บริการทันตกรรมเด็กมีอะไรบ้าง

บริการทันตกรรมเด็กมีอะไรบ้าง? คู่มือสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลสุขภาพฟันของลูกน้อย

การดูแลฟันของเด็กตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันปัญหาทางทันตกรรมในอนาคต คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจสงสัยว่าบริการทันตกรรมสำหรับเด็กนั้นมีอะไรบ้าง และควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เมื่อไหร่ การรู้จักกับบริการทันตกรรมเด็กสามารถช่วยให้คุณเตรียมตัวและมั่นใจว่าลูกของคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเพื่อฟันที่แข็งแรงและสวยงาม

บริการทันตกรรมเด็กมีอะไรบ้าง?

ทันตกรรมสำหรับเด็กมีบริการหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อดูแลฟันและเหงือกของเด็กตั้งแต่ทารกจนถึงวัยรุ่น บริการเหล่านี้มีเป้าหมายหลักในการป้องกันปัญหาฟันผุ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมการดูแลฟันที่ดีในระยะยาว

1. การตรวจฟันประจำ

การตรวจฟันเป็นประจำทุก 6 เดือนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาทางทันตกรรม การตรวจฟันในเด็กช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจสอบการเจริญเติบโตของฟัน และตรวจพบปัญหาฟันผุหรือโรคเหงือกได้ในระยะเริ่มต้น หากพบปัญหาทันตแพทย์จะสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

2. การเคลือบฟลูออไรด์

การเคลือบฟลูออไรด์เป็นการป้องกันฟันผุที่มีประสิทธิภาพ ฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับชั้นเคลือบฟัน ทำให้ฟันของเด็กต้านทานการผุได้ดียิ่งขึ้น บริการนี้มักจะดำเนินการในระหว่างการตรวจฟันประจำเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับฟันของเด็ก

3. การเคลือบร่องฟัน

ฟันกรามของเด็กมักมีร่องลึกที่เสี่ยงต่อการสะสมคราบพลัคและเศษอาหาร การเคลือบร่องฟันเป็นการใช้สารเคลือบพิเศษปิดร่องลึกเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุ เป็นบริการที่เหมาะสำหรับฟันกรามหลังที่เพิ่งขึ้นมาใหม่

4. การอุดฟัน

หากฟันของเด็กเริ่มผุ การอุดฟันเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยหยุดการลุกลามของฟันผุ การอุดฟันจะช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของฟันและป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ส่วนอื่นของฟันที่ยังคงแข็งแรง ทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เช่น คอมโพสิตเรซิน ซึ่งมีสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ

5. การรักษารากฟันน้ำนม

แม้ว่าฟันน้ำนมจะหลุดไปตามธรรมชาติ แต่หากฟันน้ำนมมีการติดเชื้อหรือผุอย่างรุนแรง การรักษารากฟันอาจจำเป็น การรักษารากฟันในเด็กช่วยรักษาฟันน้ำนมให้อยู่ในตำแหน่งจนกว่าฟันแท้จะขึ้นมา การรักษานี้ช่วยให้เด็กยังสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างปกติ และป้องกันปัญหาการเรียงตัวของฟันในอนาคต

6. การถอนฟัน

ในบางกรณี ฟันน้ำนมที่ผุอย่างหนักหรือมีการติดเชื้ออาจต้องถอนออก เพื่อป้องกันการลุกลามไปยังฟันแท้ที่กำลังขึ้น การถอนฟันในเด็กควรดำเนินการโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเจ็บปวดและป้องกันการติดเชื้อหลังการรักษา

7. การใส่เครื่องมือจัดฟัน

ในบางกรณี เด็กอาจมีปัญหาการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อน ฟันเก หรือฟันห่าง การใส่เครื่องมือจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทันตแพทย์จะประเมินความจำเป็นในการใส่เครื่องมือจัดฟันเมื่อเด็กเริ่มมีฟันแท้ขึ้น การจัดฟันในวัยเด็กช่วยปรับโครงสร้างฟันและกรามให้เข้าที่ ทำให้การเจริญเติบโตของฟันในอนาคตเป็นไปอย่างสมบูรณ์

8. การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟัน

การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลฟันเป็นสิ่งสำคัญที่ทันตแพทย์มักจะทำหลังจากการตรวจฟัน โดยทันตแพทย์จะสอนเด็กและคุณพ่อคุณแม่ถึงวิธีการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพฟัน เช่น การลดการบริโภคน้ำตาลและอาหารที่มีกรดสูง

เมื่อใดที่ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์?

คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มพาลูกไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่อายุประมาณ 6 เดือน หรือเมื่อฟันซี่แรกของลูกขึ้น เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบการเจริญเติบโตของฟันและให้คำแนะนำในการดูแลฟันที่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็ก การเริ่มต้นการดูแลฟันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกน้อยมีฟันที่แข็งแรงและลดโอกาสเกิดปัญหาฟันผุในอนาคต

นอกจากนี้ หากพบว่าลูกมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์ทันที:

  • ฟันผุหรือมีรูฟันที่เห็นได้ชัด
  • มีอาการปวดฟันหรือเหงือกบวม
  • ฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลา
  • ฟันซ้อนหรือฟันเกอย่างชัดเจน
  • ฟันกรามขึ้นแล้วแต่ไม่ได้ทำความสะอาดได้ทั่วถึง

วิธีการเตรียมตัวพาลูกไปพบทันตแพทย์

การพาลูกไปพบทันตแพทย์อาจเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก การเตรียมตัวให้ลูกพร้อมจะช่วยลดความกลัวและทำให้การพบหมอฟันเป็นเรื่องสนุก นี่คือเคล็ดลับที่ช่วยให้การไปพบทันตแพทย์เป็นไปอย่างราบรื่น:

  • สอนลูกเกี่ยวกับความสำคัญของการดูแลฟันตั้งแต่เล็กๆ
  • เล่าเรื่องเกี่ยวกับการไปหาหมอฟันในทางที่สนุกสนาน
  • อ่านหนังสือหรือดูวิดีโอเกี่ยวกับการตรวจฟันให้ลูกฟัง
  • หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ทำให้เด็กกลัว เช่น “ไม่ต้องกลัว” หรือ “ไม่เจ็บ”

การสร้างประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปหาหมอฟันจะช่วยให้เด็กไม่กลัวการพบทันตแพทย์ในครั้งถัดไป

สรุป

บริการทันตกรรมเด็กครอบคลุมหลายด้านที่มุ่งเน้นการป้องกันและรักษาปัญหาฟันในวัยเด็ก ตั้งแต่การตรวจฟันประจำ การเคลือบฟลูออไรด์ การอุดฟัน ไปจนถึงการรักษารากฟัน การดูแลฟันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้เด็กมีฟันที่แข็งแรงและป้องกันปัญหาทางทันตกรรมในอนาคต การพาลูกไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอและสอนให้ลูกมีพฤติกรรมการดูแลฟันที่ดีจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดชีวิต

ทันตกรรมจัดฟัน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม

ทันตกรรมจัดฟัน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม

ทันตกรรมจัดฟัน ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม

การจัดฟันเป็นมากกว่าการทำให้ฟันเรียงตัวสวยงาม มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพช่องปากโดยรวม และช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มาดูกันว่าการจัดฟันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง และทำไมการจัดฟันจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงามเท่านั้น

ประโยชน์ของการจัดฟัน

  1. ปรับปรุงสุขภาพช่องปาก ฟันที่เรียงตัวไม่ถูกต้องสามารถสร้างปัญหาในการทำความสะอาด การจัดฟันช่วยให้การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุและโรคเหงือก
  2. การบดเคี้ยวที่ดีขึ้น ฟันที่เรียงตัวไม่ดีอาจทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจส่งผลต่อการย่อยอาหาร การจัดฟันช่วยให้การบดเคี้ยวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ ฟันที่ยื่นออกมา หรือเรียงตัวไม่ถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุ การจัดฟันช่วยลดความเสี่ยงนี้
  4. ปรับปรุงการออกเสียง การเรียงตัวของฟันมีผลต่อการออกเสียง ฟันที่เรียงตัวไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาในการออกเสียงบางคำ การจัดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้
  5. ลดความเสี่ยงของปัญหาข้อต่อขากรรไกร ฟันที่เรียงตัวไม่ดีอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในการเคลื่อนที่ของขากรรไกร ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาข้อต่อขากรรไกร การจัดฟันช่วยปรับสมดุลนี้และลดความเสี่ยงของปัญหาดังกล่าว

การจัดฟันในรูปแบบต่าง ๆ

ปัจจุบันมีวิธีการจัดฟันที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคน อาทิ
  • การจัดฟันแบบโลหะ: เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีค่าใช้จ่ายไม่สูง
  • การจัดฟันแบบใส (Invisalign): เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามและไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือจัดฟัน
  • การจัดฟันแบบเซรามิก: ใช้เครื่องมือที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ ทำให้ดูไม่เด่นชัด

การดูแลรักษาหลังการจัดฟัน

หลังจากการจัดฟัน การดูแลรักษาฟันเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด อาทิ
  • การทำความสะอาดฟัน: แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
  • การตรวจสุขภาพฟัน: เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คและทำความสะอาดฟันทุก 6 เดือน
  • การใส่รีเทนเนอร์: เพื่อคงสภาพฟันหลังการจัดฟันให้คงที่และไม่กลับมาเรียงตัวผิดรูป

การจัดฟันไม่ใช่แค่การมีฟันเรียงตัวสวยงาม แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น การทำงานของช่องปากที่มีประสิทธิภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

อย่ารอช้า! มารับคำปรึกษาจากทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อค้นหาวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมกับคุณที่สุด และเริ่มต้นก้าวสู่รอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีได้ตั้งแต่วันนี้!

  สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829 Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/ ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก) #ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม
จัดฟันต้องจัดกี่รอบ

จัดฟัน ต้องจัดกี่รอบ

การจัดฟันไม่ได้แบ่งตาม “รอบ” หรือ “เซสชัน” เป็นหลัก, แต่มักจะแบ่งตามระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดฟันเพื่อให้ฟันอยู่ในที่ต้องการ ระยะเวลาในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับ:

  1. ความซับซ้อนของปัญหาฟัน: บางครั้งอาจเป็นเพียงการจัดฟันเล็กน้อย, แต่บางครั้งก็อาจเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมาก ทำให้ต้องใช้เวลานาน
  2. เทคนิคการจัดฟัน: มีเทคนิคการจัดฟันหลายประเภท เช่น braces แบบประดิษฐ์, braces แบบใส, หรือแผ่นจัดฟันแบบถอนได้ (เช่น Invisalign)
  3. ความร่วมมือของผู้รับการรักษา: การเข้าพบทันตแพทย์ตามนัด และการปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลฟันเป็นสิ่งสำคัญ

โดยทั่วไป, การจัดฟันด้วย braces แบบประดิษฐ์ หรือ braces แบบใส มักต้องใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา แต่หากเป็นแผ่นจัดฟันแบบถอนได้ เช่น Invisalign การรักษาอาจสั้นลงเป็น 6-18 เดือน ในกรณีที่ฟันมีปัญหาเล็กน้อย

แต่อย่างไรก็ตาม, ควรปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความต้องการและสถานะฟันของคุณเพื่อประเมินระยะเวลาและขั้นตอนการรักษาที่เหมาะสม.

จัดฟัน ขั้นตอน

การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ต้องการเวลานานและการดูแลจากทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อปรับปรุงการจัดวางของฟันและกรามฟันให้เป็นเส้นตรงและสวยงามขึ้น ขั้นตอนในการจัดฟันประกอบด้วย:

  1. การประเมิน: ก่อนเริ่มการจัดฟัน คุณต้องประเมินสภาพฟันและกระดูกฟัน ซึ่งอาจรวมถึงการถ่ายภาพ X-ray ของฟัน, การสร้างรูปฟันจากโมเดล และการตรวจสอบประวัติสุขภาพช่องปาก
  2. การวางแผนการรักษา: ทันตแพทย์จัดฟันจะเสนอแผนการรักษา รวมถึงการเลือกวิธีการจัดฟัน อาจเป็น braces แบบดั้งเดิม, Invisalign, หรือวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมตามสภาพปัญหาของคุณ
  3. การติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน: หากคุณเลือกใช้ braces, ทันตแพทย์จะติดตั้งและปรับเครื่องมือจัดฟันตามการวางแผนการรักษาที่กำหนดไว้
  4. การปรับเครื่องมือจัดฟัน: คุณจะต้องมาพบทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน ทุกๆ 4-6 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำ
  5. การดูแลรักษาระหว่างการจัดฟัน: ควรทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำจากทันตแพทย์ เพื่อให้กระบวนการจัดฟันเป็นผล
  6. การถอดเครื่องมือจัดฟัน: เมื่อเสร็จสิ้นการรักษา ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟันออก และให้คุณใส่ retainers หรือเครื่องมือที่ช่วยรักษาการจัดวางของฟันให้คงที่
  7. การใช้ Retainers: หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน คุณจะต้องใส่ retainers เพื่อป้องกันฟันย้ายกลับไปยังตำแหน่งเดิม โดยปกติจะต้องใส่เต็มวันในช่วงแรก แล้วค่อยๆ ลดลงเป็นเฉพาะเวลากลางคืน

การจัดฟันเป็นกระบวนการที่ต้องการความอดทนและความร่วมมือจากผู้รับการรักษา การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์และการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอจะทำให้การรักษาเป็นผลดีที่สุด.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

INVISALIGN VS. BRACES

จัดฟันแบบใส Invisalign vs. จัดฟันแบบดั้งเดิม : แบบไหนดีกว่าสำหรับคุณ

คุณกำลังจะเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ด้วยเหล็กดัดฟัน แต่ก่อนที่จะทำคุณต้องแน่ใจว่าเครื่องมือจัดฟันประเภทใดดีกว่าสำหรับคุณ การจัดฟัน vs การจัดฟัน? อันไหนดีกว่าสำหรับคุณ? และคุณควรใช้ระบบดั้งเดิมหรือแบบถอดได้?

การจัดฟันแบบใส Invisalign ดีกว่าการจัดฟันแบบไร้โครง

การจัดฟันแบบใสช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงรู้สึกสบายกว่าการจัดฟันแบบไม่มีเครื่องมือจัดฟัน

การจัดฟันแบบใส Invisalign นั้นสะดวกสบายกว่าการจัดฟันแบบไร้เครื่องมือ

การใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยป้องกันการสึกหรอของฟันของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ฟันผุและปัญหาทางทันตกรรมอื่นๆ

การจัดฟันแบบใสกับเครื่องมือจัดฟัน: แบบไหนดีกว่าสำหรับคุณ

เครื่องมือจัดฟันแบบใส Invisalign ช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติและดีต่อขากรรไกรของคุณมากขึ้นเพราะจะทำให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งเดิม หากคุณจัดฟันโดยไม่มีการจัดฟัน คุณควรใส่เครื่องมือจัดฟันเพื่อรักษาการเรียงตัวของฟัน

หากคุณจัดฟันแบบไม่ใส่ invisalign คุณควรจัดฟันหากคุณจัดฟันแบบไม่ใส่ invisalign คุณควรใส่เครื่องมือจัดฟัน

  • คุณต้องการรักษาการเรียงตัวของฟันของคุณ
  • คุณต้องการรักษารอยยิ้มของคุณให้ดูดีอยู่เสมอ
  • คุณต้องการให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งตามธรรมชาติ

การจัดฟันแบบใสและเครื่องมือจัดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ฟันเรียงตัวตรง การจัดฟันแบบใสนั้นดูรอบคอบและสะดวกสบายกว่าการจัดฟันแบบใส แต่อาจมีราคาสูงกว่าและไม่ได้ผลในกรณีที่การจัดฟันผิดประเภทอย่างรุนแรง เหล็กดัดฟันมีราคาไม่แพงและมักจะได้ผลดีกว่าในกรณีที่รุนแรง แต่จะทำให้มองเห็นได้ชัดเจนและไม่สบายตัว ท้ายที่สุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณส่วนบุคคลของคุณ

การจัดฟันแบบอินวิสไลน์และการจัดฟันแบบดั้งเดิมต่างก็เป็นการจัดฟันที่ใช้เพื่อทำให้ฟันเรียงตัวตรง นี่คือการเปรียบเทียบระหว่างสองตัวเลือก:

ลักษณะที่ปรากฏ: Invisalign ใช้เครื่องมือจัดฟันแบบพลาสติกใสซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเมื่อสวมใส่ ในขณะที่เครื่องมือจัดฟันแบบดั้งเดิมใช้เหล็กและลวดโลหะที่มองเห็นได้

ความสบาย: อุปกรณ์จัดฟันแบบใส Invisalign สามารถถอดออกได้และสวมใส่สบายกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือจัดฟันแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเนื่องจากลวดและเหล็กจัดฟันที่เป็นโลหะ

ระยะเวลาการรักษา: เวลาการรักษาสำหรับทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบใสนั้นอาจแตกต่างกันไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วการจัดฟันแบบธรรมดามักจะเร็วกว่าในการแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟัน

ค่าใช้จ่าย: โดยทั่วไปการจัดฟันแบบใสจะมีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม

การปฏิบัติตามมาตรฐาน: การจัดฟันแบบใสต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้ป่วยในระดับสูง เนื่องจากต้องใส่เครื่องมือจัดฟันอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในทางกลับกัน การจัดฟันแบบดั้งเดิมไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมมากนัก

ประสิทธิผล: ประสิทธิภาพของทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบจัดฟันแบบดั้งเดิมอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและความรุนแรงของปัญหาการจัดฟัน สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับทันตแพทย์จัดฟันเพื่อพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการเฉพาะของคุณ

โดยสรุปแล้ว ทั้งการจัดฟันแบบใสและแบบใสมีข้อดีข้อเสีย และทางเลือกที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและความชอบและความต้องการของคนไข้

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

เทคนิคในการเลือกทันตแพทย์จัดฟัน

เทคนิคในการเลือกทันตแพทย์จัดฟัน

ควรคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เช่น การศึกษา ประสบการณ์ ชื่อเสียง และวิธีการรักษาของทันตแพทย์จัดฟัน คุณอาจต้องการพิจารณาสถานที่และชั่วโมงการฝึก รวมถึงตัวเลือกค่าใช้จ่ายและการชำระเงิน ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนที่คุณสามารถปฏิบัติตามเพื่อเลือกทันตแพทย์จัดฟันได้:

กำหนดความต้องการในการจัดฟันของคุณ: ทำรายการข้อกังวลและเป้าหมายในการจัดฟันของคุณ เช่น การจัดฟันให้ตรง แก้ไขฟันเหยิน หรือปรับปรุงการสบฟันของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณพบทันตแพทย์จัดฟันที่มีประสบการณ์ในการรักษาปัญหาเฉพาะเหล่านี้

วิจัยทันตแพทย์จัดฟันในพื้นที่ของคุณ: มองหาทันตแพทย์จัดฟันที่ได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งอเมริกา (AAO) คุณยังสามารถขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ทั่วไปหรือเพื่อนและครอบครัว

กำหนดการให้คำปรึกษา: ติดต่อทันตแพทย์จัดฟันหลายคนและนัดหมายการปรึกษาหารือเพื่อพบพวกเขาด้วยตนเอง นี่เป็นโอกาสที่ดีในการถามคำถามและทำความเข้าใจเกี่ยวกับบุคลิกภาพและวิธีการรักษาของพวกเขา

ประเมินการปฏิบัติ: พิจารณาสถานที่และชั่วโมงของการปฏิบัติ ตลอดจนความเป็นมืออาชีพและความเป็นมิตรของพนักงาน นอกจากนี้ คุณยังอาจต้องการสอบถามเกี่ยวกับประเภทของตัวเลือกการรักษาที่มี เช่น การจัดฟันแบบดั้งเดิมหรือการจัดฟันแบบใส

เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและตัวเลือกการชำระเงิน: การจัดฟันอาจมีราคาแพง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและตัวเลือกการชำระเงินก่อนตัดสินใจ สอบถามเกี่ยวกับความคุ้มครองของประกันและตัวเลือกทางการเงิน เช่น แผนการชำระเงินหรือส่วนลดสำหรับการชำระเงินล่วงหน้า

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ คุณจะพบทันตแพทย์จัดฟันที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีประสบการณ์ และเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

วิธีทำความสะอาดการจัดฟัน

สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดีขณะใส่เครื่องมือจัดฟัน เช่น เหล็กจัดฟันหรือเครื่องมือจัดฟัน เพื่อป้องกันฟันผุและโรคเหงือก เคล็ดลับในการทำความสะอาดอุปกรณ์จัดฟันของคุณมีดังนี้

แปรงฟันวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและแปรงทุกพื้นผิวของฟัน รวมถึงด้านหน้า ด้านหลัง และด้านบน อย่าลืมแปรงไปรอบ ๆ และใต้ลวดและเหล็กจัดฟันของคุณ

ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน: ใช้แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟันทำความสะอาดระหว่างฟันและใต้ลวดจัดฟัน

บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก: ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้ลมหายใจสดชื่น

ทำความสะอาดเครื่องใช้ของคุณ: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มหรือแปรงอุปกรณ์จัดฟันค่อยๆ ทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันหรือเครื่องมือจัดฟันของคุณ คุณยังสามารถแช่เครื่องมือจัดฟันในสารละลายที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำเพื่อช่วยขจัดคราบพลัคและแบคทีเรีย

ไปพบทันตแพทย์จัดฟันของคุณเป็นประจำ: ปฏิบัติตามกำหนดเวลาที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำสำหรับการตรวจสุขภาพและการปรับ ในระหว่างการนัดตรวจเหล่านี้ ทันตแพทย์จัดฟันของคุณจะตรวจสุขภาพฟันและเหงือกของคุณ และทำการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่จำเป็น

เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ คุณจะสามารถช่วยรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี และรักษาสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรงขณะใส่เครื่องมือจัดฟัน

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

จัดฟันดามอน จัดฟันเรียงสวย แรงเสียดทานน้อย แถมเสร็จเร็วมาก

จัดฟันดามอน จัดฟันเรียงสวย แรงเสียดทานน้อย แถมเสร็จเร็วมาก

หลายคนมองว่าการจัดฟันคือจุดเริ่มต้นของ “การทำศัลยกรรม” เพราะการจัดฟันจะเป็นการจัดรูปแบบฟันให้ยิ้มสวย มีระเบียบ แก้ปัญหาการบดเคี้ยวอาหารได้มากกว่าแฟชั่น หนึ่งในนั้นก็มีการจัดฟันแบบดามอน (Damon Braces) ซึ่งเป็นการจัดฟันที่มีรีวิวเชิงบวกค่อนข้างมาก เนื่องจากการจัดฟันปลอดภัย สามารถผูกมัดตัวเองได้ด้วยการล็อกฟัน ฟันจึงสามารถปรับให้เข้ากับการเคลื่อนไหวได้มากกว่า อ่อนโยนต่อฟันและเนื้อเยื่อปากที่บอบบางกว่ามาก ทำให้เป็นการจัดฟันยิ้มสวยที่ได้ดังต้องการ การรักษาทำได้เร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้การจัดฟันดามอน2022 นิยมทำแบบมินิมอลและไม่ยืดหยุ่นยังดึงดูดคราบพลัคหรือหินปูนได้น้อยลง ทำให้การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันง่ายขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ที่การจัดฟันในรูปแบบนี้จะลดกลิ่นปากได้มากกว่า เนื่องจากการจัดฟันแบบดามอนมีความแตกต่างจากการจัดฟันทั่วๆ ไปค่อนข้างมาก จะเห็นได้ว่าจัดฟันปลอดภัยนั้น มีความแตกต่างด้านเครื่องมือจัดฟัน จัดฟันดามอน2022 ใช้ลวดโค้งและวงเล็บเพื่อขยับฟัน แต่ในขณะที่เครื่องมือจัดฟันแบบเดิมจะมีแถบยางยืดอยู่รอบๆ โครงยึดแต่ละอัน จะเพิ่มแรงหนืดมากกว่า เครื่องมือจัดฟันแบบดามอนใช้ระบบการล็อกตัวเองเพื่อเชื่อมต่อสายโค้งเข้ากับโครงยึด แทนที่จะใช้สายยางรัดแบบยืดหยุ่นซึ่งมักใช้กับเครื่องมือจัดฟันแบบเดิม ทำให้การบดเคี้ยวสบายขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันตอบโจทย์กับคนที่ต้องการจัดฟันยิ้มสวยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังที่ต้องการ

ลักษณะการ “จัดฟันแบบดามอน” มีอะไรบ้าง

ลักษณะการจัดฟันนั้น ขึ้นอยู่กับฟันและราคาที่เลือกแต่ละลักษณะ ซึ่งแต่ละประเภทมีราคาที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-95,000 บาท โดยลักษณะที่มีจะมีทั้งหมดสองประเภท

  • ดามอนคิว (Damon Q) เป็นการจัดฟันที่เป็นสีโลหะ เวลายิ้มและหัวเราะจะเห็นเครื่องมือชัดเจน ลักษณะไม่ต่างจากแบบเดิมนัก เพียงแต่ไม่ได้มีสายยางยึดเท่านั้น
  • ดามอนเคลียร์ (Damon Clear) เป็นการจัดฟันที่มีสีขาวขุ่นเพื่อให้ใกล้เคียงกับสีฟัน จะนิยมจัดฟันเพื่อให้ดูดี แต่ไม่เห็นเครื่องมือจนรู้สึกเขินเกินไป

กลุ่มไหนบ้างที่ต้องเลือกการ “จัดฟันแบบดามอน”

  1. กลุ่มที่มีปัญหาฟันเด้งบ่อย : คนที่ฟันเด้งหรือดีดออกมาหลังจากจัดฟัน จนต้องจัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จัดฟันแบบดามอนจะเหมาะสมกับกลุ่มนี้มาก เพราะอุปกรณ์จะช่วยล็อกฟันให้อยู่กับที่ หรือเรียงให้สวยขึ้น และที่สำคัญจัดฟันยิ้มสวยช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เร็วขึ้น
  2. กลุ่มสายประกวดและสายงานบันเทิง : กลุ่มที่ต้องประกวด แคสติ้งพอใจสิ่งนี้ การจัดฟันในรูปแบบนี้จะช่วยให้เข้ารูปและไม่เด่นชัดเท่าการจัดฟันแบบเดิม จัดฟันดามอน2022 สามารถเลือกตัวยึดเป็นสีขาว (Damon Clear) ได้ และใช้กลไกพื้นฐานแบบเดียวกับการจัดฟันแบบเดิม แต่ใช้วงเล็บแบบล็อกตัวเองซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ยางยืด ทำให้มั่นใจในการพูดการสื่อสารมากกว่า
  3. กลุ่มที่ไม่อยากเสียเวลาการจัดฟันนาน : ในรูปแบบนี้ยังเป็นการจัดฟันปลอดภัย ลดเวลาการรักษาโดยรวม และเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างการรักษา ใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อออกแรงที่อ่อนโยน และจะรู้สึกสบายมาก ทำให้การจัดฟันให้รอยยิ้มมั่นใจ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่รู้สึกทรมานเลย ซึ่งใช้เวลาเพียง 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน
  4. กลุ่มที่เป็นร้อนในง่าย : การจัดฟันแบบดามอนจะเสียดสีกับผิวปากน้อยกว่า เนื่องจากทำในรูปแบบเซรามิกที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว ทำให้ไม่เสียดสีช่องปากจนเกิดอาการร้อนในตามมา

จัดฟันแบบดามอนยิ้มกว้างได้แม้ฟันไม่แน่น แต่เมื่อฟันค่อยๆ เข้าที่มากขึ้น จะทำให้รู้สึกว่านี่เป็นการจัดฟันปลอดภัย  ยิ่งทนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจัดฟัน ยิ่งทำให้มุมปากกว้างขึ้นได้อย่างสวยงาม เปิดเผยมากกว่าที่เป็น อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งเชื่อว่าการจัดฟันจะเป็นการทำให้หน้าผอม แม้ว่าเหล็กจัดฟันจะเปลี่ยนความกว้างของขากรรไกรบนได้ แต่จะไม่ขยายเข้าไปในโครงสร้างที่ส่งผลต่อรูปร่างและขนาดของจมูกจริงๆ แน่นอนว่าการจัดฟันกับการเปลี่ยนรูปหน้า มันคนละเรื่องเลย อย่างไรก็ตามจัดฟันดามอน2022 ก็ยังมีความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยให้ยิ้มสวย สดใสขึ้น และคุ้มค่ากับการลงทุน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ยางจัดฟัน #จัดฟัน #จัดฟันดามอน #DamonBraces

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยางจัดฟัน

คนจัดฟันต้องรู้! รวมข้อควรรู้เกี่ยวกับยางจัดฟัน มีกี่แบบ ทำไมต้องเปลี่ยน

คนจัดฟันต้องรู้! รวมข้อควรรู้เกี่ยวกับยางจัดฟัน มีกี่แบบ ทำไมต้องเปลี่ยน

สำหรับคนจัดฟันแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ติดเข้ากับฟันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะช่วยปรับและย้ายตำแหน่งของฟันให้อยู่ในจุดที่ถูกต้องแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากคือยางจัดฟัน ที่จะช่วยดึงให้ฟันของเราเข้าที่ได้ง่ายขึ้น แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะ ว่ายางจัดฟันมีกี่แบบ แล้วที่คนจัดฟันต้องไปเปลี่ยนยางกันอยู่ทุกเดือนมันจำเป็นขนาดไหน เรารวบรวมข้อควรรู้เกี่ยวกับยางจัดฟันมาฝากกัน

ทำความรู้จักยางจัดฟัน

ยางจัดฟัน คือตัวรัดแบล็กเกตกับลวดให้อยู่กับที่เพื่อทำให้ฟันเรียงตัวตามตำแหน่งที่ติดเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญที่มีส่วนในการปรับการเคลื่อนที่ของฟัน หากใครที่คิดจะจัดฟันก็จะต้องใส่ยางจัดฟันไว้ตลอดเวลาหรือใส่เฉพาะบางเวลา

ยางจัดฟันมีกี่แบบ

ในปัจจุบันคลินิกส่วนใหญ่จะมียางจัดฟันอยู่ 3 แบบ ซึ่งจะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  1. โอริง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “โอริง” กันมาบ้าง โอริงหรือยางมัดเครื่องมือ ใช้กับการจัดฟันแบบโลหะ มีลักษณะเป็นห่วงกลม ๆ มีขนาดที่แตกต่างออกไปทั้งใหญ่และเล็ก บางอันอาจจะเป็นเส้นยาว มีความยืดหยุ่นน้อย ซึ่งโอริงจะทำหน้าที่ยึดระหว่างแบล็กเกตกับลวดเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ตัวลวดค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม

  1. เชน

เชน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำหน้าที่ปิดช่องว่างระหว่างฟัน หมายความว่าตัวเชนจะเป็นตัวทำให้ฟันเคลื่อนที่เข้าหากันและช่วยร่นระยะช่องห่างของฟัน ซึ่งจำนวนของเชนที่ใช้นั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพฟันและเงื่อนไขฟันของแต่ละบุคคล

  1. ยางดึงฟัน

ยางดึงฟันจะเป็นยางยืดที่ทำหน้าที่ยึดระหว่างขากรรไกรหรือระหว่างซี่ให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน โดยใช้วิธีการเกี่ยวยางไปในตำแหน่งต่าง ๆ ที่ต้องการปรับตำแหน่ง แต่จะเกี่ยวในแนวราบเพื่อป้องกันฟันเคลื่อนที่ในขณะที่กำลังนอนหลับ

ความสำคัญของยางจัดฟัน

นอกจากเรื่องสีสันที่สวยงามแล้ว ยางจัดฟันยังมีความสำคัญต่อการจัดระเบียบฟันให้เข้าที่อีกด้วย กล่าวคือยางจัดฟันจะช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยและเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่ติดเครื่องมือไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนฟันบนไปข้างหลังและเคลื่อนฟันล่างมาข้างหน้า หรือเคลื่อนฟันบนมาข้างหน้าและเคลื่อนฟันล่างไปข้างหลัง

ทำไมคนจัดฟันจะต้องเปลี่ยนยางจัดฟันทุกเดือน

หลายคนพอ ๆ จัด ๆ ฟันแล้ว รู้สึกขี้เกียจจะไปพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาว โดยหารู้ไม่ว่าการไม่เปลี่ยนยางในแต่ละเดือนจะเกิดผลเสียกับฟันมากกว่า เราต้องอย่าลืมว่าเราใส่ยางจัดฟันกันแบบ 24 ชั่วโมง ดังนั้นยางจัดฟันก็จะต้องมีเสื่อมสภาพกันบ้าง ตัวยางจะมีอาการล้าจากแรงดึงฟัน สูญเสียการยืดหยุ่น นั่นยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการดึงฟันเพื่อเคลื่อนย้ายตำแหน่งเสียไป หรือตัวยางอาจจะมีการเปลี่ยนสีไป นำไปสู่การสะสมและก่อเชื้อโรคภายในช่องปากไปจนถึงระดับที่รุนแรงได้

ไม่เปลี่ยนยางจัดฟันได้ไหม

ไม่เปลี่ยนยางจัดฟันได้ค่ะ แต่แน่นอนว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามมา เพราะอย่าลืมว่ายางจัดฟันมีอายุการใช้งาน เมื่อใช้ไปนาน ๆ ย่อมมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของฟัน อีกทั้งยังอาจจะทให้เกิดโรคภายในช่องปากอย่างโรคปริทันต์ นำไปสู่เหงือกอักเสบและสูญเสียฟันได้อีกด้วย

เห็นไหมล่ะคะ ว่ายางจัดฟันสำคัญมากสำหรับคนจัดฟันอย่างไรบ้าง ส่วนเราควรจะใช้ยางแบบไหนนั้น ทางทันตแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม รวมถึงเรื่องการเปลี่ยนยางก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาดอีกด้วย

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#จัดฟัน #ยางจัดฟัน

รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรีเทนเนอร์

รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรีเทนเนอร์ ไขทุกข้อสงสัยของคนจัดฟัน

รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรีเทนเนอร์ ไขทุกข้อสงสัยของคนจัดฟัน

ใครว่าความลำบากของคนจัดฟันจะอยู่แค่ที่ช่วงเวลาของการจัดฟัน ที่ต้องใช้เครื่องมือจัดฟันที่แสนจะทรมานและใช้ชีวิตยากลำบาก เพราะเมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว ความลำบากก็ยังไม่หมด เพราะยังต้องใส่ “รีเทนเนอร์” อุปกรณ์ประจำตัวที่คนจัดฟันเสร็จแล้วทุกคนต้องใส่แบบสม่ำเสมอ ซึ่งหลายคก็อาจจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์ หรือคนที่กำลังจะจัดฟันเสร็จ ต้องเตรียมตัวเลือกรีเทนเนอร์ เรารวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรีเทนเนอร์เอาไว้ที่นี่แล้ว

รีเทนเนอร์มีกี่ประเภท และควรเลือกแบบไหนดี?

สำหรับคนที่กำลังจะจัดฟันเสร็จ ก็คงมีแพลนเตรียมตัวที่จะต้องเลือกรีเทนเนอร์เอาไว้หลังจากนี้ ซึ่งก็ต้องมาเรียนรู้และทำความเข้าใจกันก่อนว่ารีเทนเนอร์ที่ใช้กันโดยทั่วไปแล้วจะมี 4 ประเภท ได้แก่

  1. รีเทนเนอร์แบบลวด

รีเทนเนอร์แบบลวดเป็นรีเทนเนอร์ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กัน มีลักษณะเป็นอะคริลิคพร้อมโครงลวดอาจจะมีสีพื้นหรือลวดลายต่าง ๆ โดยจะมีส่วนที่ใช้ยึดกับฟันที่เป็นเส้นลวด แล้วจึงมีอะคริลิคครอบทับอีกที
ข้อดี : ทำความสะอาดได้ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานประมาณ 2-3 ปี จึงสามารถที่จะคงสภาพฟันและการสบฟันได้เป็นอย่างดี หากมีปัญหา สามารถปรับแต่งได้ง่ายอีกด้วย อีกทั้งสีสันสวยงาม เลือกได้ตามใจชอบ
ข้อเสีย : สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เลยไม่สวยงามเท่าที่ควร มีขนาดใหญ่ ดูเทอะทะ ซึ่งหากใครที่ใส่รีเทนเนอร์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการออกเสียง พูดไม่ชัดบ้าง

  • รีเทนเนอร์แบบใส

รีเทนเนอร์แบบใส ก็เป็นรีเทนเนอร์อีกประเภทที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน จะมีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกใส ที่จะล้อมฟันของเราเอาไว้ทั้งหมด ทั้งด้านนอกและด้านใน แต่จะไม่ครอบไปทั้งเพดานเหมือนแบบแรก มีความหนาไม่มาก จึงสามารถใส่ได้แบบสบาย ๆ
ข้อดี : ให้ความสวยงาม ความมั่นใจ ยิ้มแล้วไม่เห็นลวดเหมือนแบบแรก หมดปัญหาการออกเสียงไม่ชัด
ข้อเสีย : ทำความสะอาดได้ยาก อายุการใช้งานสั้นกว่าแบบลวดอยู่ที่ประมาณ ครึ่งปี – 1.5 ปี แตกหักหรือ
สึกหรอได้ง่ายในผู้ที่มีการนอนกัดฟัน และไม่สามารถคงสภาพฟันได้ดีเมื่อตัวรีเทนเนอร์เกิดการสึกหรอ

  • รีเทนเนอร์แบบติดแน่น

รีเทนเนอร์ประเภทนี้พบได้น้อยแต่ก็ยังมีบางคนใช้บ้าง จะเป็นรีเทนเนอร์ที่มีลักษณะลวดเส้นเดียวยึดติดกับด้านในของฟัน มักใช้ในกรณีที่ฟันมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่กลับมาได้ง่าย หรือใช้ยึดฟันสำหรับใส่ฟันปลอมในอนาคต
ข้อดี : สะดวกสบาย ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก ป้องกันฟันล้มได้ดีมาก
ข้อเสีย : ทำความสะอาดได้ยากเพราะอยู่ด้านใน มีโอกาสหลุดได้ง่าย และต้องหมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อเช็คสภาพทุก 6 เดือน

  • รีเทนเนอร์แบบเหล็ก (ใส่กินข้าวได้)

ประเภทสุดท้ายเป็นรีเทนเนอร์แบบเหล็ก ที่จะช่วยให้จบปัญหารีเทนเนอร์หายได้อย่างดีเยี่ยม เพราะไม่ต้องถอดลืมหาย เหมาะมากสำหรับใครที่ขี้ลืม
ข้อดี : ใส่กินอาหารได้เลย ไม่ต้องคอยถอดเก็บ
ข้อเสีย : มีเวลาตอนกัดฟัน เมื่อฟันบนกับฟันล่างมาประกบกันสุดแล้ว อาจจะชนลวด ส่งผลกระทบกับตัวฟัน มีเจ็บฟันแน่นอน

เราควรเลือกรีเทนเนอร์แบบไหนดี?

คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่ากโอเคกับการใช้ชีวิตแบบไหน เช่น เลือกแบบลวด หากโอเคที่ยิ้มแล้วจะเห็นลวด เลือกแบบใส ใส่แล้วยิ้มสวย ไม่เห็นลวด แต่ต้องไปพบทันตแพทย์บ่อย ๆ

ทำไมจัดฟันเสร็จแล้วต้องใส่รีเทนเนอร์ จำเป็นขนาดไหน?

บางคนเข้าจ่าพอจัดฟันเสร็จแล้วก็จะสบาย นั่นเป็นความคิดที่ผิดค่ะ เพราะเมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว คุณก็ยังต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อช่วยคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อน หากไม่ใส่รีเทนเนอร์หลังจัดฟัน ก็อาจทำให้ฟันล้ม แนวฟันบิดเบี้ยว หรือกลับกลายเป็นสภาพช่วงก่อนจัด

เราควรใส่รีเทนเนอร์นานแค่ไหน?

สำหรับระยะเวลาที่ควรใส่รีเทนเนอร์นั้นจะมากหรือน้อย ไม่สามารถระบุหรือฟันธงลงไปได้เลย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะเน้นช่วงแรก ๆ หลังจัดฟันเสร็จว่าควรใส่รีเทนเนอร์ทุกวัน เพราะสภาพกระดูกและเหงือกหุ้มฟันต้องใช้เวลาในการปรับสภาพให้เข้ากับตำแหน่งใหม่ หลังจากนั้นทันตแพทย์จะแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล

เมื่อไหร่ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่?

โดยมากแล้วคนที่จะเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่คือจะพบปัญหาต่าง ๆ เช่น รีเทนเนอร์หาย ถอดและลืม, รีเทนเนอร์แตกหัก, ฟันเคลื่อนจนใส่ไม่พอดีจากการใส่รีเทนเนอร์ไม่สม่ำเสมอ

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องน่ารู้ที่คนจัดฟันสงสัยกันมาก เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมที่จะเลือกรีเทนเนอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานและใส่รีเทนเนอร์กันเป็นประจำด้วยนะคะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำรีเทนเนอร์ #จัดฟัน

จัดฟัน invisalign คืออะไร

จัดฟัน invisalign คืออะไร

จัดฟัน invisalign คืออะไร

เดี๋ยวนี้ฟันไม่สวยก็ไม่น่ากังวลเพราะเราสามารถจัดฟันได้ แต่หลายครั้งการจัดฟันแบบโลหะที่ต้องติดเครื่องมือไว้กับฟัน ก็กลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของใครหลายคน ที่อาจจะต้องใช้หน้าตา หรือกับบางคนที่รู้สึกว่าดูแลยาก ทำความสะอาดแต่ละทีก็แสนจะยากเย็น และหากดูแลไม่ดีพอ ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาอีกด้วย ดังนั้นจึงมีนวัตกรรมที่มาตอบโจทย์ปัญหานี้โดยเฉพาะ ที่เราเรียกว่า “Invisalign” จัดฟันเหมือนไม่ได้จัด จะเป็นอย่างไร ไปทำความรู้จักพร้อมกันค่ะ

จัดฟัน Invisalign คืออะไร

จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดได้ โดยผู้ทำสามารถทราบผลล่วงหน้าด้วยระบบการรักษา 3 มิติ เทคโนโลยี 3-D ที่ส่งข้อมูลฟันคนไข้ไปยังห้องปฏิบัติการที่ประเทศสหรัฐเพื่อทำการผลิตรูปแบบฟันออกมาเป็นแบบรายบุคคลทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพสูง

การจัดฟัน invisalign ดีกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นอย่างไร

  • ด้วยเครื่องมือแบบใส ทำให้ดูสวยงามกว่าการจัดฟันแบบธรรมดา ซึ่งเหมาะมากสำหรับใครที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าไปจัดฟันมา
  • มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวย
  • ลดการเกิดแผลและการระคายเคืองภายในช่องปากจากเครื่องมือที่จะมาเกี่ยว
  • สามารถถอดออกได้ และทำความสะอาดฟันได้สะดวกมากขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาการสบฟันได้หลายประเภท
  • แก้ปัญหาฟันเก ฟันห่าง ตั้งแต่ความผิดปกติน้อย ๆ ไปยังความผิดปกติที่รุนแรง
  • ไม่ต้องเสียเวลาไปพบทันตแพทย์บ่อย ๆ

ประเภทของการจัดฟัน Invisalign

สำหรับการจัดฟัน Invisalign เราสามารถแยกประเภทย่อย ๆ ออกมาได้อีก 3 ประเภท ดังนี้

1. Invisalign Express การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันเพียงเล็กน้อย หรือผู้ที่มีการคืนกลับของฟันภายหลังจากการจัดฟัน เนื่องจากไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์

2. Invisalign Lite การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน เหมาะกับผู้ที่มีฟันห่าง ฟันซ้อนเก ระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น

3. Invisalign Full การจัดฟันแบบใสประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี สำหรับผู้ที่มีฟันซ้อนเก หรือความซับซ้อนค่อนข้างมาก อาจเป็นผู้ที่เคยจัดฟันมาก่อน

อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะที่จะจัดฟัน Invisalign

การจัดฟันแบบใสสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 12-13 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ฟันแท้เริ่มขึ้นจนครับ และขากรรไกรเริ่มมีการเจริญเติบโต ทำให้การขยายหรือลดรูปร่างขากรรไกรเป็นไปได้ง่าย หรือจะรอให้มีการเจริญเติบโตเต็มที่ ช่วงอายุ 18 ปี ก็ได้เช่นกัน

ขั้นตอนในการจัดฟันแบบใส

1. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก พร้อมถ่ายภาพใบหน้า เอกซเรย์ พิมพ์ฟัน และทันตแพทย์จะวางแผนรักษาร่วมกับคนไข้

2. ใช้โปรแกรมสร้างภาพ 3D เพื่อสร้างชุดเครื่องมือจัดฟัน ที่ความใส และบาง พอดีกับฟันแต่ละซี่ ซึ่งเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลังการจัดฟันได้

3. จัดส่งทำเครื่องมือจัดฟันแบบใส พร้อมนัดคนไข้เข้ามาเพื่อเตรียมช่องปากและรับเครื่องมือจัดฟัน

4. คนไข้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบใสตามตารางที่ทันตแพทย์กำหนด

5. เมื่อจัดฟันแบบใสเสร็จแล้ว ควรใส่รีเทรนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันเหมือนการจัดฟันประเภทอื่น ๆ

การจัดฟัน Invisalign ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับใครที่ต้องการความสวยงามและดูแลง่าย รวมถึงมีกำลังมากพอจะจ่าย เพราะปลายทางของการจัดฟันก็ให้ผลที่คล้าย ๆ กัน นั่นคือการมีฟันที่เรียงตัวสวย และลดปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีลงไปได้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญการดูแลฟันให้ดีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าคุณจะจัดฟันแบบไหนมาก็ตาม เพียงแค่แปรงฟันอย่างถูกวิธีก็สามารถช่วยดูแลฟันของเราได้แล้วค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ดัดฟัน #จัดฟัน

จัดฟันราคานักเรียนมีอยู่จริง

สวยได้ไม่ต้องจ่ายแพง จัดฟันราคานักเรียนมีอยู่จริง

สวยได้ไม่ต้องจ่ายแพง จัดฟันราคานักเรียนมีอยู่จริง

อยากสวย อยากหล่อ แต่ไม่อยากจ่ายแพง มันมีอยู่จริงไหม? นี่คงจะเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ โดยเฉพาะน้อง ๆ วัยเรียน นักเรียน นักศึกษา เป็นช่วงวัยที่สนใจเรื่องความสวยความงามมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ แต่ติดปัญหาที่น้อง ๆ ยังไม่มีรายได้ของตัวเอง บวกกับค่าใช่จ่ายในการจัดฟันเดี๋ยวก็สูงเอาเรื่อง 3-4 หมื่น มันจะมีไหมที่ราคาหมื่นต้นๆ หรือจัดฟันราคานักเรียน เรามาดูกันค่ะ

ปัจจัยที่ทำให้ราคาจัดฟันแพง

เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าเพราะอะไรราคาค่าจัดฟันถึงแพง จนหลายคนกลัวที่จะจ่ายเงินหลักหลายหมื่นไปกับการจัดฟัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาแพงมีดังนี้

  1. สถานที่ให้บริการ

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานที่ให้บริการมีผลต่อเรทราคาอย่างแน่นอน กล่าวคือ ในโรงพยาบาลรัฐราคาก็จะถูกกว่า อยู่ในช่วงราคาประมาณ 10,000 – 20,000 บาท แต่ราคาที่ถูกกว่าก็จะแลกมาด้วยระยะเวลาในการรอคอยค่ะ เพราะคิวโรงพยาบาลรัฐยาวและรอนานมาก ซึ่งโรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่มักจะให้นักศึกษาทันตแพทย์เป็นผู้ให้บริการ ส่วนคลินิกเอกชนทั่วไป ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ก็แลกมาด้วยคิวที่ได้เร็ว โดยค่าใช้จ่ายจะเริ่มต้นที่ 40,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุและรูปแบบของการจัดฟัน

  • วัสดุที่ใช้ในการจัดฟัน

อย่างที่เราได้พูดถึงคร่าว ๆ คือ การจัดฟันมีหลายรูปแบบ วัสดุที่แตกต่างกันย่อมส่งผลต่อราคาในการจัดฟันอย่างแน่นอน หากจะเอาเรทที่ถูกสุด ก็จะเป็นการจัดฟันแบบโลหะ หรือที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป ที่จะมีโลหะเครื่องมือติดอยู่กับผิวฟันแบบไม่สามารถถอดออกเองได้

  • ราคาการเคลียร์ช่องปาก

แต่ละคนจะมีเงื่อนไขและข้อจำกัดของสภาพปัญหาช่องปากที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก่อนจะเริ่มจัดฟัน จะต้องมีการเคลียร์ช่องปากเพื่อแก้ปัญหาภายในช่องปาก หากใครพบปัญหาเยอะ ก็จะต้องเสียเงินในส่วนนี้ที่เยอะกว่า หลายคนสงสัยว่าไม่เคลียร์ได้ไหมช่องปาก ต้องบอกเลยว่าไม่ควรค่ะ เพราะเมื่อเราเริ่มจัดฟัน ติดเครื่องมือ การทำความสะอาดฟันจะเป็นไปได้ยากมาก หากใครมีปัญหาช่องปากอยู่แล้ว การไม่เคลียร์จะเท่ากับไปเพิ่มภาระให้กับฟันของเรา และอาจจะทำให้ผลลัพธ์แย่ลง รวมถึงอาการภายในช่องปากเป็นมากขึ้นได้ด้วยค่ะ

  • การจ่ายเงินค่าจัดฟัน

สถานบริการ โรงพยาบาล คลินิก จะมีรูปแบบการจ่ายเงินค่าจัดฟันที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางที่จะมีให้แบ่งจ่าย อาจจะแบ่งจ่ายตั้งแต่ครั้งแรก และผ่อนรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน จนครบยอดชำระ แต่บางที่ก็จะให้มัดจำก่อนครึ่งหนึ่ง บางที่จะให้จ่ายเป็นเงินก้อนเลยทีเดียว แน่นอนว่าหากใครอยากได้ราคานักเรียน แนะนำให้เลือกแบบแบ่งจ่ายดีกว่าค่ะ ซึ่งเรทช่วงราคาในการผ่อนจ่ายจะเริ่มต้นที่เดือนละ 1,000 – 2,000 บาท

  • คุณภาพของวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นั่นแปลว่าต้นทุนของสถานบริการย่อมสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนของเอกชนอย่างคลินิกทันตกรรมต่าง ๆ ที่ทางทันแพทย์จะต้องจ่ายเงินลงทุนซื้อมาเอง ราคาแลกมาด้วยคุณภาพและความปลอดภัย เพราะอย่าลืมว่าวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือนั้นจะต้องนำมาใช้ภายในช่องปาก จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด

ดังนั้นหากน้อง ๆ นักเรียน นักศึกษาที่สนใจอยากจะจัดฟัน แต่ไม่อยากรบกวนผู้ปกครองมากเกินไป แนะนำให้เลือกทำที่โรงพยาบาลรัฐ การจัดฟันแบบโลหะ และแบ่งจ่าย ก็จะช่วยประหยัดเงินได้อีกมากเลยค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพช่องปากของตัวเองให้มาก ๆ เพื่อลดภาระการเคลียร์และดูแลช่องปากในภายหลัง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ดัดฟัน #จัดฟัน #จัดฟันนักเรียน