การสูญเสียฟันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการเคี้ยวอาหาร การพูดคุย หรือความมั่นใจในตัวเอง รากฟันเทียมเป็นวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นที่นิยมในการแก้ไขปัญหานี้ บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับรากฟันเทียม ตั้งแต่วิธีการทำ ข้อดี ข้อเสีย และการดูแลรักษา เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่ารากฟันเทียมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณหรือไม่
รากฟันเทียมคืออะไร?
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือการฝังวัสดุที่ทำจากไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป จากนั้นจะมีการต่อฟันเทียมที่มีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติเข้ากับรากฟันเทียม ทำให้สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
การรักษาด้วยรากฟันเทียมเหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ ไม่ว่าจะเป็นฟันซี่เดียว ฟันหลายซี่ หรือฟันทั้งหมด โดยการรักษานี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหาร พูดคุย และมีรอยยิ้มที่มั่นใจได้อีกครั้ง
ประเภทของรากฟันเทียม
รากฟันเทียมสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฝังและรูปแบบของฟันเทียมที่ใช้ โดยประเภทหลักๆ ของรากฟันเทียม ได้แก่:
1. รากฟันเทียมแบบเดี่ยว (Single Tooth Implant)
รากฟันเทียมแบบเดี่ยวคือการฝังรากฟันเทียมในตำแหน่งของฟันที่สูญเสียไปเพียงซี่เดียว โดยจะมีการฝังไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกร จากนั้นติดฟันเทียมที่มีลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติลงบนรากฟันเทียม
ข้อดี:
- ทดแทนฟันที่สูญเสียไปเพียงซี่เดียวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ไม่ต้องมีการกรอฟันซี่ข้างเคียงเหมือนการทำสะพานฟัน
ข้อเสีย:
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำฟันเทียมแบบอื่นๆ
2. รากฟันเทียมแบบหลายซี่ (Multiple Tooth Implant)
รากฟันเทียมแบบหลายซี่ใช้สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่ติดกัน โดยจะมีการฝังรากฟันเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสม และติดฟันเทียมลงบนรากฟันเทียม ทำให้สามารถทดแทนฟันหลายซี่ได้ในครั้งเดียว
ข้อดี:
- ทดแทนฟันหลายซี่ได้ในคราวเดียว
- มีความแข็งแรงและทนทานมาก
ข้อเสีย:
- ต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่ารากฟันเทียมแบบเดี่ยว
3. รากฟันเทียมแบบเต็มปาก (Full Arch Implant)
รากฟันเทียมแบบเต็มปากเหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก โดยจะมีการฝังรากฟันเทียมในตำแหน่งสำคัญเพื่อรองรับฟันปลอมแบบถาวรหรือแบบถอดได้
ข้อดี:
- ทดแทนฟันทั้งปากได้อย่างสมบูรณ์
- มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
ข้อเสีย:
- มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้เวลาการรักษานาน
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาหลายขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์ ดังนี้:
1. การวางแผนการรักษา
ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบสุขภาพช่องปากและประเมินกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วยเพื่อวางแผนการรักษาอย่างละเอียด หากมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกขากรรไกร เช่น กระดูกไม่เพียงพอ อาจต้องมีการปลูกกระดูกก่อนการฝังรากฟันเทียม
2. การฝังรากฟันเทียม
ขั้นตอนนี้จะเป็นการฝังรากฟันเทียมที่ทำจากไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกร หลังจากนั้นต้องรอให้กระดูกและรากฟันเทียมสมานตัวกัน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วย
3. การติดตั้งฟันเทียม
หลังจากที่กระดูกสมานตัวกับรากฟันเทียมแล้ว ทันตแพทย์จะทำการติดตั้งฟันเทียมที่ทำจากเซรามิกหรือวัสดุอื่นๆ ลงบนรากฟันเทียม โดยฟันเทียมจะมีลักษณะและสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมมีข้อดีมากมายที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานฟันได้อย่างเต็มที่ และมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนี้:
- ความเป็นธรรมชาติ: รากฟันเทียมมีลักษณะและการทำงานคล้ายกับฟันธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหารและพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ความทนทาน: รากฟันเทียมทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และเข้ากับกระดูกขากรรไกรได้ดี
- ป้องกันการสูญเสียกระดูก: การสูญเสียฟันทำให้กระดูกขากรรไกรไม่มีการใช้งาน และเกิดการสลายตัวได้ แต่การฝังรากฟันเทียมจะช่วยกระตุ้นให้กระดูกขากรรไกรยังคงความแข็งแรง
- การดูแลรักษาง่าย: การดูแลรักษารากฟันเทียมเหมือนกับการดูแลฟันธรรมชาติ เพียงแค่แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของรากฟันเทียม
แม้ว่าการทำรากฟันเทียมจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนการรักษา ได้แก่:
- ค่าใช้จ่ายสูง: การทำรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำฟันเทียมประเภทอื่นๆ เนื่องจากเป็นการรักษาที่ต้องใช้เทคนิคและวัสดุที่มีคุณภาพสูง
- ระยะเวลาในการรักษานาน: การทำรากฟันเทียมต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรอให้กระดูกสมานตัวกับรากฟันเทียม ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาอย่างรวดเร็ว
- ความเสี่ยงในการผ่าตัด: การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บต่อเส้นประสาท หรือการสมานตัวของกระดูกที่ไม่สมบูรณ์
สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829 Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental https://bpdcdental.com/ ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม