มิลลิเมตรต่อซี่
โดยไม่กระทบกับเนื้อฟันหลัก ไม่เจ็บ และไม่ทำให้เกิดฟันผุหรืออ่อนแอ

ทำไมทันตแพทย์ถึงต้องทำ IPR?

🔹 1. เพื่อสร้างพื้นที่ให้ฟันเคลื่อนที่

ในบางกรณีที่ช่องปากมีพื้นที่จำกัด ฟันอาจเรียงตัวเบียดหรือซ้อนกัน
การ IPR ช่วยสร้าง “ช่องว่างที่จำเป็น” เพื่อให้ฟันเรียงตัวใหม่ได้โดยไม่ต้องถอนฟัน

🔹 2. เพื่อป้องกันการยื่นของฟันหน้า

หากไม่ทำ IPR ในบางกรณี ฟันหน้าอาจยื่นออกมาภายหลังจากการเคลื่อนฟัน
การกรอช่วยปรับสมดุลของแนวฟันให้สมส่วนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง

🔹 3. เพื่อปรับรูปฟันให้สมมาตร

บางคนมีฟันบางซี่กว้างกว่าปกติ หรือไม่สมดุลกับฟันฝั่งตรงข้าม
IPR ช่วยปรับรูปร่างให้เรียงกันอย่างสวยงาม เสริมบุคลิกภาพ

🔹 4. เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดช่องว่างระหว่างฟันหลังจัดฟัน

หากไม่ปรับพื้นที่อย่างเหมาะสม ฟันบางซี่อาจเรียงไม่สนิท จนเกิดช่องว่างเล็ก ๆ ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งสะสมคราบและแบคทีเรียได้ในอนาคต

การทำ IPR เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า?

คำตอบคือ “ไม่เจ็บ” และ “ไม่อันตราย” หากทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เพราะ IPR เป็นการขัดฟันด้านข้างเพียงเล็กน้อยในชั้นผิวเคลือบฟัน (Enamel) เท่านั้น
ไม่แตะชั้นเนื้อฟัน (Dentin) หรือโพรงประสาท จึงไม่มีความเจ็บปวด
แถมไม่จำเป็นต้องฉีดยาชาด้วย

และด้วยเครื่องมือที่พัฒนาให้บางพิเศษ ควบคุมแรง และใช้เทคนิคที่แม่นยำ
คุณจึงรู้สึกเพียงแค่ “แรงสั่นเล็กน้อย” เท่านั้น

Interproximal Reduction ส่งผลกระทบต่อฟันในระยะยาวไหม?

หากทำอย่างถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสม
IPR จะไม่ทำให้ฟันบางหรือเสียหาย
เนื่องจากฟันของคนเรามีเคลือบฟันหนาเฉลี่ยประมาณ 2.5 มิลลิเมตร
แต่ IPR จะกรอออกไม่เกิน 0.3–0.5 มิลลิเมตรต่อซี่เท่านั้น

ที่สำคัญคือ หลังทำ IPR แล้วทันตแพทย์จะปรับขอบฟันให้เรียบเนียน และแนะนำวิธีดูแลฟันอย่างเหมาะสม
เพื่อป้องกันคราบพลัคหรือเศษอาหารตกค้างตามซอกฟันที่ปรับใหม่

การทำ IPR มีกี่แบบ?

ประเภท รายละเอียด เหมาะกับใคร
Manual IPR ใช้แถบขัดด้วยมือ กรณีเบา ๆ ไม่เกิน 0.2 มม.
Mechanical IPR ใช้เครื่องหมุนพร้อมดิสก์ขัด ต้องการความแม่นยำสูง ใช้ในแผน Invisalign หรือ Clear Aligners
Sequential IPR ทำหลายครั้งทีละน้อย ผู้มีฟันซ้อนเบียดมาก ต้องการสร้างพื้นที่หลายตำแหน่ง

กรณีไหนที่มักต้องใช้ IPR?

  • ฟันซ้อนเบียดระดับเบาถึงปานกลาง

  • การจัดฟันแบบใส (Invisalign, Spark, ClearSmile)

  • ผู้ที่ไม่ต้องการถอนฟัน

  • ปรับแนวฟันให้ไม่ยื่นหรือโค้งเกินไป

  • ฟันมีรูปร่างไม่สมมาตร (Asymmetry Tooth Width)

ขั้นตอนการทำ IPR มีอะไรบ้าง?

  1. ทันตแพทย์วางแผน IPR จากภาพพิมพ์ฟันหรือดิจิทัลสแกน

  2. เลือกเครื่องมือเหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการปรับ

  3. ขัดผิวฟันด้านข้างด้วยแถบหรือดิสก์บาง ๆ

  4. ตรวจสอบขนาดช่องว่างด้วยเกจวัดเฉพาะ

  5. เก็บรายละเอียดและแนะนำการดูแลหลังทำ

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ IPR ที่พบบ่อย

ความเชื่อผิด ความจริง
IPR ทำให้ฟันผุเร็ว ❌ ไม่จริง ถ้ารักษาความสะอาดเหมาะสม
การกรอฟันทำให้ฟันสั้นลง ❌ กรอแค่ด้านข้าง ไม่กระทบความยาว
ฟันจะบางและเปราะ ❌ เคลือบฟันหนาเพียงพอ และกรอในปริมาณจำกัด
IPR ใช้เฉพาะกับเหล็กจัดฟัน ❌ ใช้ได้กับทุกระบบจัดฟัน โดยเฉพาะแบบใส

IPR กับการจัดฟันใส Invisalign หรือ Clear Aligners

รู้หรือไม่? ว่า การจัดฟันแบบใส (Aligners) เกือบทุกเคสต้องมีการทำ IPR
เพราะ aligner ต้องอาศัยการ “สร้างช่องว่างระหว่างฟัน” เพื่อให้ฟันเคลื่อนตัวได้โดยไม่กระทบซี่ข้างเคียง
ดังนั้น IPR จึงเป็น “คู่หูสำคัญ” ของการจัดฟันแบบใสที่คุณควรรู้จักไว้

ดูแลตัวเองหลังทำ IPR อย่างไร?

  • หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียวใน 24 ชั่วโมงแรก

  • แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ

  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์

  • เข้าตรวจตามนัดเพื่อประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

สรุป: รู้จัก Interproximal Reduction หรือ IPR ให้มากขึ้น แล้วคุณจะเข้าใจว่า “การกรอฟัน” ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

Interproximal Reduction หรือ IPR คือเทคนิคที่ละเอียด อ่อนโยน และมีบทบาทสำคัญในแผนจัดฟันสมัยใหม่
ไม่ว่าคุณจะจัดฟันแบบเหล็กหรือใส การเข้าใจ IPR อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจ และดูแลรอยยิ้มใหม่ได้อย่างมืออาชีพ

สนใจจัดฟันแบบใสพร้อม IPR โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ?

เรามีบริการจัดฟันใสระบบ Invisalign และ Spark
พร้อมวางแผนการรักษาโดยทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทาง
ทุกขั้นตอนมีการใช้เทคโนโลยี CAD/CAM และ IPR อย่างแม่นยำ

✅ ปรึกษาแผนจัดฟันฟรี
✅ มีแบบจำลอง 3D เห็นผลลัพธ์ก่อนเริ่ม
✅ แบ่งชำระได้
✅ พร้อมแนะนำการดูแลหลังทำ IPR แบบเฉพาะบุคคล

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

INVISALIGN VS. BRACES

จัดฟันแบบใส Invisalign vs. จัดฟันแบบดั้งเดิม : แบบไหนดีกว่าสำหรับคุณ

คุณกำลังจะเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ด้วยเหล็กดัดฟัน แต่ก่อนที่จะทำคุณต้องแน่ใจว่าเครื่องมือจัดฟันประเภทใดดีกว่าสำหรับคุณ การจัดฟัน vs การจัดฟัน? อันไหนดีกว่าสำหรับคุณ? และคุณควรใช้ระบบดั้งเดิมหรือแบบถอดได้?

การจัดฟันแบบใส Invisalign ดีกว่าการจัดฟันแบบไร้โครง

การจัดฟันแบบใสช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงรู้สึกสบายกว่าการจัดฟันแบบไม่มีเครื่องมือจัดฟัน

การจัดฟันแบบใส Invisalign นั้นสะดวกสบายกว่าการจัดฟันแบบไร้เครื่องมือ

การใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยป้องกันการสึกหรอของฟันของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ฟันผุและปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆ

การจัดฟันแบบใสกับเครื่องมือจัดฟัน: แบบไหนดีกว่าสำหรับคุณ

เครื่องมือจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติและดีต่อขากรรไกรของคุณมากขึ้นเพราะจะทำให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งเดิม หากคุณจัดฟันโดยไม่มีการจัดฟัน คุณควรใส่เครื่องมือจัดฟันเพื่อรักษาการเรียงตัวของฟัน

หากคุณจัดฟันแบบไม่ใส่ invisalign คุณควรจัดฟันหากคุณจัดฟันแบบไม่ใส่ invisalign คุณควรใส่เครื่องมือจัดฟัน

  • คุณต้องการรักษาการเรียงตัวของฟันของคุณ
  • คุณต้องการรักษารอยยิ้มของคุณให้ดูดีอยู่เสมอ
  • คุณต้องการให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติ

การจัดฟันแบบใสและเครื่องมือจัดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ฟันเรียงตัวตรง การจัดฟันแบบใสนั้นดูรอบคอบและสะดวกสบายกว่าการจัดฟันแบบใส แต่อาจมีราคาสูงกว่าและไม่ได้ผลในกรณีที่การจัดฟันผิดประเภทอย่างรุนแรง เหล็กดัดฟันมีราคาไม่แพงและมักจะได้ผลดีกว่าในกรณีที่รุนแรง แต่จะทำให้มองเห็นได้ชัดเจนและไม่สบายตัว ท้ายที่สุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณส่วนบุคคลของคุณ

การจัดฟันแบบอินวิสไลน์และการจัดฟันแบบดั้งเดิมต่างก็เป็นการจัดฟันที่ใช้เพื่อทำให้ฟันเรียงตัวตรง นี่คือการเปรียบเทียบระหว่างสองตัวเลือก:

ลักษณะที่ปรากฏ: Invisalign ใช้เครื่องมือจัดฟันแบบพลาสติกใสซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเมื่อสวมใส่ ในขณะที่เครื่องมือจัดฟันแบบดั้งเดิมใช้เหล็กและลวดโลหะที่มองเห็นได้

ความสบาย: อุปกรณ์จัดฟันแบบใส Invisalign สามารถถอดออกได้และสวมใส่สบายกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือจัดฟันแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเนื่องจากลวดและเหล็กจัดฟันที่เป็นโลหะ

ระยะเวลาการรักษา: เวลาการรักษาสำหรับทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบใสนั้นอาจแตกต่างกันไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วการจัดฟันแบบธรรมดามักจะเร็วกว่าในการแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟัน

ค่าใช้จ่าย: โดยทั่วไปการจัดฟันแบบใสจะมีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม

การปฏิบัติตามมาตรฐาน: การจัดฟันแบบใสต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้ป่วยในระดับสูง เนื่องจากต้องใส่เครื่องมือจัดฟันอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในทางกลับกัน การจัดฟันแบบดั้งเดิมไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมมากนัก

ประสิทธิผล: ประสิทธิภาพของทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบจัดฟันแบบดั้งเดิมอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและความรุนแรงของปัญหาการจัดฟัน สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับทันตแพทย์จัดฟันเพื่อพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการเฉพาะของคุณ

โดยสรุปแล้ว ทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบใสมีข้อดีข้อเสีย และทางเลือกที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและความชอบและความต้องการของคนไข้

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

จัดฟัน invisalign คืออะไร

จัดฟัน invisalign คืออะไร

จัดฟัน invisalign คืออะไร

เดี๋ยวนี้ฟันไม่สวยก็ไม่น่ากังวลเพราะเราสามารถจัดฟันได้ แต่หลายครั้งการจัดฟันแบบโลหะที่ต้องติดเครื่องมือไว้กับฟัน ก็กลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของใครหลายคน ที่อาจจะต้องใช้หน้าตา หรือกับบางคนที่รู้สึกว่าดูแลยาก ทำความสะอาดแต่ละทีก็แสนจะยากเย็น และหากดูแลไม่ดีพอ ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาอีกด้วย ดังนั้นจึงมีนวัตกรรมที่มาตอบโจทย์ปัญหานี้โดยเฉพาะ ที่เราเรียกว่า “Invisalign” จัดฟันเหมือนไม่ได้จัด จะเป็นอย่างไร ไปทำความรู้จักพร้อมกันค่ะ

จัดฟัน Invisalign คืออะไร

จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดได้ โดยผู้ทำสามารถทราบผลล่วงหน้าด้วยระบบการรักษา 3 มิติ เทคโนโลยี 3-D ที่ส่งข้อมูลฟันคนไข้ไปยังห้องปฏิบัติการที่ประเทศสหรัฐเพื่อทำการผลิตรูปแบบฟันออกมาเป็นแบบรายบุคคลทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพสูง

การจัดฟัน invisalign ดีกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นอย่างไร

  • ด้วยเครื่องมือแบบใส ทำให้ดูสวยงามกว่าการจัดฟันแบบธรรมดา ซึ่งเหมาะมากสำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าไปจัดฟันมา
  • มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวย
  • ลดการเกิดแผลและการระคายเคืองภายในช่องปากจากเครื่องมือที่จะมาเกี่ยว
  • สามารถถอดออกได้ และทำความสะอาดฟันได้สะดวกมากขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาการสบฟันได้หลายประเภท
  • แก้ปัญหาฟันเก ฟันห่าง ตั้งแต่ความผิดปกติน้อย ๆ ไปยังความผิดปกติที่รุนแรง
  • ไม่ต้องเสียเวลาไปพบทันตแพทย์บ่อย ๆ

ประเภทของการจัดฟัน Invisalign

สำหรับการจัดฟัน Invisalign เราสามารถแยกประเภทย่อย ๆ ออกมาได้อีก 3 ประเภท ดังนี้

1. Invisalign Express การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันเพียงเล็กน้อย หรือผู้ที่มีการคืนกลับของฟันภายหลังจากการจัดฟัน เนื่องจากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์

2. Invisalign Lite การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีฟันห่าง ฟันซ้อนเก ระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น

3. Invisalign Full การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี สำหรับผู้ที่มีฟันซ้อนเก หรือความซับซ้อนค่อนข้างมาก อาจเป็นผู้ที่เคยจัดฟันมาก่อน

อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะที่จะจัดฟัน Invisalign

การจัดฟันแบบใสสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 12-13 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ฟันแท้เริ่มขึ้นจนครับ และขากรรไกรเริ่มมีการเจริญเติบโต ทำให้การขยายหรือลดรูปร่างขากรรไกรเป็นไปได้ง่าย หรือจะรอให้มีการเจริญเติบโตเต็มที่ ช่วงอายุ 18 ปี ก็ได้เช่นกัน

ขั้นตอนในการจัดฟันแบบใส

1. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก พร้อมถ่ายภาพใบหน้า เอกซเรย์ พิมพ์ฟัน และทันตแพทย์จะวางแผนรักษาร่วมกับคนไข้

2. ใช้โปรแกรมสร้างภาพ 3D เพื่อสร้างชุดเครื่องมือจัดฟัน ที่ความใส และบาง พอดีกับฟันแต่ละซี่ ซึ่งเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลังการจัดฟันได้

3. จัดส่งทำเครื่องมือจัดฟันแบบใส พร้อมนัดคนไข้เข้ามาเพื่อเตรียมช่องปากและรับเครื่องมือจัดฟัน

4. คนไข้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสตามตารางที่ทันตแพทย์กำหนด

5. เมื่อจัดฟันแบบใสเสร็จแล้ว ควรใส่รีเทรนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันเหมือนการจัดฟันประเภทอื่น ๆ

การจัดฟัน Invisalign ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับใครที่ต้องการความสวยงามและดูแลง่าย รวมถึงมีกำลังมากพอจะจ่าย เพราะปลายทางของการจัดฟันก็ให้ผลที่คล้าย ๆ กัน นั่นคือการมีฟันที่เรียงตัวสวย และลดปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีลงไปได้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญการดูแลฟันให้ดีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าคุณจะจัดฟันแบบไหนมาก็ตาม เพียงแค่แปรงฟันอย่างถูกวิธีก็สามารถช่วยดูแลฟันของเราได้แล้วค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ดัดฟัน #จัดฟัน

จัดฟันแบบใส ยิ้มสวย มั่นใจ ไร้เหล็ก

จัดฟันแบบใส ยิ้มสวย มั่นใจ ไร้เหล็ก

จัดฟันแบบใส ยิ้มสวย มั่นใจ ไร้เหล็ก

เมื่อพูดถึงการจัดฟัน สิ่งที่ผู้ทำคาดหวังมากที่สุดคือ ความสวยงาม หลายครั้งการจัดฟันโดยทั่วไปที่ต้องติดเครื่องมือไว้กับฟัน ก็กลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของใครหลายคน ที่อาจจะต้องใช้หน้าตา หรือกับบางคนที่รู้สึกว่าการจัดฟันแบบมีเครื่องมือติดไว้ตลอด ดูแลยากเกินไป และหากดูแลไม่ดีพอ ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาอีกด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีการจัดฟันแบบใส ที่มองเผิน ๆ เหมือนคนไม่จัดฟัน ใครสนใจการจัดฟันแบบนี้ต้องมาดูเลยค่ะ

จัดฟันแบบใส คืออะไร

จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดได้ โดยผู้ทำสามารถทราบผลล่วงหน้าด้วยระบบการรักษา 3 มิติ เทคโนโลยี 3-D ที่ส่งข้อมูลฟันคนไข้ไปยังห้องปฏิบัติการที่ประเทศสหรัฐเพื่อทำการผลิตรูปแบบฟันออกมาเป็นแบบรายบุคคลทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพสูง

อะไรทำให้การจัดฟันแบบใสดีกว่าแบบอื่น

  • ด้วยเครื่องมือแบบใส ทำให้ดูสวยงามกว่าการจัดฟันแบบธรรมดา ซึ่งเหมาะมากสำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าไปจัดฟันมา
  • มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวย
  • ลดการเกิดแผลและการระคายเคืองภายในช่องปากจากเครื่องมือที่จะมาเกี่ยว
  • สามารถถอดออกได้ และทำความสะอาดฟันได้สะดวกมากขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาการสบฟันได้หลายประเภท
  • แก้ปัญหาฟันเก ฟันห่าง ตั้งแต่ความผิดปกติน้อย ๆ ไปยังความผิดปกติที่รุนแรง
  • ไม่ต้องไปพบทันตแพทย์บ่อย ๆ

ประเภทของการจัดฟันแบบใส

สำหรับการจัดฟันแบบใส Invisalign เราสามารถแยกประเภทย่อย ๆ ออกมาได้อีก 3 ประเภท ดังนี้

1. Invisalign Express การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันเพียงเล็กน้อย หรือผู้ที่มีการคืนกลับของฟันภายหลังจากการจัดฟัน เนื่องจากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์

2. Invisalign Lite การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีฟันห่าง ฟันซ้อนเก ระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น

3. Invisalign Full การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี สำหรับผู้ที่มีฟันซ้อนเก หรือความซับซ้อนค่อนข้างมาก อาจเป็นผู้ที่เคยจัดฟันมาก่อน

อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะที่จะจัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใสสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 12-13 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ฟันแท้เริ่มขึ้นจนครับ และขากรรไกรเริ่มมีการเจริญเติบโต ทำให้การขยายหรือลดรูปร่างขากรรไกรเป็นไปได้ง่าย หรือจะรอให้มีการเจริญเติบโตเต็มที่ ช่วงอายุ 18 ปี ก็ได้เช่นกันค่ะ

ขั้นตอนในการจัดฟันแบบใส

1. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก พร้อมถ่ายภาพใบหน้า เอกซเรย์ พิมพ์ฟัน และทันตแพทย์จะวางแผนรักษาร่วมกับคนไข้

2. ใช้โปรแกรมสร้างภาพ 3D เพื่อสร้างชุดเครื่องมือจัดฟัน ที่ความใส และบาง พอดีกับฟันแต่ละซี่ ซึ่งเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลังการจัดฟันได้

3. จัดส่งทำเครื่องมือจัดฟันแบบใส พร้อมนัดคนไข้เข้ามาเพื่อเตรียมช่องปากและรับเครื่องมือจัดฟัน

4. คนไข้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสตามตารางที่ทันตแพทย์กำหนด

5. เมื่อจัดฟันแบบใสเสร็จแล้ว ควรใส่รีเทรนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันเหมือนการจัดฟันประเภทอื่น ๆ

การจัดฟันแบบใสถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับใครที่ต้องการความสวยงามและดูแลง่าย รวมถึงมีกำลังมากพอจะจ่าย เพราะปลายทางของการจัดฟันก็ให้ผลที่คล้าย ๆ กัน นั่นคือการมีฟันที่เรียงตัวสวย และลดปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีลงไปได้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญการดูแลฟันให้ดีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าคุณจะจัดฟันแบบไหนมาก็ตาม

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#จัดฟัน #จัดฟันแบบใส

จัดฟันแบบ-Invisalign-หรือจัดฟันใส-เป็นยังไง

จัดฟันแบบ Invisalign หรือจัดฟันใส เป็นยังไง? ที่นี่มีคำตอบ!

เชื่อว่าใครหลายคนอาจเคยได้ยิน ได้รู้จักกับการจัดฟันแบบใส หรือแบบ invisalign กันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่รู้ถึงกระบวนการทำงานของมันว่าจะสามารถจัดเรียงฟันของเราให้สวยปิ๊งได้ยังไง เพื่อให้คุณทำความรู้จักและเข้าใจการจัดฟันแบบ invisalign กันมากขึ้น บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกและหาคำตอบกันค่ะ

  • การจัดฟันแบบ invisalign หรือการจัดฟันแบบใส คืออะไร?

การจัดฟัน invisalign เป็นรูปแบบหนึ่งของนวัตกรรมการจัดฟันที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นที่ครอบพลาสติกใส สามารถถอดเข้าออกได้ง่าย ไร้เหล็กดัด และออกแบบมาอย่างเฉพาะเพื่อใช้สำหรับแต่ละบุคคล ส่วนในเรื่องของกระบวนการรักษานั้นก็ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนใดๆเลย ขั้นตอนแรก แพทย์จะทำการให้คำปรึกษาและวางแผนแนวทางการรักษาโดยออกแบบผ่าน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า Clincheck ออกมาในรูปแบบของวิดีโอ 3D เพื่อให้เราเข้าใจและรับรู้ทุกกระบวนการรักษาอย่างถูกต้องและครบถ้วน หลังจากนั้นก็จะจัดทำเครื่องมืออุปกรณ์จัดฟันแบบใสขึ้นมาเป็นชุด ตามลำดับและขนาดที่แพทย์ได้กำหนดเอาไว้ ขั้นตอนต่อมาคือคุณต้องใส่ที่ครอบพลาสติกใสหรือเครื่องมือจัดฟันที่แพทย์จัดมาให้ทุกวัน โดยสามารถถอดออกได้เฉพาะ ช่วงรับประทานอาหารและช่วงทำความสะอาดฟันเท่านั้น และมีข้อปฏิบัติคือ คุณต้องมาเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันเป็นชุดใหม่ ทุกๆ 2 สัปดาห์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพียงแค่นี้กระบวนการจัดฟันแบบใสก็เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ

  • การจัดฟัน invisalign แตกต่างและดีกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นอย่างไร?

การจัดฟัน invisalign นั้นถือเป็นนวัตกรรมทางด้านทันตกรรมที่ได้รับการศึกษาวิจัยและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง เพราะสะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว ชัดเจนและเสริมบุคลิกภาพของผู้ทำ แตกต่างจากการจัดฟันในรูปแบบอื่นๆที่ ใช้เวลานาน มีความยุ่งยากในเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ มีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับสุขภาพปากและไม่ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ทำ ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดฟันแบบ invisalign ก็ต้องการวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟันมากๆ และเหมาะสมกับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพฟันที่ซับซ้อนมากนัก ร่วมถึงมีราคาที่ค่อนข้างสูงต่อครั้งเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบเหล็กดัด แต่ราคาที่ค่อนข้างสูงต่อครั้งก็มาพร้อมกับระยะเวลาที่สั้นกว่าการจัดฟันแบบปกติมาก เมื่อเทียบดีๆแล้วในระยะยาว การจัดฟันแบบใสอาจไม่ได้มีราคาที่สูงกว่าหรือในบางเคสอาจถูกและคุ้มค่ากว่าการจัดฟันแบบปกติอีกด้วย

ผู้เขียนหวังว่าในบทความนี้หลายท่านคงจะได้ทำความรู้จักกับการจัดฟันแบบ invisalign กันมากขึ้น และอย่างไรก็ดีรูปแบบการเลือกวิธีการจัดฟันนั้นก็อาจแตกต่างกันไปตามงบประมาณและปัญหาสุขภาพฟันส่วนบุคคล ซึ่งหากท่านใดสนใจการจัดฟันแบบ invisalign ผู้เขียนแนะนำว่าควรปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ แล้วไว้พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สำหรับบทความนี้สวัสดีค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC