จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด พร้อมคำแนะนำในการแก้ไข

หากใครที่เคยฟันผุและอุดฟันมาก่อน คงจะรู้ว่าวัสดุในการอุดฟันแต่ละชนิดนั้นมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ไม่สามารถทนต่อแรงขบกัดที่รุนแรงได้ ส่งผลให้วัสดุอุดฟันหลุด ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่บางคนก็มาพร้อมอาการมากมาย โดยหลายคนก็ขยาดที่จะกลับไปหาทันตแพทย์ จนสงสัยว่าถ้าปล่อยให้วัสดุอุดฟันหลุดไปเรื่อย ๆ จะส่งผลอะไรบ้างไหม เรามีคำตอบมาฝาก พร้อมคำแนะนำดี ๆ ค่ะ

ทำความรู้จักวัสดุอุดฟัน

วัสดุอุดฟัน คือวัสดุที่จะมาเติมเต็มเนื้อฟันที่หายไปภาวะฟันผุ เพื่อให้ฟันนั้นคงมีรูปร่างเหมือนเดิม แข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ โดยวัสดุอุดฟันจะใช้ได้แค่เพียงในเคสที่ฟันผุไม่มาก ยังไม่ลุกลามไปจนถึงโพรงประสาทฟัน นั่นหมายความว่าส่วนของเนื้อฟันจะต้องมีพื้นที่หรือมีเนื้อฟันที่มากพอจะยึดกับวัสดุอุดฟันได้

ประเภทของวัสดุอุดฟัน

ปัจจุบันวัสดุอุดฟันมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละประเภทนั้นมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • วัสดุอุดฟันแบบสีโลหะ : เช่น อมัลกัม เหมากับการใช้อุดฟันในส่วนที่ต้องรับแรงขบเคี้ยว เช่น ฟันกราม ข้อดีของวัสดุชนิดนี้ คือมีความแข็งแรงคงทน แต่ดูไม่สวยงาม
  • วัสดุอุดฟันสีเดียวกับฟัน : Composite Resin, Glass ionomer Cement ใช้สำหรับอุดฟันหน้า และได้พัฒนาให้สามารถอุดฟันกรามได้ในบางกรณี

สาเหตุที่ทำให้วัสดุอุดฟันหลุด

  • การเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวจนเกินไป
  • ละเลยการทำความสะอาดช่องปากและฟัน
  • การเสื่อมสภาพของวัสดุอุดฟัน โดยส่วนมากวัสดุอุดฟันจะอยู่ได้นาน 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละคน จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมั่นพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าวัสดุอุดฟันหลุด ปล่อยไว้จะอันตรายไหม?

เราจะต้องแยกออกมาเป็น 2 กรณี คือ มีอาการและไม่มีอาการ ซึ่งแน่นอนว่าหากมีอาการย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเรา

  • มีอาการ : อาการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะปวดฟัน เสียวฟัน ล้วนสามารถเกิดขึ้นได้ หากยังไม่สะดวกสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้น ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ทานพาราเซตามอลเพื่อลดอาการปวด หากเสียวฟัน พยายามลดอาหารที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเสียวฟัน
  • ไม่มีอาการ : แม้ว่าวัสดุอุดฟันหลุด แต่คุณไม่มีอาการ แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นะคะ เพราะเศษอาหารอาจจะเข้าไปอุดในบริเวณที่วัสดุอุดฟันหลุดได้ จนเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ภาวะฟันผุลุกลามมากขึ้น

ดังนั้น เมื่อพบว่าวัสดุอุดฟันหลุด ทางที่ดีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากการแตกของวัสดุอาจลุกลามไปถึงเนื้อฟันส่วนที่ดี อาจทำให้มีอาการปวด เสียวฟัน การบาดเจ็บในช่องปากเพราะส่วนที่คมของวัสดุบาด เคี้ยวอาหารลำบากหรือรู้สึกเจ็บเวลาเคี้ยว อีกทั้งยังทำให้ฟันผุลุกลามจนไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดฟันได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฟัน

วิธีป้องกันวัสดุอุดฟันหลุด

หากใครไม่อยากต้องมาลุ้นว่าจะมีอาการปวดหรือเสียวฟันหลังจากที่วัสดุอุดฟันหลุดหรือแตกไหม ทางที่ดีที่สุด ควรระมัดระวังการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความแข็ง กรอบหรือเหนียวมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีอยู่เสมอ ใช้ไหมขัดฟันไปตามซอกฟันและเหงือก อีกทั้ง ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน ที่ BFC Dental ทุกสาขา เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาช่องปาก

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

สมัยนี้ไม่ว่าจะหันไปมองทางไหนก็เจอแต่คนจัดฟัน ซึ่งก่อนหน้านี้เหล็กดัดฟันกลายเป็นกระแสที่ไม่ว่าใครก็อยากจะมีเหล็กดัดฟัน ราวกับเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเหล็กดัดฟันจัดว่าเป็นไอเท็มหรือเครื่องมือที่สำคัญมาก ๆ สำหรับคนจัดฟัน แต่ใครที่ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน การติดเหล็กดัดฟันอาจจะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ในบทความนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับเหล็กดัดฟันให้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ

เหล็กดัดฟันคืออะไร

ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะ เหล็กดัดฟันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นลวดขนาดเล็กใช้สำหรับปรับการเคลื่อนที่ของฟัน เพื่อแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟัน ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับโครงหน้าให้เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น

เครื่องมือจัดฟันมีกี่แบบ

เครื่องมือจัดฟันหรือเหล็กดัดฟัน โดยทั่วไปจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่

  1. แบบถอดได้

โดยเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้นี้จะมีลักษณะแผ่นพลาสติกเพื่อการจัดฟัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเลี่ยงการสังเกตเห็น ถูกออกแบบโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งมีความแม่นยำสูง ทำให้การเคลื่อนฟันเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทันตแพทย์จะพิจารณาให้จัดได้ในกรณีที่มีปัญหาของฟันไม่มาก คนไข้ที่รับการรักษาด้วยเครื่องมีจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพลาสติกเคลื่อนฟันทุก ๆ 2 อาทิตย์

ข้อดี :

  • สามารถถอดเครื่องมือออกมาทั้งชิ้นเพื่อทำความสะอาด
  • แปรงฟันได้ตามปกติ
  • การดูแลความสะอาด จะทำได้ง่ายกว่าเคื่องมือชนิดติดแน่น

ข้อเสีย :

  • ผู้ที่จัดฟันด้วยเครื่องมือชนิดนี้จะต้องมีวินัยในตัวเองอย่างมาก เพราะการถอดเครื่องมือเข้าออก หรือการไม่ใส่เครื่องมือ จะส่งผลทำให้การจัดฟันไม่ได้ผลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
  • แก้ปัญหาการจัดฟันได้แค่เบื้องต้นและไม่ซับซ้อน
  • การจัดฟันแบบใสจะใช้เวลานานและคนไข้ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยกว่าการจัดฟันติดแน่น เพื่อรับเครื่องมือใหม่

  • แบบติดแน่น

แบบที่สองจะเป็นแบบติดแน่น หรือที่เราเรียกกันว่าเหล็กดัดฟันนั่นเอง จะเป็นเครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น ลักษณะของเครื่องมือจะติดอยู่ที่ผิวฟันอาจเป็นด้านข้างแก้ม (ด้านหน้า) หรือด้านลิ้น วัสดุที่ใช้อาจเป็นโลหะหรือวัสดุสีเหมือนฟันเช่น  เซรามิก หรือพลาสติก โดยหลักการทำงานของเหล็กดัดฟัน คือ ฟันแต่ละซี่ก็เหมือนตู้โบกี้รถไฟ ในช่วงแรก ๆ ที่จัดฟันอาจมีตำแหน่งความสูงต่ำที่ไม่เท่ากัน  เมื่อติดเครื่องมือ (แบร็กเก็ต) ก็จะมีระดับที่ไม่เท่ากัน แล้วทันตแพทย์จะใช้ลวดวางใส่ในร่องของแบร็กเก็ต และมัดไว้ด้วยยางมัดฟัน (o-ring)  ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ลวดก็มีลักษณะสูง  ๆ ต่ำ ๆ ไม่เป็นระดับเดียวกัน ซึ่งชนิดของลวดที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนก็จะแตกต่างกัน ต่อมาเมื่อฟันอยู่ในระดับที่เท่า ๆ กันก็จะดึงฟันไปในทิศทางที่กำหนดโดยใช้ยางดึงฟัน ในขั้นตอนนี้อาจต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ที่ทำในการเกี่ยวหรือคล้องยางด้วย

นอกจากเหล็กดัดฟันที่ติดภายนอกแล้ว ยังมีเหล็กดัดฟันที่ติดภายในเพื่อสร้างความสวยงาม เหมือนไม่ได้ใส่เหล็กดัดนั่นเอง อีกทั้งการจัดฟันแบบนี้จะไม่มีผลต่อผิวฟันด้านหน้าที่จะทำให้เกิดรอยด่าง การเคลื่อนที่ของฟัน ใช้กลไกไม่ต่างกับแบบติดเครื่องมือทั่วไปที่จะใช้ลวดในการจัดให้ฟันเรียงตัว แต่เครื่องมือที่ใช้ค่อนข้างละเอียดกว่า ต้องออกแบบมาให้เข้ากับผิวฟันด้านหลัง ซึ่งมีความหยาบและช่วงโค้งงอไม่เหมือนฟันด้านหน้า การติดเครื่องมือต้องใช้เทคนิคพิเศษทั้งการออกแบบและแผนการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อน จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะ จึงพบเห็นไม่แพร่หลายนัก

เหล็กดัดฟันยังคงเป็นไอเท็มที่จำเป็นสำหรับคนจัดฟัน ซึ่งผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทันตแพทย์เพียงฝ่าย หากแต่ขึ้นอยู่กับผู้ที่ทำด้วยว่าจะมีวินัยในการดูแลสุขภาพช่องปากมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเมื่อมีเหล็กดัดฟันติดอยู่ การทำความสะอาดฟันก็จะเป็นได้ยากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแลให้มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน ติดเหล็กดัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #จัดฟัน #เหล็กดัดฟัน

แนะวิธีสังเกต เหงือกบวมแบบไหนต้องไปพบทันตแพทย์

แนะวิธีสังเกต เหงือกบวมแบบไหนต้องไปพบทันตแพทย์

แนะวิธีสังเกต เหงือกบวมแบบไหนต้องไปพบทันตแพทย์

หนึ่งในปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้บ่อย นอกเหนือจากฟันผุแล้ว ต้องยกให้ “เหงือกบวม” เลยค่ะ หากวันไหนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเหงือกของเรามีอาการปูดโปนยื่นออกมา แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า เหงือกบวมแบบไหนถึงต้องไปพบทันตะแพทย์ เชื่อแน่ว่านี่เป็นคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคน บทความนี้จะช่วยคุณแนะวิธีสังเกตอาการเหงือกบวมกันค่ะ

เหงือกบวมเป็นอย่างไร

ภาวะเหงือกบวม คืออาการที่เหงือกเกิดการอักเสบเรื้อรัง จนมีลักษณะบวมโตเป็นสีแดงเข้มกว่าเนื้อเหงือกปกติ อาจพบมีเหงือกอักเสบเป็นหนอง, พบรูเปิดของตุ่มหนอง หรือมีของเหลวลักษณะขุ่นข้น ไหลออกมาจากบริเวณขอบเหงือก และเมื่อเหงือกบวมขึ้นก็จะมีอาการปวดฟัน ระคายเคือง เสียวฟัน ไปจนถึงมีอาการเลือดออกขณะแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน ในบางกรณีที่มีเหงือกบวมมาก ๆ เหงือกอาจบวมจนปกคลุมฟันในบริเวณนั้นได้เลยล่ะค่ะ

เหงือกบวมมีแบบไหนบ้าง

  1. เหงือกบวมจากกระดูกงอก

สีเหงือกจะเป็นสีชมพูปกติ อาจจะมีสีขาวซีด ถ้าตุ่มกระดูกนี้ก้อนใหญ่ดันเหงือกออกมามาก ซึ่งอาการบวมนี้เกิดจากกลไกที่ร่างกายสร้างกระดูกให้หนาขึ้น เพื่อรับแรงบดเคี้ยวที่หนักหน่วงไม่เท่ากัน ในแต่ละคน มักจะพบก้อนขนาดใหญ่ในผู้ที่มีฟันสึกกร่อนมาก ๆ

  • เหงือกบวมจากผลข้างเคียงของยา

เหงือกจะบวมหนาขึ้นมากแต่เนื้อแน่น มีสีชมพูปกติ อาการบวมจะมากขึ้น หากสุขภาพช่องปากไม่ดี ทั้งนี้ใครที่เป็นสามารถที่จะหายเป็นปกติเมื่อหยุดการใช้ยาและขูดหินปูน แต่ถ้าไม่หาย ทันตแพทย์จะแนะนำให้ศัลยกรรมตกแต่งเหงือก

  • เหงือกบวมจากภาวะระคายเคืองเป็นเวลานาน

เหงือกบวมแบบนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง แต่ยังเป็นสีชมพูปกติ สามารถรักษาได้ด้วยการตัดก้อนที่บวมออก ร่วมกับกำจัดสิ่งที่ทำให้เหงือกเกิดความระคายเคือง

  • เหงือกบวมจากโรคปริทันต์

เหงือกบวมในลักษณะนี้มักจะพบในผู้ที่มีสุขภาพช่องปากไม่ดี ซึ่งจะมีระดับความรุนแรงที่ต่างกัน โดย

แยกออกมาเป็น 2 โรค ได้แก่

  • โรคเหงือกอักเสบ เกิดจากการมีหินปูนมาสะสมจำนวนมากเป็นระยะเวลานาน จนทำให้เหงือกเกิดการอักเสบรอบ ๆ ฟัน ซึ่งอาจจะพบมีอาการเลือดออกขณะแปรงฟันและมีกลิ่นปากร่วมด้วยได้
  • โรคปริทันต์ เกิดจากการสะสมของหินปูนจำนวนมาก แต่ผู้ที่เป็นอาจจะมีภูมิต้านทานเชื้อโรคได้น้อย ทำให้เชื้อเกิดการลุกลามและไปทำลายกระดูกที่รองรับฟัน ซึ่งทำให้มีอาการอย่างฟันโยกเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งฟันอาจจะขยับบานออกหรือยื่นยาวผิดปกติ รวมไปถึงอาการมีหนองไหลจากบริเวณที่เหงือกบวม สำหรับการรักษานั้น ทันตแพทย์จะขูดหินปูน เกลารากฟัน เพื่อกำจัดหินปูนที่ระคายเคืองออก แต่ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นจะต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาดด้วยค่ะ
  • เนื้องอกในหญิงมีครรภ์

สำหรับเหงือกบวมลักษณะนี้จะพบได้ในหญิงมีครรภ์ที่มีสุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี เนื่องมาจากร่างกายจะตอบสนองต่อการระคายเคืองจากหินปูนได้ไวกว่าปกติ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการตัดออกและขูดหินปูน

  • เหงือกบวมเป็นตุ่มเล็ก ๆ และมีหนองไหล

มักพบอยู่บริเวณในจุดที่ใกล้ฟันผุเป็นหลุมกว้าง หรือเคยมีอาการปวดมาก่อน อันมีสาเหตุมาจากฟันผุที่เกิดการลุกลามถึงชั้นโพรงประสาทฟัน เกิดการติดเชื้อจนฟันตายและมีหนองสะสมในตัวฟันมากจนแตกออกมาในช่องปาก ซึ่งทันตแพทย์มักจะแนะนำให้รักษาคลองรากฟัน

  • ก้อนมะเร็ง

เหงือกบวมที่เกิดจากก้อนมะเร็ง ลักษณะก้อนจะฟูคล้ายดอกกะหล่ำ มีอาการบวมและการทำลายอย่างรวดเร็วรุนแรง ในบางรายอาจจะพบอาการชาร่วมด้วย จึงควรรีบไปพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด

จะเห็นได้ว่าเหงือกบวมมีมาจากหลายสาเหตุมากเลยนะคะ แต่สิ่งสำคัญที่คล้าย ๆ กัน คือเรื่องของการดูแลรักษาช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ ก็จะลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และเกิดการอักเสบได้นั่นเอง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

ฝันว่าฟันหลุด ทำนายเลข อยากรวยต้องดู!!

ฝันว่าฟันหลุด ทำนายเลข อยากรวยต้องดู!!

ฝันว่าฟันหลุด ทำนายเลข อยากรวยต้องดู!!

คงจะเคยได้ยินคนโบราณพูดกันใช่ไหมคะ ทุกครั้งที่ฟันหักหรือฟันหลุด ว่าจะต้องมีใครสักคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องเสียชีวิต ซึ่งเพื่อน ๆ รู้ไหมคะ ว่าการฝันว่าฟันหักยังสามารถนำมาตีเป็นตัวเลขเด็ด ๆ ให้ได้ลุ้นกันอีกด้วย เรียกว่าในโชคร้ายก็ยังมีโชคดีแฝงอยู่ ใครเคยฝันว่าฟันหักและอยากจะมีโชคลาภกับเขาบ้าง เกะติดบทความนี้ให้ดี ๆ เลย

ฝันว่าฟันหลุด

การฝันว่าฟันหลุด ความหมายจะแตกต่างกันไปในแต่ละตำแหน่งของฟันที่หลุด แต่ความหมายรวม ๆ คือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ครอบครัว หรือญาติผู้ใหญ่เจ็บป่วย สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการหมั่นทำบุญเพื่อเสริมดวงชะตาให้ชีวิตดีขึ้น จากหนักจะได้กลายเป็นเบา ซึ่งฟันแต่ละตำแหน่งที่ว่านั้นได้แก่

  • ฝันว่าฟันบนหลุด ทำนายว่า ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายบิดาอาจจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพ  เจ็บป่วย หรือเกิด

ไม่คาดฝันถึงชีวิต โดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อ และมีเกณฑ์จะได้รับลาภลอย หรือมีโชคทางการค้า

  • ฝันว่าฟันล่างหลุด ทำนายว่า ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายมารดาอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพ เจ็บป่วย หรือเกิด

ไม่คาดฝันถึงชีวิต โดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ ถือเป็นฝันที่ไม่ค่อยดี แต่จะมีเกณฑ์ได้รับโชคทางการค้า หน้าที่การงานดีขึ้น

  • ฝันว่าฟันหน้าหลุด ทำนายว่า ช่วงนี้อย่าทุ่มเทอะไรเกินตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เพื่อน หรือความรัก

และให้ระวังเรื่องของสุขภาพ อาจมีอาการปวดข้อ ปวดกระดูก หรือมีอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ตามมา 

ฟันหลุดกับเลขเด็ด

  • เลขเด็ดเลขเดี่ยว : 5,6
  • เลขเด็ด 2 ตัว : 11, 25, 41, 73, 26
  • เลขเด็ด 3 ตัว : 727
  • เลขนำโชค : 03, 05, 99, 066,068, 446

ฝันว่าฟันร่วงหมดปาก

ฝันว่าฟันร่วงหมดปาก ทำนายว่า คุณอาจมีเกณฑ์ได้เดินทางไกล หรือไปต่างประเทศ ระวังเรื่องของอารมณ์ให้ดี เพราะอาจมีเรื่องทะเลาะกับคนรอบข้าง และคุณมีเกณฑ์ได้เปลี่ยนงานใหม่ หรือมีเรื่องที่ต้องให้เปลี่ยนงาน ระวังโดนแทงข้างหลัง หรือมีคนนำเรื่องเดือดร้อนมาให้

ฟันร่วงหมดปากพร้อมเลขเด็ด

  • เลขเด็ด 2 ตัว : 05, 23, 85
  • เลขเด็ด 3 ตัว : 235, 082, 492

ฝันว่าฟันแตก

ฝันว่าฟันแตก ทำนายว่า คุณจะมีเรื่องให้เสียเงินทอง ทรัพย์สิน และของอันเป็นที่รักของคุณ และเอาใจใส่ผู้ใหญ่ในบ้านมากขึ้น

ฝันว่าฟันโยก

ฝันว่าฟันโยก ทำนายว่า อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับเพื่อนหรือคนสนิท เกิดอุบัติเหตุทำให้เจ็บตัว หรืออาจเจ็บป่วยได้

นอกจากนี้ หากใครฝันว่าไปถอนฟันหรือไปพบทันตแพทย์ ก็สามารถตีเลขได้เช่นกัน ได้แก่

ฝันว่าถอนฟัน

ทำนายว่า ให้ระวังญาติผู้ใหญ่เจ็บป่วยอย่างกะทันหันให้ใส่ใจดูแลหน่อยจะได้ รักษาได้ถูกต้องทันเวลา หรือหากใครที่ยังเป็นโสด จะมีเสน่ห์เหลือล้น มีคนตามรุมจีบอยู่มาก การงานช่วงนี้มีเกณฑ์ว่าจะไม่คล่องตัวนักมีการทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกันกับ หุ้นส่วนคู่สัญญาได้

ฝันว่าถอนฟันมาพร้อมเลขเด็ด

  • เลขมงคล : 47, 63, 87, 428, 775, 367

ฝันว่าไปพบทันตแพทย์

ทำนายว่า ช่วงนี้ให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝันโดยเฉพาะกับญาติผู้ใหญ่จะมีโอกาสเจ็บป่วยไม่สบาย
เป็น ๆ หาย ๆ กิจการการค้าการดำเนินธุรกิจไม่ราบรื่น การลุงทุนต่าง ๆ จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ควรหาเวลาไหว้พระสวดมนต์ หรือ ไปใส่บาตร ระวังมือที่สามจะหาโอกาสเข้ามาทำให้เกิดปัญหาครอบครัวทำให้เกิดการระหองระแหงกัน

ฝันว่าไปพบทันตแพทย์มาพร้อมเลขเด็ด

  • เลขมงคล : 13, 30, 15, 145, 137, 123

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันที่เกี่ยวข้องกับสารพัดฟัน หากใครอยากมีโชคมีลาภ ก็ลองนำเลขไปสนุกกันได้เลย

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

ฟันตกกระ คืออะไร

ฟันตกกระ คืออะไร รักษาได้ไหม

ฟันตกกระ คืออะไร รักษาได้ไหม

ใคร ๆ ก็อยากจะมีฟันที่มีสีขาวและสวยงามด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็จะมีฟันที่แข็งแรงและสีที่แตกต่างกันออกไปตามเหตุปัจจัยที่ต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว สีของฟันจะไม่ได้ขาวมาก แต่จะเป็นสีขาวออกเหลืองไปจนถึงเหลืองอ่อน ในบางคนอาจจะพบว่าฟันมีลักษณะผิวไม่เรียบ มีรูพรุน หรือมีสีที่คล้ำ โดยไม่เกี่ยวกับการทำความสะอาด ลักษณะดังกล่าวเราเรียกว่า “ฟันตกกระ”

ฟันตกกระคืออะไร

ฟันตกกระ คือฟันที่ได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไป  โดยส่วนใหญ่เป็นการที่ได้รับสะสมตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อฟลูออไรด์เข้าสู่กระแสเลือดจะเข้าไปขัดขวางการสร้างชั้นเคลือบฟัน ซึ่งหากการสร้างเคลือบฟันมีการหยุดไปในระยะเวลานาน จะทำให้ผิวเคลือบฟันมีรูพรุนและมีสีขาวขุ่น สีเหลืองออกน้ำตาล หรือน้ำตาลเข้ม ขึ้นอยู่กับความรุนแรง พูดง่าย ๆ ก็คือฟันตกกระเป็นลักษณะของสีผิวฟันที่เปลี่ยนแปลงไปจากสีฟันธรรมชาตินั่นเอง และเป็นช่วงที่ฟันของเรามีความอ่อนแอมาก ๆ ด้วยค่ะ

รับฟลูออไรด์มากไปส่งผลเสียอย่างไร

เราอาจจะเคยได้ยินมาว่าฟลูออไรด์ทำให้ฟันแข็งแรง แน่นอนว่านั่นคือเรื่องจริง แต่เรื่องจริงอีกอย่างก็คือหากฟันของเราได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป ก็สามารถเกิดผลเสียกับฟันของเราได้เช่นกันค่ะ เพราะผิวฟันจะมีการสะสมของเกลือแร่ผิดปกติ ทำให้ฟันมีรอยด่าง ดังนั้นเราจึงควรใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากโดยมีส่วนผสมของฟลูออไรด์มากจนเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทุกตัวร่วมกัน เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือหมากฝรั่ง ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ฟันตกกระได้อีกด้วย

รู้หรือไม่ว่าฟันตกกระสามารถเกิดจากน้ำประปาได้

มีรายงานพบว่า ในหมู่บ้านบางพื้นที่ของประเทศไทย ที่ชาวบ้านใช้น้ำปะปาที่มีฟลูออไรด์ที่มีความเข้มข้นสูงเกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่กำหนด โทษของฟลูออไรด์ที่มากเกินไป อย่างที่กล่าวไปตอนต้นจะทำให้ฟันสร้างตัวเองไม่สมบูรณ์

นอกจากนี้ เรายังสามารถพบฟลูออไรด์ตามแหล่งธรรมชาติได้อีกด้วย เช่น ดิน หิน น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นภูเขา มีบ่อน้ำพุร้อน พวกน้ำบาดาลจะมีฟลูออไรด์เยอะมาก เยอะกว่าแหล่งน้ำตามธรรมชาติ

วิธีป้องกันฟันตกกระ

หากผิวหน้าของเราสามารถป้องกันฝ้ากระได้ ฟันของเราก็สามารถป้องกันการตกกระได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • รับประทานอาหาร เครื่องดื่มที่มีแคลเซียม เช่น นมหรือปลาเล็กปลาน้อย เนื่องจากแคลเซียมจะเข้าไปปรับสมดุลกับฟลูออไรด์ที่อยู่ในร่างกาย
  • ดื่มน้ำต้มสุกหรือผ่านเครื่องกรองน้ำ เนื่องจากน้ำอาจมีส่วนผสมของฟลูออไรด์มากในระดับหนึ่ง การต้มน้ำหรือกรองน้ำจะช่วยลดปริมาณของฟลูออไรด์ได้
  • ไม่ควรแปรงฟันบ่อยหรือใช้น้ำยาบ้วนปากต่อ 1 วัน บ่อยจนเกินไป เนื่องจากจะทำให้ร่างกายรับปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไป

วิธีการรักษาฟันตกกระ

สำหรับการรักษาฟันตกกระนั้น จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ซึ่งวิธีการรักษาทำได้ดังนี้

  • หากอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงมาก อาจแก้ไขด้วยวิธีตกแต่งผิวฟันใหม่ หรือใช้วิธีการกรอหน้าฟันออก แต่วิธีนี้อาจจะส่งผลกระทบอย่างอาการเสียวฟันตามมาได้ เนื่องจากชั้นเคลือบฟันได้ถูกกรอไปให้บางลง หรืออีกวิธีหนึ่งคือการฟอกสีฟันเพื่อให้ความสวยงามของฟันกลับมาเป็นธรรมชาติ
  • หากอยู่ในระดับที่รุนแรงมาก เนื่องจากสีของผิวฟันได้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนสีไปมากแล้ว หากสุขภาพโดยรวมของฟันยังมีสุขภาพดีอยู่ ทันตแพทย์อาจจะใช้วิธีรักษาด้วยการทำวีเนียร์ หรือวัสดุแปะฟัน

ทีนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าฟันตกกระคืออะไร และฟลูออไรด์ที่มากไปจะส่งผลเสียต่อฟันเราอย่างไร ต่อไปเราก็ควรดูแลรักษาฟันให้สะอาด พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมก็เพียงพอต่อการป้องกันโรคทางช่องปากได้แล้วค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายฟอกสีฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ฟันขาว #ฟอกสีฟัน #เคลือบฟลูออไรด์

ปัญหาเหงือกร่นและวิธีรักษาอย่างถูกวิธี

ข้อควรรู้เกี่ยวกับปัญหาเหงือกร่นและวิธีรักษาอย่างถูกวิธี

ข้อควรรู้เกี่ยวกับปัญหาเหงือกร่นและวิธีรักษาอย่างถูกวิธี

ปัญหาสุขภาพช่องปากมีมากมาย ซึ่งแต่ละอาการล้วนส่งผลกับการดำเนินชีวิตของเราทั้งนั้น โดยเฉพาะหากปัญหาเกิดขึ้นกับเหงือก ที่นอกจากจะอักเสบแล้ว บางคนยังมีภาวะ “เหงือกร่น” อีกด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าเหงือกร่นคืออะไร แล้วมีวิธีป้องกันหรือรักษาได้หรือเปล่า ใครกำลังมีปัญหาสามารถติดตามบทความนี้ได้เลยค่ะ

เหงือกร่นคืออะไร

เหงือกร่น คือการที่เหงือกรอบ ๆ ฟัน ค่อย ๆ เลื่อนตัวจากตำแหน่งปกติ และอาจเผยให้เห็นรากฟันที่อยู่ด้านล่าง หนึ่งในสัญญาณของปัญหาเหงือกร่นคืออาการเสียวฟัน คุณอาจสังเกตเห็นว่าฟันยาวขึ้นกว่าปกติและอาจสังเกตเห็นร่องบริเวณแนวเหงือกที่แนบกับฟัน เนื้อฟันของเรายิ่งมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

สาเหตุของเหงือกร่น

เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหงือกร่นขึ้นมา นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเหงือกของคุณกำลังมีปัญหา อ่อนแอ และมีการอักเสบร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุของเหงือกร่นมีอยู่มากมาย ดังนี้

  • อุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนเหงือกโดยตรง : เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ การออกกำลังกายที่มีการปะทะกันระหว่างอุปกรณ์หรือร่างกาย ได้รับแรงกระแทกที่ปากและเกิดบาดเจ็บ ก็สามารถทำให้เนื้อเยื่อเหงือกเกิดตายและร่นเข้าหารากฟัน
  • การใส่อุปกรณ์จัดฟันประเภทโลหะนานเกินไป : อุปกรณ์จัดฟันมีหน้าที่ทำให้ฟันมีการเคลื่อนที่ หากบางคนปล่อยระยะเวลาไว้นานจนเกินไป ก็จะส่งผลกับเหงือกเช่นกัน ซึ่งจะรวมไปถึงผู้ที่ใส่เครื่องมือจัดฟันแน่นจนเกินไปด้วย เพราะจะทำให้เครื่องมือบีบรัดเหงือกจนเกินไปก็ทำให้เหงือกเกิดการระคายเคืองและทำให้เหงือกอ่อนแอ และร่นเข้าหาเนื้อฟันได้
  • การดูแลสุขภาพช่องปากที่ไม่ดีพอ : การแปรงฟันไม่สะอาด ไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปากทำความสะอาดร่วมด้วย ทำให้เศษอาหารติดตามซอกฟันจนเกิดคราบหินปูน หากไม่ได้ทำการรักษาหินปูนที่เกาะติดอยู่ก็เป็นสาเหตุทำให้เหงือกร่นได้
  • พฤติกรรมไลฟ์สไตล์ : ในผู้ที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่ ทำให้เกิดคราบหินปูนจากสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของเหล้าและบุหรี่ ทำให้เกิดคราบที่ทำให้ยากต่อการทำความสะอาด และคราบหินปูนจะค่อย ๆ ก่อตัวและทำลายเหงือกไปเรื่อย ๆ จนทำให้เหงือกร่น
  • การนอนกัดฟัน : เวลาคนเรานอนกัดฟัน จะเกิดแรงกดแรงเคี้ยวหนัก ก็ส่งผลทำให้เหงือกนั้นร่นไปถึงโคนฟันได้เช่นกัน

อาการของเหงือกร่น

  • ปวดหรือเสียวฟันขณะรับประทานอาหาร
  • ตัวฟันมีลักษณะที่ยาวขึ้น
  • เหงือกอักเสบ มีอาการปวด
  • ฟันเริ่มโยก
  • มีเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟัน

เราสามารถสังเกตอาการเหงือกร่นได้ไม่ยาก เพื่อที่จะได้ไปรักษาได้แต่เนิ่น ๆ เพราะหากยิ่งปล่อยไว้ จะยิ่งส่งผลเสียต่อช่องปากของเรา ซึ่งอาการได้แก่

วิธีรักษาอาการเหงือกร่น

ในการรักษา ทันตแพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้เหงือกร่น รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้
เหงือกร่น หากเหงือกมีความเสียหายมาก ทันตแพทย์จะใช้วิธีการรักษาเพื่อให้เหงือกไม่ร่นมากไปกว่าเดิม เนื่องจากธรรมชาติของเหงือกสามารถฟื้นฟูได้ตามสุขภาพร่างกายและการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเหงือกและฟันของเรา นั่นหมายความว่าการจะรักษาอาการเหงือกร่นได้ดีที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรักษาของทันตแพทย์อย่างเดียว แต่รวมถึงการดูแลรักษาเหงือกของตัวเราเองด้วยค่ะ

วิธีป้องกันอาการเหงือกร่น

  • การลดหรืองดพฤติกรรมที่ส่งผลกับช่องปากโดยตรง เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เหงือกร่น หรือการแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่ขนแปรงแข็งเกินไป และแปรงฟันแรงเกินไป ก็ควรลดน้ำหนักมือให้เบาลง เลือกแปรงสีฟันให้ขนนุ่มขึ้น เพื่อลดความเสียหายของเหงือก
  • ไปพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก เหงือกและฟันว่าแข็งแรงและรับทราบถึงปัญหาเหงือกและฟันอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย

ดังนั้นแล้ว หากใครที่พบว่าตัวเองมีอาการเหงือกร่น หรือมีอาการผิดปกติภายในช่องปาก ทางที่ดีที่สุด ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ วินิจฉัย และการรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามไปมากขึ้น

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

จัดฟันครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

จัดฟันครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

จัดฟันครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พร้อมแนะวิธีเตรียมตัว

ใครฟันไม่สวย ฟันเหยิน ฟันเก ฟันซ้อน เดี๋ยวไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้วว่ายิ้มแล้วจะไม่สวย เพราะการจัดฟันช่วยคุณได้ แต่ในความอยากสวย อยากหล่อ ก็มาพร้อมความกังวลใจ เพราะการจัดฟันมีค่าใช้จ่ายนั่นเอง ทำให้หลายคนถึงกับต้องอดทนเอาไว้ก่อน กลัวว่าจะแพงหรือเปล่า หรือกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่าย เราจะมาดูกันค่ะ ว่าจัดฟันครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ พร้อมคำแนะนำการเตรียมตัวเพื่อจัดฟัน

การจัดฟันมีกี่แบบ

ใครอยากจัดฟันและกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่าย แนะนำว่าคุณจะต้องรู้รูปแบบของการจัดฟันด้วยค่ะ เนื่องจากการจัดฟันมีหลายรูปแบบจึงทำให้ราคาแตกต่างกันออกไป ซึ่งการจัดฟันแบ่งออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  • การจัดฟันแบบโลหะ : แบบที่เราเห็นโดยทั่วไป ที่มีเครื่องเป็นโลหะติดอยู่กับผิวฟัน ซึ่งช่วงราคาเริ่มต้น สามารถ Add Line @BPDC เพื่อสอบถามราคาอัพเดทล่าสุด 2022
  • การจัดฟันแบบดามอน : เป็นการจัดฟันแบบเร่งด่วน ใช้เวลาน้อย การจัดฟันวิธีนี้ทำให้ฟันเข้ารูปและเสร็จเร็ว และยังช่วยลดความเจ็บปวดให้น้อยลงด้วยเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ ซึ่งช่วงราคาเริ่มต้น สามารถ Add Line @BPDC เพื่อสอบถามราคาอัพเดทล่าสุด 2022
  • การจัดฟันแบบใส Invisalign : เป็นการจัดฟันแบบใส ที่สามารถถอดได้ และถูกออกแบบมาเฉพาะบุคคลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วงราคาเริ่มต้น สามารถ Add Line @BPDC เพื่อสอบถามราคาอัพเดทล่าสุด 2022
  • จัดฟันครั้งแรกต้องจ่ายเท่าไหร่?

เรื่องค่าใช้จ่ายมักเป็นสิ่งที่หลายคนกังลในการจ่ายฟัน ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยค่ะ เนื่องจากแต่ละคนก็มีปัญหาภายในช่องปากที่แตกต่างกันไป สำหรับการจัดฟันครั้งแรก แนะนำให้เตรียมเงินประมาณ 1,200 บาท สำหรับราคาเริ่มต้นในการติดเครื่องมือ ซึ่งอันนี้จะไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างการเคลียร์ช่องปากนะคะ เพราะแต่ละคนจะมีปัญหาช่องปากที่มากน้อยแตกต่างกันออกไปนั่นเอง

การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันครั้งแรก

ขึ้นชื่อว่าครั้งแรก ใคร ๆ ก็กลัวและกังวลกันทั้งนั้น แต่การเตรียมตัวเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้เรามีความพร้อมทั้งทางกายและใจที่จะรับการจัดฟัน ส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งเราสามารถเตรียมตัวได้ดังนี้

  1. พบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรึกษาและตรวจสุขภาพในช่องปาก เพื่อหาความผิดปกติภายในช่องปากและเคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น อุดฟันผุ ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด ถอนฟันบางซี่
  2. วางแผนการจัดฟัน แน่นอนว่าคุณจะต้องคิดมาก่อนว่าจะจัดแบบไหน รวมถึงปรึกษาทันตแพทย์ว่าฟันและปัจจัยภายในช่องปากของคุณสามารถจัดฟันแบบไหนได้บ้าง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และใช้ระยะเวลาในการจัดฟันนานแค่ไหน
  3. หากมีข้อสงสัยอะไร แนะนำว่าไม่ควรเก็บไว้ค่ะ ให้ถามคุณหมอไปเลยเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง เพราะอย่าลืมว่าหากเริ่มจัดแล้ว คุณจะต้องคงเครื่องมือจัดฟันไปอย่างน้อย ๆ 2 ปี
  4. เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี หลายคนกลัวมากกับการไปหาหมอฟัน พอยิ่งต้องมาจัดฟันก็จะมีความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกลัวกังวลสารพัด ดังนั้นแนะนำว่าควรทำใจให้สบาย ๆ อย่าไปเครียด เพราะเมื่อเราเครียดมาก ๆ กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ก็จะตึง ทำให้การดำเนินการจะเป็นไปได้ลำบาง ซึ่งบางคนก็สงสัยว่า การจัดฟันครั้งแรก มันเจ็บอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า ต้องบอกอย่างนี้ค่ะ ว่าอาการเก็บจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล สาเหตุมาจากการติดหรือปรับเครื่องมือใหม่ ทำให้หลอดเลือดถูกกดจากแรงดัดฟัน จึงทำให้รู้สึกเจ็บ อาการเหล่านี้จะหายภายใน 3-5 วัน

การจัดฟันครั้งแรกมีค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน ส่วนมากจะเป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยอย่างการเคลียร์ช่องปาก รวมถึงเงินมัดจำบางส่วน ซึ่งการจัดฟันมีหลายแบบ เราสามารถเลือกที่กำลังเงินในกระเป๋าเราจะมีได้เช่นกัน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#จัดฟัน #จัดฟันแบบโลหะ #จัดฟันแบบใส

7 ข้อควรรู้ อันตรายจากการผ่าฟันคุด

7 ข้อควรรู้ อันตรายจากการผ่าฟันคุด

7 ข้อควรรู้ อันตรายจากการผ่าฟันคุด

เราคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ฟันคุดเก็บเอาไว้ไม่ดี เพราะอย่างไรก็ต้องผ่าออกอยู่ดี แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะกล้าผ่า บางคนไม่ได้กลัวเจ็บอย่างแต่กลัวว่าผ่าไปแล้วจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีหรือเปล่า ก็พาลให้ไม่ยอมผ่าไปอีก ซึ่งอันที่จริงแล้วหากลองพิจารณาจะพบว่าการผ่าฟันคุดมีข้อดีกว่าการไม่ผ่าด้วยค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผ่าฟันคุดไปแล้วจะไม่มีอาการผิดปกติอะไร เราจะพาไปดูข้อควรรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการผ่าฟันคุด

ฟันคุด ไม่ผ่าได้ไหม

ก่อนที่เราจะไปถึงเรื่องอันตรายจากการผ่าฟันคุด เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า จริง ๆ แล้วนั้น ถ้ามีฟันคุด ไม่ผ่าได้ไหม? ต้องบอกเลยว่า ใม่ผ่าได้คะ ถ้าคุณสามารถทนปวดได้ และสามารถทนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ได้

ถ้าไม่ผ่าฟันคุด

  • เหงือกบริเวณที่คลุมฟันจะเกิดอาการอักเสบ เพราะอาจมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือก ทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ จนเกิดเหงือกอักเสบ ปวด บวมและเป็นหนอง หากทิ้งไว้เชื้อจะกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ฟันข้างเคียงผุ เพราะซอกฟันระหว่างฟันคุดกับฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่
  • กระดูกละลายตัว เพราะแรงดันจากฟันคุดที่พยายามดันขึ้นมา อาจทำให้กระดูกรอบรากฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไปได้
  • เกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก เพราะฟันคุดที่ทิ้งไว้นาน อาจเกิดเนื้อเยื่อหุ้มรอบฟันคุด อาจทำให้เนื้อเยื่อขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำ
  • กระดูกขากรรไกรหัก เนื่องจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่ จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นบางกว่าตำแหน่งอื่น เกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย

อันตรายจากการผ่าฟันคุด

หากเลือกผ่าฟันคุด ก็สามารถพบอันตรายจากอาการข้างเคียง รวมถึงโรคแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นภายหลังจากที่ผ่าฟันคุดไปแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าอาการดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งข้อควรรู้เกี่ยวกับอาการนั้นมีดังนี้

  1. เป็นไข้หรือมีการติดเชื้อหลังการผ่าฟันคุด
  2. ขากรรไกรแข็งหรือมีอาการอ้าปากได้ลำบาก
  3. กระดูกเบ้าฟันอักเสบ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้บ่อยที่สุดหลังจากการผ่าฟันคุด เกิดจากการที่ลิ่มเลือดไม่แข็งตัวภายในกระดูกเบ้าฟัน หรือลิ่มเลือดภายในกระดูกเบ้าฟันหลุดไป จนทำให้กระดูกเบ้าฟันว่างและแห้ง และเกิดอาการปวด นอกจากนี้ อาจมีกลิ่นและรสไม่พึงประสงค์ออกมาจากบริเวณกระดูกเบ้าฟัน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นจากการดูแลได้ไม่ดีหลังการผ่าฟันคุด
  4. อาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทใบหน้า จะมีอาการเจ็บแปลบและชาบริเวณลิ้น ริมฝีปากล่าง คาง ฟัน และเหงือกได้ อาการบาดเจ็บดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเพียงไม่กี่สัปดาห์ หรือไม่กี่เดือน ซึ่งอาการดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ เช่น ทานอาหารและน้ำได้ลำบาก
  5. ขากรรไกรหักเนื่องจากฟันคุดติดแน่นกับบริเวณกรามมากเกินไป แต่พบได้น้อย
  6. โพรงไซนัสถูกเปิดออกเนื่องจากฟันคุดซี่ด้านบนถูกถอนออกและทะลุถึงโพรงไซนัส แต่พบได้น้อย
  7. เกิดเลือดออกในปริมาณมาก และหากเลือดไม่หยุดไหลภายใน 24 ชั่วโมง ควรไปพบแพทย์เพราะอาจเป็นอันตรายได้

เราก็ได้รู้เกี่ยวกับอันตรายจากการผ่าฟันคุดไปแล้ว แต่ไม่อยากให้ใครที่กำลังปวดฟันคุดต้องกลัวไปก่อนนะคะ เพราะอย่างไรเสีย การผ่าฟันคุดก็ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและรักษาความสะอาดของช่องปากภายหลังจากการผ่าฟันคุดด้วยค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายผ่าฟันคุด
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ผ่าฟันคุด #ฟันคุด

ปวดฟันกราม เกิดจากอะไร

ปวดฟันกราม เกิดจากอะไร

ปวดฟันกราม เกิดจากอะไร เรียนรู้สาเหตุและการแก้ปัญหาที่ตรงจุด

คงไม่มีอยากปวดฟันกันใช่ไหมคะ โดยเฉพาะปวดฟันกราม ซึ่งเป็นฟันในตำแหน่งที่ใช้บดเคี้ยวอาหาร เพราะปวดฟันขึ้นมาเมื่อใด ความอร่อยในการกินอาหารก็หยุดอยู่แค่ตรงนั้น แล้วอาการปวดฟันกรามเกิดจากอะไร เราจะมีวิธีแก้ได้อย่างไรบ้าง ปักหมุดบทความนี้รอไว้เลย

ทำความรู้จักฟันกราม

ฟันกรามคือฟันที่ใช้สำหรับบดเคี้ยวซึ่งจะมีทั้งข้างบนและข้างล่าง เป็นฟันแท้ที่เมื่อหักไปแล้วก็จะไม่มีการงอกขึ้นมาใหม่อีก ถือว่าเป็นฟันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการบดเคี้ยวแล้ว ยังจะทำงานร่วมกันกับฟันเขี้ยวในการคุมทิศทางการเคลื่อนไหวของขากรรไกรอีกด้วย

สาเหตุที่ทำให้ปวดฟันกราม

อย่างที่บอกไปว่าฟันกรามเป็นฟันที่มีความสำคัญกับชีวิตของเรามาก เมื่อมีปัญหา หรือมีอาการปวดฟันกรามขึ้นมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเลยค่ะ ซึ่งสาเหตุที่มักจะทำให้ปวดฟันกราม มีดังนี้

  1. ฟันผุ

สาเหตุสุดเบสิกที่พบได้บ่อยที่สุดที่ทำให้ปวดฟันกราม ในระยะแรกของฟันผุนั้น อาจจะไม่มีอาการใด ๆ แต่ถ้าฟันเกิดผุมากขึ้น ก็จะเริ่มมีอาการเสียวฟันเวลาดื่มน้ำร้อน, น้ำเย็น บางครั้งอาจจะรู้สึกปวดฟันขึ้นมาในขณะเคี้ยวอาหาร เนื่องจากมีเศษอาหารไปติดอยู่ในรูที่ผุนั้น การรักษาโดยการอุดฟันจะช่วยลดอาการปวดลงได้

  • 2.     การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน

ถัดมาเป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน ส่วนใหญ่มักจะเป็นผลจากฟันที่ผุลึกมาก จนกระทั่งทะลุโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะอยู่ในส่วนของรากฟันและอาจพบได้ในฟันสึก, ฟันร้าวหรือแตกลึกถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อของเนื้อเยื่อในโรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดฟันกรามขึ้นมาได้

  • ปลายรากฟันอักเสบเป็นหนอง

ขยับความรุนแรงขึ้นไปอีกระดับ ถ้าการอักเสบของเนื้อเยื้อในโพรงประสาทฟันฟันเป็นอยู่นาน โรคอาจจะลุกลามไปที่ปลายรากฟัน ทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นหนองบริเวณปลายรากฟัน ก็จะมีอาการปวดฟันกรามได้เช่นกัน ร่วมกับการบวมของเหงือกบริเวณฟันที่ติดเชื้อและเป็นโรคได้ ถ้าเชื้อลุกลามออกนอกปลายรากไปที่ใต้คางหรือแก้ม จะสังเกตได้ว่าหน้าจะบวมได้ การรักษาจะเหมือนกับกรณีที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน

  • ฟันคุด

ข้อบ่งชี้อาการปวดฟันกรามโดยเฉพาะก็ต้องยกให้ฟันคุดนี่ล่ะค่ะ โดยฟันคุดเกิดจากฟันที่จะขึ้นในช่วงวัยรุ่นตอนปลายเป็นต้น โดยขึ้นมาได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรมีเนื้อที่ไม่เพียงพอหรือมีฟันซี่ข้างเคียงขวางไว้ มักเป็นที่ฟันกรามซี่ในสุด ทั้งข้างบนและข้างล่างจะทำให้รู้สึกปวดฟันเวลาที่ฟันกำลังจะขึ้นได้ ถ้าพบว่ามีเหงือกบวมรอบ ๆ เป็นหนองฟันคุย ฟันคุดควรได้รับการผ่าตัดฟันคุยจะทำให้อาการปวดฟันกรามก็จะลดลง

  • โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ

และสาเหตุอย่างสุดท้ายที่จะส่งผลให้ปวดฟันกราม คือ โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ มักมีสาเหตุมาจากคราบหินน้ำลายหรือหินปูน จะทำให้หงือกอักเสบ บวดมและปวดฟันได้ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหนึบ ๆ หรือปวดรำคาญ ร่วมกับแปรงฟันมีเลือดออก ถ้าเป็นมาก ๆ ฟันจะโยก

จะเห็นได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ปวดฟันกรามมีมากมาย ซึ่งยังมีอีกหลาย ๆ โรคที่ทำให้ปวดได้ แต่ที่ยกตัวอย่างไปนั้นเป็นโรคที่พบได้บ่อยที่ทำให้เกิดอาการปวดฟัน ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีอาการปวดฟัน ควรไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อค้นหาสาเหตุและได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป การปล่อยทิ้งไว้จะให้ยิ่งเกิดอาการติดเชื้อ ลุกลาม จนแก้ไขได้ยาก

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ถอนฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#อุดฟัน #ปวดฟัน #ถอนฟัน

หินปูนในช่องปาก ภัยเงียบทำลายฟัน

หินปูนในช่องปาก ภัยเงียบทำลายฟัน

หินปูนในช่องปาก ภัยเงียบทำลายฟัน

เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมเราถึงต้องขูดหินปูน แล้วหินปูนที่ว่านี้มันทำลายฟันเราอย่างไร ใครอยากมีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง บทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับหินปูนในช่องปาก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภัยเงียบที่ทำลายฟันของเรา พร้อมแนะวิธีดูแลช่องปากให้ห่างไกลจากหินปูน

หินปูน คืออะไร

หินปูนเป็นคราบจุลินทรีย์หรือเศษอาหารที่สะสมและจับตัวกับเชื้อโรคจนตกตะกอนกลายเป็นของแข็งซึ่งเกาะอยู่ตามผิวฟัน  ซอกเหงือก ซอกฟัน และขอบฟัน โดยปกติคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนผิวฟันจะมีลักษณะนิ่มและสามารถแปรงออกได้ แต่เมื่อใดที่มีแร่ธาตุจากน้ำลายมาผสมด้วยจะกลายเป็นคราบหินปูนที่มีลักษณะเป็นของแข็งไม่สามารถแปรงได้เอง จึงทำให้เราต้องคอยไปขูดหินปูนนั่นเอง

หินปูน เกิดจากอะไร

สาเหตุหลักของการเกิดหินปูนคือการดูแลสุขอนามัยของช่องปากที่ไม่ดีพอนั่นเองนอกจากนี้ยังพบว่าลักษณะทางพันธุกรรมการดื่มชากาแฟหรือสูบบุหรี่เป็นประจำก็สามารถทำให้คราบหินปูนได้อีกด้วยเช่นกัน

หินปูนก่อให้เกิดอันตรายได้ไหม

เมื่อจุลินทรีย์ปล่อยสารที่เป็นกรดออกมาทำให้เกิดเหงือกอักเสบ และเมื่อปล่อยออกมานาน ๆ กระดูกที่รองรับรากฟันจะค่อย ๆ ละลาย ทำให้ฟันโยกไม่แข็งแรง โดยปัญหาที่เกิดจากหินปูน ได้แก่ เลือดออกขณะแปรงฟัน ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น โรคปริทันต์  ฟันผุ ฟันโยกฟันห่าง และฟันผุ ดังนั้นหากรู้ตัวว่ามีหินปูน ควรรีบไปพบทันตแพทย์ใกล้บ้าน ซึ่งความถี่ในการขูดหินปูนจะอยู่ที่ 6 เดือน สำหรับคนที่มีอาการเหงือกอักเสบเพียงเล็กน้อย และ 3-4 เดือน หากมีอาการของร่องลึกปริทันต์ ซึ่งในเคสที่เลวร้ายที่สุดคือการสูญเสียฟัน

วิธีรักษาหินปูนในช่องปาก

คำแนะนำสำหรับการรักษาหินปูนในช่องปาก การขูดหินปูน อย่างที่เคยได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น เพราะต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ขูดหินปูนด้วยคลื่นความถี่สูง เพื่อทำการกำจัดคราบหินปูนที่สะสมฝังลึกอยู่ตามซอกฟันหลุดออก โดยในขณะที่ทำอาจจะมีอาการเสียวฟันบ้าง หรือมีเลือดออกบ้าง ในกรณีที่มีหินปูนจำนวนมาก ส่งผลให้ฟันโยกหรือเหงือกอักเสบ ซึ่งจะหายไปเองใน 2-3 วัน

ทำไมหลังจากขูดหินปูนจึงรู้สึกว่าฟันห่าง

สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจผิด คิดว่าการขูดหินปูนทำให้ฟันห่าง แต่จริง ๆ แล้ว ตัวกลางที่ทำให้ฟันห่าง คือ หินปูนที่เกิดการสะสมอยู่ตามซอกเหงือก ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและเกิดการร่นของเหงือกตามมา เมื่อขูดหินปูนออกมาจึงเห็นว่าฟันแต่ละซี่ได้ห่างออกจากกันซึ่งเป็นผลจากคราบหินปูนเอง จึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดหินปูนในช่องปาก

เราก็ได้รู้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดหินปูนคืออะไร และอันตรายที่มาพร้อมหินปูน แต่รู้หรือไม่คะ ว่าหินปูนพวกนี้สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังนี้

  1. ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คช่องปากและขูดหินปูนทุก ๆ 6 เดือน
  2. ทุกครั้งที่แปรงฟัน ควรใช้ไหมขัดฟัน ขัดตามซอกฟันที่แปรงสีฟันอาจจะไปซอกซอนได้ไม่ทั่วถึง เพื่อ

ป้องกันเศษอาหารตกค้างจนเกิดเป็นคราบหินปูน

  • แปรงฟันแห้งด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ อย่างต่ำ 2 นาที เพื่อ

ป้องกันฟันผุและลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก

  • ลดการกินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เพราะอาหารทั้งสองอย่างนี้ตัวการที่ทำให้เกิดการสะสมของ

ชั้นแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของหินปูน

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากสารที่อยู่บุหรี่มีคุณสมบัติช่วยทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

ในช่องปาก

เมื่อรู้แล้วว่าหินปูนเป็นอันตรายต่อช่องปากของเราอย่างไร ก็อย่าลืมที่จะหมั่นทำความสะอาดฟันและช่องปากให้ดี พร้อมไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายขูดหินปูน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ขูดหินปูน #หินปูนในช่องปาก #ฟันขาว #ฟอกสีฟัน