จัดฟันแบบ-Invisalign-หรือจัดฟันใส-เป็นยังไง

จัดฟันแบบ Invisalign หรือจัดฟันใส เป็นยังไง? ที่นี่มีคำตอบ!

เชื่อว่าใครหลายคนอาจเคยได้ยิน ได้รู้จักกับการจัดฟันแบบใส หรือแบบ invisalign กันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่รู้ถึงกระบวนการทำงานของมันว่าจะสามารถจัดเรียงฟันของเราให้สวยปิ๊งได้ยังไง เพื่อให้คุณทำความรู้จักและเข้าใจการจัดฟันแบบ invisalign กันมากขึ้น บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกและหาคำตอบกันค่ะ

  • การจัดฟันแบบ invisalign หรือการจัดฟันแบบใส คืออะไร?

การจัดฟัน invisalign เป็นรูปแบบหนึ่งของนวัตกรรมการจัดฟันที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นที่ครอบพลาสติกใส สามารถถอดเข้าออกได้ง่าย ไร้เหล็กดัด และออกแบบมาอย่างเฉพาะเพื่อใช้สำหรับแต่ละบุคคล ส่วนในเรื่องของกระบวนการรักษานั้นก็ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนใดๆเลย ขั้นตอนแรก แพทย์จะทำการให้คำปรึกษาและวางแผนแนวทางการรักษาโดยออกแบบผ่าน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า Clincheck ออกมาในรูปแบบของวิดีโอ 3D เพื่อให้เราเข้าใจและรับรู้ทุกกระบวนการรักษาอย่างถูกต้องและครบถ้วน หลังจากนั้นก็จะจัดทำเครื่องมืออุปกรณ์จัดฟันแบบใสขึ้นมาเป็นชุด ตามลำดับและขนาดที่แพทย์ได้กำหนดเอาไว้ ขั้นตอนต่อมาคือคุณต้องใส่ที่ครอบพลาสติกใสหรือเครื่องมือจัดฟันที่แพทย์จัดมาให้ทุกวัน โดยสามารถถอดออกได้เฉพาะ ช่วงรับประทานอาหารและช่วงทำความสะอาดฟันเท่านั้น และมีข้อปฏิบัติคือ คุณต้องมาเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันเป็นชุดใหม่ ทุกๆ 2 สัปดาห์ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะครบระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพียงแค่นี้กระบวนการจัดฟันแบบใสก็เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ

  • การจัดฟัน invisalign แตกต่างและดีกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นอย่างไร?

การจัดฟัน invisalign นั้นถือเป็นนวัตกรรมทางด้านทันตกรรมที่ได้รับการศึกษาวิจัยและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง เพราะสะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว ชัดเจนและเสริมบุคลิกภาพของผู้ทำ แตกต่างจากการจัดฟันในรูปแบบอื่นๆที่ ใช้เวลานาน มีความยุ่งยากในเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ มีความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับสุขภาพปากและไม่ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ทำ ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดฟันแบบ invisalign ก็ต้องการวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟันมากๆ และเหมาะสมกับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพฟันที่ซับซ้อนมากนัก ร่วมถึงมีราคาที่ค่อนข้างสูงต่อครั้งเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบเหล็กดัด แต่ราคาที่ค่อนข้างสูงต่อครั้งก็มาพร้อมกับระยะเวลาที่สั้นกว่าการจัดฟันแบบปกติมาก เมื่อเทียบดีๆแล้วในระยะยาว การจัดฟันแบบใสอาจไม่ได้มีราคาที่สูงกว่าหรือในบางเคสอาจถูกและคุ้มค่ากว่าการจัดฟันแบบปกติอีกด้วย

ผู้เขียนหวังว่าในบทความนี้หลายท่านคงจะได้ทำความรู้จักกับการจัดฟันแบบ invisalign กันมากขึ้น และอย่างไรก็ดีรูปแบบการเลือกวิธีการจัดฟันนั้นก็อาจแตกต่างกันไปตามงบประมาณและปัญหาสุขภาพฟันส่วนบุคคล ซึ่งหากท่านใดสนใจการจัดฟันแบบ invisalign ผู้เขียนแนะนำว่าควรปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ แล้วไว้พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ สำหรับบทความนี้สวัสดีค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

เลือกให้เหมาะ-ฟันปลอม-กับ-รากฟันเทียม-ต่างกันอย่างไร

เลือกให้เหมาะ ฟันปลอม กับ รากฟันเทียม ต่างกันอย่างไร

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “รอยยิ้ม” เป็นสิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แต่หากรอยยิ้มนั้นไม่สมบูรณ์หรือขาดหายไป เชื่อแน่ว่าย่อมสร้างความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือทำให้บุคลิกภาพเสียไป ดังนั้นการสูญเสียฟันก่อให้เกิดผลเสียไม่น้อยไม่เพียงแต่ในเรื่องของความสวยงาม แต่ยังรวมไปถึงปัญหาต่อระบบบดเคี้ยว ทำให้การเคี้ยวไม่มีประสิทธิภาพ ทานได้น้อยลง นอกจากนี้ การสูญเสียฟันซี่ใดซี่หนึ่งไปนาน ๆ จะมีช่องว่าง ทำให้เกิดการเคลื่อนตัว ฟันเกิดการล้มเอียง ซ้อนเกหือยื่นยาว นั่นยิ่งจะสร้างปัญหาให้เศษอาหารเข้าไปติดตามซอกที่ห่างได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดยาก ก็จะเกิดการสะสมของเชื้อโรค ล้วนเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการละลายของกระดูกรองรับรากฟัน และจะเกิดอาการฟันโยกและสูญเสียฟันในที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีทางเลือกให้ผู้ที่สูญเสียฟันได้มีโอกาสที่กลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามเหมือนเดิม อย่างฟันปลอมและรากฟันเทียม แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกใช้แบบไหนจึงจะเหมาะ เราจะไปทำความเข้าใจกันค่ะ ฟันปลอม กับ รากฟันเทียม ต่างกันอย่างไร

ฟันปลอมคืออะไร?


ฟันปลอมคือฟันเทียมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว รวมถึงเพื่อเติมเต็มและป้องกันการล้มหรือเอียงของฟันซี่อื่น ๆ โดยเราสามารถแบ่งชนิดของฟันปลอมได้เป็น  2  ชนิด ดังนี้

1. ฟันปลอมชนิดถอดได้ เป็นฟันที่มาทดแทนฟันหนึ่งซี่หรือมากกว่า ซึ่งจะมีทั้งฐานที่เป็นพลาสติกและโลหะ ผู้ใช้สามารถใส่หรือถอดฟันปลอมชนิดได้ด้วยตัวเอง ฟันปลอมชนิดนี้จะอาศัยตะขอในการยึดกับตัวฟัน หรือความแนบสนิทของฐานฟันปลอมกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งมีข้อดีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการทำความสะอาด ความประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะฟันปลอมชนิดนี้จะมีราคาที่ถูกกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น ส่วนข้อเสียนั้น คือ ไม่สวยงาม ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวต่ำกว่าฟันปลอมชนิดอื่น อีกทั้งอาจจะก่อให้เกิดความรำคาญกับผู้ใช้เองเนื่องจากจำเป็นต้องถอดทำความสะอาดทุกครั้งหลังทานอาหาร ก่อนนอน เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อในช่องปากอักเสบและป้องกันการหลุดเข้าคอขณะนอนหลับ

2. ฟันปลอมชนิดติดแน่น เป็นฟันปลอมที่ยึดแน่นทั้งปาก โดยจะมี 2 แบบ คือ

2.1 สะพานฟัน ใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียเนื้อฟันบางส่วนเนื่องจากฟันผุหรือฟันแตกที่เรียกว่า การครอบฟัน หรือกรณีที่ใช้ทดแทนฟันที่หายไป ซึ่งต้องกรอฟันด้านข้างให้เป็นซี่เล็ก ๆ และใส่เข้าไปเชื่อมกันเป็นลักษณะสะพาน เรียกว่า สะพานฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ฟันหายไปไม่กี่ซี่ และมีข้อจำกัดในการผ่าตัดหรือมีเวลาจำกัด แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ช่องว่างไม่มีฟันข้างเคียงเป็นหลักยึดด้านใดด้านหนึ่ง รวมถึงผู้ที่มีภาวะปริทันต์ไม่แข็งแรง เนื่องจากการใส่สะพานฟัน ทำให้การทำความสะอาดฟันยากขึ้น จะยิ่งเป็นการเร่งโรคปริทันต์ให้รุนแรงขึ้น ซึ่งข้อดีคือมีขนาดเหมือนฟันธรรมชาติ ใส่สบายกว่า ข้อเสีย คือ เมื่อต้องมีการกรอฟันด้านข้างให้เล็ก พอใช้งานไปเรื่อย ๆ อาจจะเกิดฟันผุใต้ฟันซี่ที่ถูกกรอได้ โดยปกติสะพานฟันจะมีการใช้งานประมาณ 5-6 ปี แล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ วัสดุจะทำมาจากโลหะหรือโลหะเคลือบกระเบื้องให้ใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติ

         2.2 รากฟันเทียม จะเป็นวัสดุโลหะที่มีรูปร่างคล้ายรากฟัน โดยจะนำเข้าไปฝังไว้ในกระดูกขากรรไกร ทดแทนรากฟันที่หายไปจากการที่ฟันถูกถอนออกไป ฟันปลอมชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟันที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด สามารถบดเคี้ยวได้ดี รวมถึงไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง ทำความสะอาดได้ดี และยังมีความคงทนมากที่สุดในบรรดาฟันปลอมทั้งหมด ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับกรณีฟันหลุดหายไป 1-2 ซี่ แต่ข้อเสียคือ มีราคาที่สูง

กล่าวโดยสรุปแล้ว ความแตกต่างระหว่างฟันปลอมและรากฟันเทียม คือ รากฟันเทียมเป็นส่วนหนึ่งของฟันปลอมในชนิดติดแน่น หรือเราอาจจะเรียกได้ว่า เป็นฟันปลอมยุคใหม่ก็คงไม่ผิดนัก ซึ่งสามารถให้ร่วมกันกับฟันปลอมชนิดอื่น ๆ ได้นั่นเองค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

สำหรับใครที่ยังไม่เคยถอนฟันนั้น คำถามที่พบบ่อยที่สุดก็คือ ถอนฟันกี่วันแผลหาย ซึ่งเป็นคำถามยอดฮิตที่เราต้องหาคำตอบหรือถามเพื่อนถามคนรู้จักกันตลอด ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงผลของการถอนฟันว่ากี่วันแผลจะหายดีกันครับ

การถอนฟัน

สามารถทำการถอนได้หลายสาเหตุ เช่น
– ถอนฟันเพื่อจัดระเบียบฟันให้ดี ยกตัวอย่างคนที่ต้องจัดฟัน จะต้องมีการถอนฟันที่เกิน หรือว่าฟันที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้หน้าเรียวมากยิ่งขึ้น
– ฟันผุ เมื่อฟันผุเราก็จะต้องทำการถอนฟัน เพื่อป้องกันอันตราย ฟันเสีย เพื่อรวมไปถึงอันตรายที่จะลามไปถึงเหงือกและรากฟันได้
– ฟันคุด เป็นฟันที่ต้องทำการผ่าตัดหรือถอนออกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟันคุด และปัญหาของฟันคุดตามมาที่หลัง
– ฟันมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ต้องทำการถอน เพื่อความปลอดภัย หรือปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการถอนฟัน

ถอนฟันแผลจะหายในกี่วัน

แผลในการถอนฟัน มีได้หลายสาเหตุ จากหลากหลายอาการของการถอนฟัน
– ถอนฟันน้ำนมที่โยก ฟันชนิดนี้จะถอนง่ายเพราะเป็นฟันน้ำนม ที่จะมีฟันแท้ขึ้นมาในภายหลัง แผลจะหายภายใน 1 วัน
– ถอนฟันคุด ถอนฟันคุด อาจเป็นไปได้หลายเคส ทั้งแบบถอน หรือผ่าตัดจะอาจมีการเย็บเหงือกเพื่อช่วยให้เลือกหยุดไหลได้ดีขึ้น อยู่ที่ลักษณะของฟันของแต่ละท่านว่าอยู่ในระดับใด แต่โดยทั่วไป แผลจะหายในเวลา 1-2 วัน

วิธีที่ทำให้แผลหายจากหารถอนฟันหายเร็ว

– ทานยาแก้ปวด ปกติทันตแพทย์จะจ่ายยาให้อยู่แล้ว
– อย่าบ้วนปาก เพราะจะทำปากแผลเปิด
– ห้ามดูดเลือด
– งดการแปรงฟัน
– ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง
– ไม่เคี้ยวอาหารด้านที่ถอนฟัน
– ทานอาหารที่ไม่ต้องเคี้ยวมากเช่น โจ๊ก
– ไม่สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

*หากท่านใดมีโรคประจำตัว หรือมีเคสการถอนฟันหรือผ่าตัดถอนฟัน ที่ไม่ปกติ ควรทำการปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะบางอาการอาจจะต้องดูแลและรักษาอาการหลังถอนฟัน เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

มาทำความเข้าใจ การเอกซเรย์และประเภทของการเอกซเรย์ฟัน

มาทำความเข้าใจ การเอกซเรย์และประเภทของการเอกซเรย์ฟัน

ในการวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้นกับฟันนั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่จะทำให้ทันตแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้นในจุดที่ไม่สามารถมองได้เห็นแค่เพียงอ้าปากดู นั่นคือ การเอกซเรย์ ซึ่งการเอกซเรย์ก็มีมากมายหลายแบบขึ้นอยู่กับกรณีในการรักษาด้วยค่ะ ดังนั้น เราจะไปทำความเข้าใจการเอกซเรย์ฟัน รวมถึงประเภทของการเอกซเรย์ฟัน ตามไปดูกันค่ะ

เอกซเรย์ฟัน คืออะไร?


เอกซเรย์หรือการถ่ายภาพรังสี เป็นขั้นตอนในการวางแผนรักษาฟัน  โดยรังสีเอกซ์เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถไหลผ่านเนื้อเยื่ออ่อนและดูดซึมโดยเนื้อเยื่อชนิดแน่นทึบ ฟันและกระดูกเป็นเนื้อเยื่อที่มีความแน่นทึบสูง จึงดูดซึมรังสีเอกซ์ได้ยาก ส่วนเหงือกและแก้มเป็นเนื้อเยื่ออ่อน รังสีเอกซ์จะเดินทางผ่านได้ง่ายกว่า

ทำไมต้องเอกซเรย์ฟัน


จุดประสงค์หลักของการเอกซเรย์ฟัน คือ เพื่อใช้ในการวางแผนรักษาฟัน ถึงแม้จะเน้นการวินิจฉัยเป็นหลัก แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้ในการป้องกันโรคได้เช่นกัน เนื่องจากช่วยให้ทันตแพทย์สามารถวินิจฉัยปัญหาสุขภาพช่องปากได้ทันท่วงที ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต อีกทั้งยังช่วยให้มองเห็นในจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ประเภทของการเอกซเรย์ฟัน


ในการวินิจฉัยโรคแต่ละโรคนั้น การเอกซเรย์ในงานทันตกรรมมีมากมายหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับกรณีการรักษาประเภทต่าง ๆ โดยประเภทของการเอกซเรย์ที่พบได้บ่อยในคลินิกทันตกรรม แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้

1. การเอกซเรย์นอกช่องปาก (Extra Oral radiography and Tomography)


1.1. Panoramic (ภาพรังสีปริทัศน์)


เป็นเอกซเรย์แบบต่อเนื่องจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูลโดยทั่วไปพัฒนาการของฟัน รวมถึงวิเคราะห์ลักษณะความปกติหรือผิดปกติ การมีอยู่และสภาพบริเวณฟัน รากฟัน กระดูกขากรรไกร รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเอียงตัวของตัวฟันและรากฟัน ข้อดีคือสามารถแสดงภาพส่วนต่าง ๆ ในขากรรไกรบนและล่างในฟิล์มแผ่นเดียว ใช้ถ่ายแทนการเอกซเรย์ในช่องปากกรณีที่ไม่สามารถวางฟิล์มในช่องปากได้ เช่น ผู้ป่วยอาจจะอาเจียนง่าย สำรวจสภาพขากรรไกรคร่าว ๆ เช่น ฟันเกิน ซึ่งผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บ สะดวกและรวดเร็ว การเอกซเรย์ชนิดนี้พบได้บ่อยในทันตกรรมด้านการจัดฟัน

 1.2 Lateral Cephalometric


เป็นอีกหนึ่งชนิดที่ใช้กันมากในการจัดฟัน ใช้เพื่อดูพัฒนาการของฟันและกะโหลกศีรษะ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเนื้อเยื่ออ่อนและกะโหลกศีรษะ รวมถึงดูความเปลี่ยนแปลงของฟันและกะโหลกศีรษะเนื่องมาจากการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน อีกทั้งยังเพื่อวิเคราะห์ตำแหน่ง ลักษณะการเอียงตัวของกระดูกขากรรไกร ฟัน เนื้อเยื่ออ่อนใบหน้าและความสัมพันธ์ของโครงสร้างดังกล่าว

2. การเอกซเรย์ในช่องปาก (Intra Oral radiography)


 เป็นการตรวจหาการติดเชื้อหรือการอักเสบรอบ ๆ ปลายรากฟันเพื่อประเมินสภาพของเนื้อเยื่อปริทันต์ เมื่อฟันและกระดูกที่ล้อมรอบรากฟันได้รับความกระทบกระเทือน, เพื่อตรวจหาฟันคุด, ฟันเกินและหาตำแหน่งที่แน่นอนของฟันดังกล่าว

2.1 Bitewing (ภาพรังสีด้านประชิด)

เป็นการตรวจหารอยผุแรกเริ่มทางด้านประชิดของฟัน รวมทั้งรอยผุที่เพิ่งลุกลามเข้าสู่เนื้อฟันด้านบดเคี้ยวที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมถึงเพื่อประเมินขนาดของรอยผุเดิมว่าใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง นอกจากนี้การเอกซเรย์ชนิดนี้ยังช่วยหารอยรั่วของวัสดุอุดฟันหรือครอบฟันได้ด้วย

2.2 Periapical (ภาพรังสีรอบปลายราก)


เป็นการแสดงภาพฟันทั้งซี่ตั้งแต่ตัวฟันจนถึงกระดูกที่พยุงฟัน เพื่อประเมินการสร้างรากฟันว่าสมบูรณ์หรือไม่, ประเมินรอยแตกในตัวฟัน รากฟัน ในคนที่เกิดการบาดเจ็บที่ฟัน และติดตามผลระยะยาวของฟันที่ได้รับบาดเจ็บว่ามีความผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ยังช่วยประเมินรอยฟันผุลุกลามได้อีกด้วยค่ะ

2.3 Occlusal (ภาพรังสีสบกัด)


            เป็นการแสดงภาพช่องปากอย่างชัดเจนเพื่อดูการสบกันของขากรรไกรบนและขากรรไกรล่าง การเอกซเรย์แบบนี้จะใช้ตรวจพัฒนาการฟันของเด็ก เพื่อดูฟันน้ำนมและฟันแท้
จากข้างต้นเราก็ทราบกันแล้วถึงการเอกซเรย์ฟันประเภทต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการวินิจฉัยสุขภาพช่องปากซึ่งพบได้บ่อยในคลินิกทันตกรรมทั่วไป และจะดำเนินการโดยทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ครั้งต่อไป หากคุณต้องได้รับการวินิจฉัยด้วยการเอกซเรย์ฟัน จะได้ช่วยให้เข้าใจคุณสมบัติต่าง ๆ ได้ดีขึ้นนะคะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน X-Ray ฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

ขั้นตอนการจัดฟัน

ขั้นตอนการจัดฟัน

ฟันของแต่ละคนมีการเรียงตัวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างฟัน ขนาดฟัน ฟันเขี้ยว ฟันเก ฟันเหยิน ฟันซ้อน ฟันห่าง สบฟันไม่ดี รวมถึงความสัมพันธ์ของขากรรไกรฟัน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ขาดความมั่นใจ รวมถึงบุคลิกภาพไม่ดี  การจัดฟันจึงเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาของฟันเรียงตัวไม่เหมาะสม เพื่อให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้การจัดฟันยังช่วยลดปัญหาการเคี้ยวอาหาร ช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับผู้จัดฟันเนื่องจากฟันมีการเรียงตัวเป็นระเบียบ สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยให้โครงสร้างฟันมีการเรียงตัวเป็นระเบียบช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย และป้องกันการเกิดฟันผุและโรคเหงือกด้วย

ขั้นตอนการจัดฟัน

  1. ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อวางแผนการรักษา ฟังคำแนะนำ แนวทางการรักษา รวมถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการรักษา
  2. หากต้องการจัดฟัน ทางทันตแพยทย์จะส่งตัวไป X Ray ฟันเพื่อจัดฟัน หลังจากนั้นจึงพิมพ์ปากแบบจำลองฟันเรา เพื่อดูสบฟัน แล้วนำมาวางแผนการรักษา
  3. ก่อนจัดฟัน จะมีการเคลียร์ช่องปากก่อน เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของผู้จัดฟัน
  4. หลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดหมายเพื่อทำการติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน โดยทางทันตแพทย์อาจเลือกติดตั้งเครื่องมือบน หรือล่างก่อน เพื่อดูการเคลื่อนที่ของฟัน เพื่อประกอบการวางแผนรักษา
  5. หลังจากนั้น ทางทันตแพทย์จัดฟันจะนัดทุกๆ 1 เดือนเพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน โดยใช้เวลาการรักษา 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟันและปัญหาของผู้จัดฟัน

ข้อแนะนำ ควรหมั่นแปรงฟันให้สะอาด หรือขูดหินปูนทุก 6 เดือน เพราะการใส่เหล็กจัดฟันอาจทำให้ทำความสะอาดฟันไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดปัญหาเหงือกบวม หรืออักเสบ รวมถึงฟันผุได้

  1. เมื่อทำการรักษาเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน และทำรีเทนเนอร์ให้ใส่เพื่อคงสภาพฟันไว้  ระยะเวลาการใส่รีเทนเนอร์ขึ้นอยู่กับผู้รับบริการแต่ละราย  และควรกลับมารับการตรวจเช็คประจำทุกปี หลังจัดฟันแล้วเสร็จ พร้อมนำรีเทนเนอร์ มาตรวจความสมบูรณ์ด้วย

 

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

5-ข้อดีของการขูดหินปูน

5 ข้อดีของการขูดหินปูน

คราบหินปูน  คือคราบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกับโปรตีนหรือเศษอาหารกลายเป็นแผ่นจุลินทรีย์เกาะตามขอบฟันที่ติดกับเหงือก เมื่อทับถมกันมากเข้าก็จะมีลักษณะเป็นคราบหินปูน และเกาะแน่นที่ฟันจนอาจทำให้เกิดโรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกได้   ดังนั้นเราต้องทำการขูดหินปูน  แต่รู้ไหมว่าข้อดีของการขูดหินปูน มีอะไรบ้าง

5 ข้อดีของการขูดหินปูน

  1. สุขภาพช่องปากแข็งแรง

อย่างที่ทราบกันดีว่าคราบหินปูนเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ โรคเหงือก อาจเกิดเลือดไหลขณะแปรงฟัน เหงือกร่น หรือเหงือกบวม  การขูดหินปูนช่วยทำให้สุขภาพในช่องปากของเราแข็งแรงขึ้น

  1. เสริมสร้างความมั่นใจ

คราบหินปูนที่ก่อตัวขึ้นที่ฟันเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันเหลือง การยิ้มแล้วฟันเหลืองทำให้เสียความมั่นใจ ดังนั้นถ้าเราขูดหินปูนช่วยให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจ

  1. ฟันแข็งแรงกินอะไรก็อร่อย

การมีคราบหินปูนหรือคราบพลัคสะสมอยู่ที่ฟันเป็นจำนวนมาก เวลารับประทานอาหารทำให้การรับรู้รสชาติของอาหารที่อาจลดน้อยลง นอกจากนี้แล้วการมีคราบหินปูนยังทำให้เหงือกบวมและฟันสึกกร่อนได้  การขูดหินปูนทำให้เราสามารถรับรู้รสชาติอาหารที่กินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ช่วยให้ฟันมีอายุการใช้งานได้ยาวขึ้น

การดูแลรักษาฟัน ไม่ให้มีคราบหินปูนมาเกาะ ช่วยให้รากฟันและเหงือกแข็งแรง ทำให้ฟันไม่สึกกร่อน และฟันผุ   เราจึงมีฟันที่อยู่กับเราไปได้จนแก่

  1. ส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดี

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนที่ยิ้มฟันขาวสะอาดจะมีความมั่นใจกว่าคนที่ยิ้มแล้วมีคราบหินปูนเกาะตามฟัน และส่งเสริมให้มีความมั่นใจในการพบปะผู้คนอีกด้วย นอกจานี้ มีการสำรวจพบว่าผู้ที่มีหินปูนเกาะติดฟันเป็นจำนวนมากมักมีกลิ่นปาก หากอ้าปากพูดอาจทำให้เสียบุคลิกภาพได้

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมมีกี่แบบ

ฟันปลอมสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ ฟันปลอมชนิดถอดได้ และชนิดติดแน่น

  1. ฟันปลอมชนิดถอดได้

    ฟันปลอมชนิดถอดได้เป็นฟันปลอมที่ต้องอาศัยการใช้ตะขอเพื่อช่วยยึดเกาะฟันปลอมกับฐานฟันปลอม ฟันปลอมชนิดนี้จะมีราคาถูกกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น เนื่องจากสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย  ในช่วงเริ่มแรกของการใส่ต้องปรับตัวให้เคยชินกับการใส่   ข้อแนะนำสำหรับฟันปลอมชนิดนี้ คือ ห้ามใส่นอน (ไม่ว่าจะนอนกลางวันหรือนอนกลางคืน)  โดยก่อนนอนให้ถอดล้างทำความสะอาด และแช่ในภาชนะที่มีน้ำทุกครั้ง
ฟันปลอมชนิดนี้ สามารถแบ่งได้ตามวัสดุที่ใช้ทำฐานฟันปลอม โดยแยกย่อยได้อีก 2 ชนิดคือ

1.1 ฟันปลอมถอดได้ฐานโลหะ

ฟันปลอมแบบนี้มีตัวฐานเป็นโลหะ   และมีฟันเป็นพลาสติกพิเศษที่มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับฟันข้างเคียง

ข้อดี  มีความทนทานกว่าแบบฐานพลาสติก  ใส่สบายกว่าเนื่องจากบางและเล็ก

ข้อเสีย  ราคาสูงกว่าแบบฐานพลาสติก  ถ้ามีการชำรุดแตกหัก จะซ่อมแซมได้ยากกว่า

1.2 ฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

ฟันปลอมแบบนี้มีฐานและฟันเป็นพลาสติกพิเศษ ฐานมีสีชมพูคล้ายเหงือก  และตัวฟันก็มีสีและลักษณะใกล้เคียงกับฟันข้างเคียง

ข้อดี ราคาถูก หากต้องการเติมซี่ฟัน สามารถทำได้ง่ายกว่า

ข้อเสีย  ไม่แข็งแรง ทนทาน   ตัวฐานมีขนาดใหญ่และหนากว่าฟันปลอมถอดได้ฐานโลหะ

2.ฟันปลอมชนิดติดแน่น

ฟันปลอมชนิดติดแน่นเป็นฟันปลอมที่อาศัยการยึดฟันธรรมชาติโดยการกรอฟันให้เล็กลง และทำการครอบฟันให้ติดกับตัวฟันปลอม

ฟันปลอมแบบติดแน่นเป็นฟันปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมฟันที่สูญเสียไปไม่มาก หรือเพียงซี่ใดซี่หนึ่ง เรียกว่า การครอบฟัน ซึ่งฟันปลอมแบบนี้ ยังมีด้วยกันอีก  3  แบบ

2.1 ครอบฟัน

ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียส่วนของฟันไปมากๆ ไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดโดยตรงได้ (ฟันปลอมติดแน่นไม่ได้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียจากการถอนฟัน)
         2.2 สะพานฟัน

ใช้เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปไม่กี่ซี่(ช่องว่างขนาดไม่ใหญ่) จะต้องมีการกรอเคลือบฟันและเนื้อฟัน (ที่ยังดีๆอยู่) ของฟันข้างเคียง (ปกติมักเป็นตำแหน่งหัวและท้ายของช่องว่าง) เพื่อใช้เป็นหลักยึดให้กับสะพานฟัน
2.3 รากเทียม

เป็นการเลียนแบบฟันธรรมชาติ ฟันปลอมชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟันปลอมที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ  ใช้เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยการฝังโลหะไทเทเนียมที่มีลักษณะคล้ายรากฟันเข้าไปในกระดูก (เพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติ) จากนั้นจึงบูรณะด้วยการครอบฟันหรือสะพานฟันทับบนรากเทียมนั้นต่อไป

ข้อดี  เสริมสร้างความมั่นใจ สามารถเคี้ยวอาหารได้ดีและมีประสิทธิภาพ  ไม่หลุด

ข้อเสีย วิธีการทำความสะอาดยุ่งยากกว่า  ราคาแพงกว่า

การเลือกลักษณะฟันปลอมที่เหมาะสมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมแบบถอดได้หรือฟันปลอมแบบติดแน่น เราสามารถเลือกตามความเหมาะสมและตามกำลังทรัพย์ของเรา  นอกจากนั้นเราต้องเลือกคลินิกทันตกรรมหรือโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้วยนะคะ

 

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

ข้อดีของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน

การจัดฟัน  เป็นสาขาหนึ่งทางทันตกรรมที่แยกเฉพาะทางเพื่อวินิจฉัย ป้องกันและรักษาความผิดปกติการขึ้นของฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมและมีระบบบดเคี้ยวดีขึ้น  การรักษาส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและสบฟันที่ผิดปกติ  นอกจากนี้ยังช่วยปรับโครงสร้างและรูปร่างใบหน้าให้ดีและสวยงามขึ้น  การจัดฟันสามารถทำได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่   

        ข้อดีของการจัดฟัน

  1. เพื่อความสวยงามและเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี การมีรอยยิ้มที่สวยงามจะทำให้เจ้าของรอยยิ้มมีบุคลิกที่ดี กล้าแสดงออก และมีเสน่ห์ ตอบโจทย์คนยุคปัจจุบันที่มีการใช้รูปร่างหน้าตา บุคลิกในการประกอบอาชีพ  คนที่มีรอยยิ้มและบุคลิกภาพที่ดีมักได้รับโอกาสที่ดีมากกว่า  ดังนั้นการจัดฟันจึงถือเป็นเรื่องที่น่าลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
  2. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับฟัน เมื่อมีสบฟันที่ดีขึ้น จะช่วยเรื่องการเคี้ยวอาหารได้ละเอียดและดีขึ้นกว่าเดิม
  3. เพื่อสุขภาพที่ดีของช่องปากและฟัน ทำให้สามารถทำความสะอาดฟันและช่องปากได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ
  4. ช่วยลดการมีกลิ่นปาก เนื่องจากการแปรงฟันไม่สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ฟันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ การจัดฟันช่วยลดปัญหากลิ่นปาก
  5. ปรับเปลี่ยนนิสัยให้เป็นคนมีระเบียบวินัย
  6. โครงหน้าเข้ารูปและดูดีมากขึ้น หรือหน้าดูเรียวมากขึ้น
  7. การจัดฟันเป็นแฟชั่นที่อินเทรนด์ และช่วยเพิ่มจุดเด่นให้คนอื่นจำเราได้ง่ายขึ้น
  8. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากการจัดฟันทำให้ต้องพิถีพิถันในการเลือกกินอาหาร ทำให้ช่วงเวลาที่จัดฟันอาจมีน้ำหนักลดลง
  9. ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟันห่างหรือฟันมีลักษณะการสบฟันหน้าแบบสบเปิด (กัดเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ขาด) หลังจัดฟันเสร็จแล้ว จะช่วยให้มีการออกเสียงพูดได้ถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเสียง “ส.เสือ”

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ เสียวฟัน

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ เสียวฟัน

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ  เสียวฟัน

ฟันเป็นอวัยวะที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน  ถ้าเรามีฟันที่แข็งแรง เรารับประทานอาหารอร่อยๆ และรับรู้รสชาติ มีความสุขกับการเคี้ยวอาหาร  แต่หากเรามีฟันที่ไม่แข็งแรง  ความสุขในการกินก็จะลดลง เนื่องจากกินอาหารได้บางอย่างและมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง  การดูแลฟันจึงไม่เพียงแต่แปรงฟันเช้าเย็นเท่านั้น  เรายังต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟันเสื่อมสภาพ หรือไม่แข็งแรง   คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ว่าพฤติกรรมใดที่มีความเสี่ยงกับฟันผุ  เสียวฟัน เรามาดูว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง  เพื่อให้ฟันคงอยู่กับเราไปได้นานๆ

 

วิธีป้องกันฟันผุ เสียวฟัน

  1. แปรงฟันแรง

การแปรงฟันแรงหรือแปรงฟันบ่อยเกินไป ทำให้เกิดการสึกกร่อนตรงช่วงคอฟัน เป็นสาเหตุของอาการเหงือกอักเสบ หรือเหงือกร่นได้

 

  1. ใช้ฟันเปิดเป็นตัวเปิดภาชนะ

การใช้ฟันฉีกซองพลาสติก เปิดถุง  เปิดฝาขวดน้ำอัดลม หรือแกะผลิตภัณฑ์ต่างๆ  โดยคิดว่าสะดวกและรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ฟันในทางที่ผิด อาจทำให้ฟันแตก ร้าว บิ่น หรือเสียรูปได้

 

  1. เคี้ยวน้ำแข็ง

เมืองร้อนแบบบ้านเราทำให้คนส่วนใหญ่เวลาดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มจะมีการใส่น้ำแข็งลงไปด้วย  ซึ่งบางคนชอบอมและกัดก้อนน้ำแข็งเพื่อลิ้มรสความเย็นชื่นใจ   รู้สึกมันหรือชอบเสียงการเคี้ยวน้ำแข็ง  แต่รู้หรือไม่ว่า การเคี้ยวหรือกัดน้ำแข็งแรงๆ  อาจทำให้ฟันร้าว แตก หรือบิ่นได้    ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวน้ำแข็ง เพื่อให้สุขภาพฟันแข็งแรง

 

  1. การกัดเล็บ

การกัดเล็บไม่เพียงแต่ทำให้เสียบุคลิกภาพ  ไม่สวยงาม และยังเสี่ยงต่อเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านแผลเล็กๆ ในซอกเล็บ เนื่องจากการกัดเล็บทำให้เล็บกุด หรือสั้นเกินไป  แต่รู้หรือไม่ว่า  การกัดเล็บเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันสึกกร่อนได้  และหากสึกกร่อนมากๆๆ อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้   

 

  1. รับประทานขนม หรืออาหารที่มีรสหวานจัด

ขนมหวาน และอาหารที่มีรสหวาน มีส่วนประกอบพวกน้ำตาล หรือแป้งสูง  เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอาการฟันผุได้

 

  1. รับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด

อาหารที่มี รสเปรี้ยว ส่วนใหญ่มีฤทธิ์เป็นกรด   ดังนั้นไม่ว่าอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดไม่ว่าจะจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์  เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ผิวเคลือบฟันบางลง  อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟัน หรือฟันผุได้

 

  1. การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ

การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ นอกจากทำให้อ้วนแล้ว  ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน และฟันผุ  เพราะในน้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็นกรด  ทำให้เกิดการสูญเสียผิวเคลือบฟัน

 

  1. การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่นอกจากก่อความรำคาญให้กับคนรอบข้างแล้ว  คราบบุหรี่ที่เป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลอาจติดแน่นบนตัวฟัน  ต้องใช้เวลาในการขัดออก  ผู้ที่สูบบุหรี่มักจะเป็นโรคปริทนต์(เหงือกอักเสบ)  ถ้าหากโรคลุกลามอาจทำให้สูญเสียฟันได้

 

เราจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อฟันผุ และเสียวฟัน เพื่อให้ฟันสามารถอยู่กับเราไปได้นานๆ

 

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

เสียวฟัน ป้องกันได้

เสียวฟัน ป้องกันได้

 ทำไมจึงรู้สึกเสียวฟัน ?

อาการเสียวฟัน เกิดจากชั้นเนื้อฟันที่เคยมีเคลือบฟันอยู่หายไป และได้รับการกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้นต่างๆ อาทิ น้ำเย็น อาหาร หวาน อาหารเปรี้ยว การแปรงฟัน หรือแม้แต่ลม แล้วส่งสัญญานไป ถึงโพรงประสาทฟันจนเกิดอาการเสียวฟัน ทั้งนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ภาวะเหงือกอักเสบ หรือการแปรงฟันแรงเกินไป

วิธีป้องกันการเสียวฟัน

การป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียวฟันนั้น เราต้องดูแลรักษาฟันและเหงือกให้แข็งแรงอยู่เสมอ และป้องกันไม่ให้ผิวเคลือบฟันถูกทำลาย  วิธีการง่ายๆ สามารถทำได้โดย

  • แปรงฟันให้สะอาดอย่างถูกวิธี วันละ 2 ครั้ง โดยต้องเลือกแปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม แปรงอย่างเบามือ และที่สำคัญต้องแปรงให้ถูกวิธี

การแปรงฟันรุนแรงเกินไป เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฟันสึก เหงือกร่น เหงือกบวม

การแปรงฟันผิดวิธี ทำให้กำจัดคราบจุลินทรีย์ออกไม่หมดและนำไปสู่การเกิดโรคเหงือกอักเสบ ทำให้กระดูกรอบๆเบ้าฟันละลายตัว นอกจากนี้อาจเกิดเหงือกร่นตามมาได้

  • ทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือกอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวบ่อยๆ รวมไปถึงน้ำอัดลมด้วย หลังจากทานแล้ว ให้ดื่มน้ำเปล่าตามหรือบ้วนปาก ไม่แนะนำให้แปรงฟันทันทีหลังจากทานอาหารเปรี้ยวๆ เพราะในตอนนั้น ช่องปากจะมีสภาพเป็นกรด ถ้าหากแปรงฟันทันที ทำให้ฟันสึกได้
  • หมั่นพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟัน รวมถึงขูดหินปูนให้ฟันสะอาดและเหงือกแข็งแรง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC