การสูญเสียฟันไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันส่งผลทั้งในเรื่องการบดเคี้ยว การพูด และความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และหนึ่งในทางเลือกที่คนยุคใหม่หันมาให้ความสนใจมากขึ้นก็คือ “รากฟันเทียม” เพราะมันทั้งดูธรรมชาติ ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันจริง และอยู่กับเราได้นานหลายปี แต่ก่อนจะตัดสินใจทำรากฟันเทียม เราขอพาคุณมาเช็กทุกข้อที่ควรรู้ในบทความนี้
เพราะสุขภาพช่องปากไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำรากฟันเทียมกันเถอะ!
✅ 1. รากฟันเทียมคืออะไร? เข้าใจก่อนตัดสินใจ
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า รากฟันเทียม (Dental Implant) คือการฝังรากเทียมที่ทำจากไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติที่หายไป จากนั้นจึงใส่ “ครอบฟัน” ที่มีลักษณะเหมือนฟันจริงต่อเข้าไป
จุดเด่นคือ มันไม่ได้แค่ติดแน่นเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้ แต่ยังดูเหมือนฟันธรรมชาติมาก และไม่รบกวนฟันซี่ข้างเคียงอีกด้วย
✅ 2. รู้หรือยัง? ใครบ้างที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ จำเป็นต้องพิจารณาสภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายด้วย นี่คือเช็คลิสต์ที่คุณต้องผ่านก่อน:
- มีฟันหายไปอย่างน้อย 1 ซี่
- มีสุขภาพเหงือกดี ไม่มีโรคปริทันต์รุนแรง
- มีกระดูกขากรรไกรเพียงพอสำหรับการฝังราก
- ไม่สูบบุหรี่ หรือสามารถหยุดสูบได้ในช่วงเวลาที่แพทย์กำหนด
- ไม่มีโรคประจำตัวที่รบกวนกระบวนการหายของแผล เช่น เบาหวานควบคุมไม่ได้
หากคุณมีข้อใดข้อหนึ่งที่น่าเป็นห่วง ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
✅ 3. ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียม
อีกข้อที่หลายคนต้องเตรียมใจก็คือ “ค่าใช้จ่าย” เพราะการทำรากฟันเทียมถือเป็นงานทันตกรรมเฉพาะทาง ราคาจะสูงกว่าการใส่ฟันปลอมแบบทั่วไป
โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียมในไทยจะเริ่มต้นที่:
- 35,000 – 80,000 บาท/ซี่ แล้วแต่ยี่ห้อของรากเทียมและคลินิก
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าเอกซเรย์ 3D, ค่าครอบฟัน, หรือค่ายาชาเฉพาะทาง
แม้จะดูแพงในระยะสั้น แต่ในระยะยาว การลงทุนกับรากฟันเทียมสามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาช่องปากในอนาคตได้
✅ 4. ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม เจ็บไหม? ใช้เวลากี่เดือน?
ขั้นตอนทั่วไปของการฝังรากฟันเทียม มีดังนี้:
- ตรวจสุขภาพช่องปาก + เอกซเรย์ 3D
- วางแผนการรักษา ร่วมกับทันตแพทย์
- ผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- พักฟื้น 2-6 เดือน เพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูก
- ใส่ครอบฟัน เมื่อกระดูกยึดแน่นแล้ว
ในช่วงพักฟื้นอาจมีอาการบวม เจ็บเล็กน้อย หรือรู้สึกตึงบริเวณแผล ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน
✅ 5. ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ควรรู้
การทำรากฟันเทียมถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย เช่น:
- การติดเชื้อบริเวณรากเทียม
- การบาดเจ็บต่อเส้นประสาทหากตำแหน่งไม่แม่นยำ
- การฝังรากในกระดูกที่ไม่แข็งแรง อาจทำให้รากหลวม
- อาการปวดเรื้อรัง หรือเหงือกร่นในบางราย
ทั้งหมดนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หากคุณเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียมโดยเฉพาะ
✅ 6. คำแนะนำหลังการทำรากฟันเทียม
หลังการฝังรากเทียม สิ่งที่คุณควรทำคือ:
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งในฝั่งที่ทำรากฟันในช่วงแรก
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจติดตามผลทุก 6 เดือน
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์สักระยะ
การดูแลรากฟันเทียมให้ดี ก็เท่ากับยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นอีกหลายสิบปี
✅ 7. เปรียบเทียบรากฟันเทียม vs ฟันปลอม vs สะพานฟัน
ประเภท | ข้อดี | ข้อเสีย |
รากฟันเทียม | แข็งแรง ดูธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งฟันข้างเคียง | ราคาสูง ใช้เวลาพักฟื้นนาน |
ฟันปลอมถอดได้ | ราคาถูก ใส่ง่าย ถอดล้างได้ | ไม่แน่น เสี่ยงต่อการหลุด หรือระคายเหงือก |
สะพานฟัน | ประหยัดเวลา ไม่ต้องผ่าตัด | ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียง อาจทำให้ฟันอ่อนแอ |
หากคุณมองหาระยะยาวและความมั่นคง รากฟันเทียมคือทางเลือกที่ดีที่สุด
✅ 8. เลือกคลินิกอย่างไรให้มั่นใจ?
ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม อย่าลืมเช็กให้ดีว่า:
- ทันตแพทย์มีใบประกาศเฉพาะทางด้านรากฟันเทียมหรือไม่
- คลินิกมีเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัยหรือไม่ (เช่น 3D CT Scan)
- รีวิวจากผู้ใช้จริงเป็นอย่างไร
- มีการติดตามผลหลังการรักษาหรือไม่
เลือกให้ดีครั้งเดียว ดีกว่าต้องเสียเงินซ่อมหลายรอบนะครับ
✅ 9. ถามตัวเองให้แน่ใจ ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม
สุดท้าย ก่อนจะนัดวันทำรากฟันเทียม ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:
- เราพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางไหม?
- เรามีเวลาในการดูแลตัวเองหลังทำหรือเปล่า?
- เราโอเคกับขั้นตอนที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือนไหม?
- เราเลือกคลินิกที่ไว้วางใจได้แล้วหรือยัง?
หากคำตอบคือ “ใช่” ทุกข้อ ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณพร้อมก้าวสู่รอยยิ้มใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิมแล้ว
สรุป: รากฟันเทียมไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามี “เช็คลิสต์” ที่ดี
การทำรากฟันเทียมคือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ถ้าคุณมีข้อมูลครบถ้วน รู้จักเปรียบเทียบ และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ ก็สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจในทุกวัน
สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม
Add a Comment
You must be logged in to post a comment