รากฟันเทียม กับเทคโนโลยีทันตกรรมในปี 2022
ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากจะสูญเสียฟัน ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องพบได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ ที่หลายครั้งสุขภาพช่องปากก็รับภาระหนัก จนทำเอาเจ้าของฟันถึงกับถอดฟัน อยากจะตัดปัญหาด้วยการถอนฟันซี่ที่มีปัญหานั้นทิ้งเสีย แต่ในปี 2022 เช่นนี้ เทคโนโลยีทันตกรรมก็ก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับรากฟันเทียม ที่เดี๋ยวนี้มี “รากฟันเทียมระบบดิจิทัล” เราจะไปทำความรู้จักเจ้าสิ่งนี้กันค่ะ
รากฟันเทียมคืออะไร
รากฟันเทียม หรือรากเทียม คือ วัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันทำจากไททาเนียมซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี ใช้สำหรับฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อช่วยในการทำฟันเทียมแบบติดแน่น และแบบถอดได้ ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมถือว่าเป็นวิธีการใส่ฟันที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
- ฟันเทียมที่ดูเป็นธรรมชาติ และใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
- ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
- ป้องกันการสูญเสียฟัน และกระดูกข้างเคียง
- ให้ความสวยงาม เป็นธรรมชาติมากที่สุด และสามารถบดเคี้ยวได้ตามปกติ
ทำความรู้จักรากฟันเทียมระบบดิจิทัล
รากฟันเทียมระบบดิจิทัล (Computer Guided Implant Surgery) เป็นการวางแผนการฝังรากฟันเทียมแบบระบบดิจิทัลด้วยการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (3D Dental CT Scan) เพื่อช่วยในการวางแผนรักษาและกำหนดตำแหน่งฝังรากฟันเทียมที่เหมาะสมที่สุด ภาพถ่ายรังสีแบบ 3มิตินี้ ยังช่วยให้ทันตแพทย์สามารถเลือกขนาดรากฟันเทียมได้สอดคล้องกับตำแหน่งฟันที่จะใส่ทดแทน
โดยเทคโนโลยีตัวนี้จะหาตำแหน่งและขนาดของรากฟันเทียมที่เหมาะสมที่สุด โดยจะไม่กระทบกับอวัยวะสำคัญภายในช่องปากของคนไข้ที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เส้นประสาท, หรือ โพรงอากาศข้างแก้ม ซึ่งการทำเอ็กซเรย์แบบ 3 มิตินั้น จะทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในช่องปากได้อย่างครบถ้วนและชัดเจน เมื่อเราได้ภาพภาพ 3 มิติของตำแหน่งของรากฟันเทียมมาแล้ว ก็จะนำไปพิมพ์เป็นอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งสำหรับการฝังรากฟันเทียม ซึ่งจะเอาไปใช้ในขั้นตอนการผ่าตัดต่อไป
ความแตกต่างระหว่างการฝังรากฟันเทียมปกติกับฝังรากฟันเทียมดิจิทัล
การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมแบบปกตินั้น จะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของทันตแพทย์ค่อนข้างมาก เนื่องจากความนิ่งและมือของทันตแพทย์ เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดตำแหน่งของการฝังรากฟันเทียม แต่พอมีการนำเทคโนโลยีการฝังรากฟันเทียมดิจิทัลเข้ามาช่วยในการฝังรากฟันเทียมแบบระบบดิจิทัล
ทันตแพทย์ก็จะทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากทันตแพทย์ในระหว่างการฝังรากฟันเทียมได้มากขึ้นด้วย
ขั้นตอนในการฝังรากฟันเทียมระบบดิจิทัล
- ทันตแพทย์จะทำการประเมินสภาพฟันและช่องปากก่อนว่าเหมาะสมที่จะทำรากฟันเทียมระบบดิจิทัล
ได้หรือไม่ ซึ่งมีงื่อนไขว่าคนไข้จะต้องไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามสำหรับทำรากฟันเทียม เพื่อที่จะได้ทราบว่าควรจะต้องฝังรากเทียมทั้งหมดกี่ตำแหน่ง
- จากนั้นทันตแพทย์จะพิมพ์ปาก ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายที่จะใช้การพิมพ์ปากแบบ 3 มิติ ทำให้สามารถเห็นฟัน
ได้โดยรอบและจัดเก็บข้อมูลเป็นดิจิทัล แล้วจึงนำข้อมูลจากการทำ CT Scan มาเข้าสู่ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อออกแบบตำแหน่งของรากเทียมที่ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคน
- ทันตแพทย์จะส่งข้อมูลไปให้ห้องแล็บทันตกรรม เพื่อพิมพ์เป็นอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากเทียม
ออกมา แล้วนำกลับมาใช้ในการผ่าตัด
- ในวันผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาเพื่อเปิดเหงือกสำหรับฝังรากเทียม และทำ
การฝังรากเทียมตามที่วางแผนมาผ่านอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากเทียม
- หลังจากที่ฝังรากเทียมเสร็จแล้ว ระยะเวลาการพักฟื้นจะขึ้นอยู่กับกระดูกของคนไข้ ถ้าเป็นขากรรไกร
บนจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ส่วนขากรรไกรล่างใช้เวลา 3 เดือน เพื่อให้กระดูกติดกับตัวรากเทียมได้โดยตรง และเมื่อคนไข้กลับมาพบทันตแพทย์ เพื่อจะทำการพิมพ์ปากสำหรับใส่ครอบฟันบนรากเทียมต่อไป
ด้วยเทคโนโลยีฝังรากฟันเทียมระบบดิจิทัลจะช่วยลดการสูญเสียฟันโดยไม่จำเป็น เพราะไม่ว่าอะไรก็ดีไม่เท่าฟันของเราจริง ๆ หรอกค่ะ ดังนั้นแล้ว เราจึงควรถนอมฟันของเราให้มากที่สุด นั่นจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำรากฟันเทียม
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
#รากฟันเทียม #ทำรากฟันเทียม