ปวดฟันกะทันหัน

ปวดฟันกะทันหัน: สิ่งที่คุณควรรู้และวิธีรับมือเมื่อเจอเหตุการณ์นี้

การปวดฟันเป็นปัญหาที่หลายคนอาจเจอได้บ่อย โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกะทันหัน หากคุณเคยพบเจอกับอาการนี้ คุณจะรู้ว่ามันไม่เพียงแค่สร้างความรำคาญ แต่ยังสามารถกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก ดังนั้น การเข้าใจสาเหตุและวิธีการจัดการกับอาการปวดฟันกะทันหันจะช่วยให้คุณพร้อมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สาเหตุของการปวดฟันกะทันหัน

อาการปวดฟันกะทันหันอาจมีหลายสาเหตุ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาทางทันตกรรมที่ต้องการการดูแลทันที ต่อไปนี้คือสาเหตุที่พบบ่อย:

1. ฟันผุ

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการปวดฟันกะทันหันคือฟันผุ โดยเฉพาะหากการผุของฟันลุกลามจนถึงชั้นเนื้อฟัน การสัมผัสกับความร้อน ความเย็น หรืออาหารที่มีรสหวาน อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้

2. โรคเหงือก

โรคเหงือกอักเสบ หรือการติดเชื้อที่เหงือกสามารถทำให้เกิดอาการปวดฟันได้ โดยเฉพาะหากมีการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังรากฟัน อาการอาจรวมถึงการปวดที่เหงือกและการบวม

3. ฟันแตกหรือร้าว

หากคุณเผลอกัดของแข็งเช่นน้ำแข็ง หรือของที่แข็งอื่นๆ อาจทำให้ฟันร้าวหรือแตกได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกปวดที่รุนแรงทันที

4. ฟันคุด

ในบางครั้ง ฟันคุดที่พยายามจะขึ้นแต่ไม่สามารถโผล่พ้นเหงือกได้ อาจทำให้เกิดการกดทับและปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน อาการปวดนี้มักจะรุนแรงและอาจต้องการการผ่าตัดเพื่อแก้ไข

5. การอักเสบของรากฟัน

การอักเสบหรือการติดเชื้อที่รากฟันมักจะเป็นสาเหตุของการปวดฟันกะทันหัน อาการนี้อาจมาพร้อมกับการบวมของเหงือกหรือหน้า และมักจะต้องได้รับการรักษาทางทันตกรรมอย่างเร่งด่วน

วิธีการรับมือเมื่อเกิดอาการปวดฟันกะทันหัน

แม้การปวดฟันกะทันหันจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและอาจทำให้เกิดความกังวล แต่ยังมีวิธีการที่สามารถทำเพื่อบรรเทาอาการได้ในเบื้องต้น:

1. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ

การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นสามารถช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดฟันได้ เพียงใช้น้ำเกลือผสมกับน้ำอุ่นแล้วบ้วนปากประมาณ 30 วินาที

2. ประคบเย็น

หากอาการปวดฟันมาพร้อมกับการบวม การประคบเย็นสามารถช่วยลดการบวมและบรรเทาอาการปวดได้ การประคบควรทำสลับทุก 15-20 นาที

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการปวด

หากอาการปวดฟันเกิดขึ้นเมื่อคุณสัมผัสกับความร้อน ความเย็น หรืออาหารที่มีรสหวาน ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นจนกว่าจะได้รับการรักษา

4. ใช้ยาลดปวด

ยาลดปวดเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ พาราเซตามอล (Paracetamol) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และไม่ควรใช้ยาเกินขนาด

5. ไปพบหมอฟันทันที

หากอาการปวดฟันยังคงอยู่หรือแย่ลง การไปพบหมอฟันเป็นสิ่งที่สำคัญ หมอฟันจะสามารถวินิจฉัยและรักษาปัญหาที่ต้นเหตุได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษารากฟัน การอุดฟัน หรือแม้แต่การถอนฟันหากจำเป็น

การป้องกันอาการปวดฟันกะทันหัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการปวดฟันกะทันหัน ควรใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน นี่คือเคล็ดลับในการป้องกัน:

1. แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ

การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอนเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันฟันผุและโรคเหงือก ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน

2. ใช้ไหมขัดฟัน

การใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดเศษอาหารและคราบพลัคที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะบริเวณระหว่างฟัน ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดฟันผุ

3. ตรวจฟันเป็นประจำ

การตรวจฟันและทำความสะอาดฟันกับทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันปัญหาฟันที่อาจนำไปสู่อาการปวดฟันในอนาคต

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายฟัน

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม หรือเครื่องดื่มที่มีกรด เช่น น้ำอัดลม สามารถทำให้ฟันผุและเสียหายได้ ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง

เมื่อใดที่ควรพบหมอฟันทันที

การปวดฟันบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรงกว่าที่คิด หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบหมอฟันทันที:

  • อาการปวดที่ไม่หายไปหลังจากการใช้ยาแก้ปวด
  • การบวมบริเวณเหงือกหรือใบหน้า
  • มีไข้ร่วมกับอาการปวดฟัน
  • ฟันหลุดหรือโยก
  • มีเลือดหรือหนองออกจากฟันหรือเหงือก

การเพิกเฉยต่ออาการเหล่านี้อาจทำให้ปัญหาลุกลามและยากต่อการรักษา ดังนั้นอย่ารอจนกระทั่งอาการแย่ลง

สรุป

อาการปวดฟันกะทันหันอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ ฟันคุด หรือการติดเชื้อที่รากฟัน แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่มีวิธีรับมือเบื้องต้นที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ การประคบเย็น หรือการใช้ยาลดปวด อย่างไรก็ตาม การไปพบหมอฟันเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันการลุกลามของปัญหา

สุขภาพช่องปากเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ และการป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด การแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และตรวจฟันเป็นประจำจะช่วยให้คุณลดโอกาสการปวดฟันกะทันหันและมีฟันที่แข็งแรงไปอีกนาน

สาเหตุจากฟันผุ

สาเหตุจากฟันผุ เกิดจากอะไรบ้าง

ฟันผุเกิดจากการที่แบคทีเรียในปากย่อยสลายเศษอาหารที่ตกค้างอยู่บนฟัน โดยเฉพาะของหวาน ทำให้เกิดกรดที่ทำลายเอนาเมล์ฟันและเริ่มทำให้ฟันผุ สาเหตุที่ทำให้ฟันผุเกิดขึ้นมีดังนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดฟันผุ ได้แก่

  • การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก แบคทีเรียจะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกรด
  • การแปรงฟันและ floss ฟันไม่สะอาด เศษอาหารและแบคทีเรียที่เกาะอยู่บนฟันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดฟันผุ
  • การมีโรคเหงือก โรคเหงือกทำให้เหงือกร่นและฟันโยกคลอน ฟันที่โยกคลอนจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุมากขึ้น
  • การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาต้านการอักเสบ ยารักษาโรคเบาหวาน อาจทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้น
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม บางคนมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุมากกว่าคนอื่น ๆ เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม
  • ประจำประวัติการทานอาหารหวาน: การบริโภคอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าไม่ขจัดเศษอาหารหรือล้างปากหลังการทาน
  • การเข้าถึงน้ำดื่มที่ไม่มีฟลูออไรด์: น้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์ทำให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฟัน ซึ่งลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุ
  • การไม่ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์: ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์สามารถช่วยป้องกันฟันผุ
  • การล้างปากไม่ถูกวิธี: การไม่สามารถล้างเศษอาหารออกจากพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น ระหว่างฟัน, อาจทำให้เกิดฟันผุ
  • การไม่ได้ใช้ด้ายเขียนฟัน: ซึ่งช่วยในการขจัดเศษอาหารและคราบปะปนระหว่างฟัน
  • ประวัติการสูบบุหรี่และดื่มสุรา: ทั้งสองสิ่งนี้สามารถลดน้ำลายและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ
  • การไม่ไปตรวจสุขภาพฟันและปาก: การตรวจสุขภาพฟันและปากเป็นประจำทำให้สามารถตรวจพบปัญหาในระยะเริ่มแรกและรักษาได้ทันท่วงที
  • การมีปัญหาสุขภาพปากและฟัน: เช่น ฟันขัดแตะ, การกรายฟัน, หรือการมีปัญหาเกี่ยวกับเหงือก
  • โรคหรือยาที่กระทบต่อการสร้างน้ำลาย: น้ำลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยล้างและปกป้องฟันจากฟันผุ
  • อายุ: กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุ อาจมีความเสี่ยงต่อฟันผุสูงกว่าปกติ

วิธีป้องกันฟันผุ ได้แก่

  • แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที และ floss ฟันอย่างน้อยวันละครั้ง
  • รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำหรือปราศจากน้ำตาล
  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ ทันตแพทย์สามารถตรวจหาฟันผุได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้ก่อนที่จะลุกลาม

นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันฟันผุได้ เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและฟลูออไรด์ การใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ หรือการอุดฟันป้องกันฟันผุ

วิธีป้องกันฟันผุ

การป้องกันฟันผุสามารถทำได้ผ่านการดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างถูกต้องและเป็นประจำ นี่คือวิธีป้องกันฟันผุ:

  1. การล้างฟันอย่างถูกต้อง: ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และล้างฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะหลังการทานอาหารและก่อนนอน
  2. ใช้ด้ายเขียนฟัน: ช่วยล้างเศษอาหารและคราบปะปนระหว่างฟันและภายในเขตเหงือก
  3. ปากน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์: น้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์จะช่วยในการป้องกันฟันผุ โดยฟลูออไรด์ช่วยในการบำรุงและป้องกันการเกิดการทำลายฟัน
  4. ป้องกันน้ำตาล: จำกัดการบริโภคอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะเป็นแหล่งที่แบคทีเรียในปากใช้ในการผลิตกรดที่ทำลายฟัน
  5. ประจำการตรวจสุขภาพฟันและปาก: ควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพฟันและปาก และทำการขัดฟันเป็นประจำ
  6. การใช้แก้วน้ำ: ในกรณีที่ทานอาหารหวาน ควรทานน้ำหรือใช้แก้วน้ำหลังจากการบริโภค เพื่อช่วยล้างคราบที่ตกค้างบนฟัน
  7. ควบคุมความเป็นกรดของอาหารและเครื่องดื่ม: จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีความเป็นกรดสูง เช่น น้ำผลไม้, ขนมหวาน
  8. ใช้ยาสีฟันเฉพาะสำหรับฟันผุ: ในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงของฟันผุ ควรใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ความเข้มข้นสูงหรือยาสีฟันเฉพาะสำหรับฟันผุ
  9. การใช้มาส์กป้องกันในกีฬา: สำหรับคนที่มีความเสี่ยงจากการโดนทำร้ายฟันในกีฬา ควรใช้มาส์กป้องกันฟัน
  10. การใช้เฟืองป้องกันกรายฟัน (night guard): สำหรับคนที่กรายฟันในเวลากลางคืน

การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของฟันผุ การรักษาสุขภาพฟันและปากอย่างถูกต้องและเป็นประจำจะช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ.

.

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

แนะนำวิธีดูแลรักษาฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุ

แนะนำวิธีดูแลรักษาฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุ

แนะนำวิธีดูแลรักษาฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุ

ทุกวันนี้คนเรามีพฤติกรรมหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ทำร้ายฟันของเราไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะมาจากไลฟ์สไตล์ การบริโภคน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้น หรือการดูแลรักษาฟันได้ไม่สะอาดเพียงพอ จนเกิดเป็นฟันผุ ซ้ำร้ายเมื่อฟันผุแล้ว กลับละเลยที่จะไปรักษา ปล่อยเอาไว้ จนเวลาผ่านไปกลายเป็นฟันผุที่ลุกลามรุนแรง แทนที่จะเสียเงินค่าอุดฟันไม่กี่ร้อย ถ้าฟันผุลึกถึงชั้นโพรงประสาท ก็ต้องรักษารากฟันที่ราคาค่อนข้างสูง งั้นเรามาดูวิธีดูแลรักษาฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุดีกว่าค่ะ

How to ดูแลฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุ

คำถามที่ว่า ทำอย่างไรให้ฟันไม่ผุ ก็คงจะตอบกันได้ง่าย ๆ และด้วยวิธีง่าย ๆ ก็คือ การแปรงฟันให้สะอาด แต่วิธีการดูแลรักษาฟันให้ไม่ผุ ยังมีนอกเหนือจากการแปรงฟันด้วยค่ะ เราจึงนำเอามาฝากกัน

  1. ลดการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป

น้ำตาลคือสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำร้ายฟันของเรา ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าถ้างดน้ำตาลจากขนมหวาน

อย่างลูกอม เค้ก ของหวาน หรือน้ำอัดลมต่าง ๆ ก็จะฟันไม่ผุ จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ เพราะหลายครั้ง น้ำตาลก็มาในรูปแบบของอาหารจำพวกแป้ง ที่จะมีกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล หรือในถั่วประเภทต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่น้ำอัดลมที่มีน้ำตาล 0%

  • แปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

บางคนสงสัยว่าทำไมแปรงฟันทุกวัน แต่ฟันยังผุอยู่ ฟันของเราจะผุหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจาก

คุณภาพในการแปรงฟันของเรา ดังนั้นการแปรงฟันที่ได้คุณภาพ จึงควรแปรงฟันให้นานตั้งแต่ 2 นาทีขึ้นไป เพื่อให้มีเวลานานพอที่จะทำให้ฟลูออไรด์สามารถเกาะติดและและซึมผ่านผิวฟันเข้าไปทำให้ผิวฟันแข็งแรงขึ้น ฟันก็จะผุได้ยากขึ้น ถ้าเราใช้เวลาแปรงไม่กี่วินาที ฟลูออไรด์ในยาสีฟันจะยังไม่ทันเข้าไปในผิวฟัน ที่สำคัญที่สุด ควรแปรงแห้งโดยปราศจากการบ้วนปาก เพื่อให้ได้ฟลูออไรด์ติดที่ผิวฟันให้มากที่สุด

  • การแปรงลิ้น

หลายคนอาจจะคิดว่าการแปรงลิ้นไปเกี่ยวอะไรกับฟันผุ ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่ฟันของเรา

ผุ ก็มาจากปัจจัยต่าง ๆ ภายในช่องปาก เพราะลิ้นถือเป็นอวัยวะที่มีการสะสมแบคทีเรียมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่แปรงฟัน อย่าลืมที่จะแปรงลิ้นกินด้วยนะคะ

  • งดการกินอาหารหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง

หากใครอยากให้ฟลูออไรด์ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ 100% แนะนำว่า หลังการแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มี

ส่วนผสมของฟลูออไรด์ ไม่ควรดื่มน้ำหรือกินอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกชะล้างออกไปจากการดื่มน้ำหรือกินอาหาร

  • ใช้ไหมขัดฟัน

บางครั้งการแปรงฟันอย่างเดียวอาจยังไม่พอที่จะป้องกันฟันผุได้ เพราะขนแปรงของเราอาจไม่ชอนไช

เข้าไปทำความสะอาดตามไรฟันได้หมดจด ดังนั้นการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยให้ขจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการสะสมแบคทีเรียได้

  • กินอาหารให้เป็นเวลา

แน่นอนว่าบางคนอาจมองว่าไม่เกี่ยวกันเลย ที่ฟันเราจะผุเพราะกินอาหารไม่เป็นเวลา แต่อันที่จริงแล้ว

สำคัญมาก ๆ นะคะ เราควรกินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรกินจุบกินจิก เพราะโอกาสเกิดกรดในช่องปากมีมากขึ้น

  • ไปหาหมอฟันทุก ๆ 6 เดือน

แม้เราจะหมั่นดูแลรักษาฟันอยู่เป็นประจำ แต่สิ่งสำคัญคือควรนัดตรวจสุขภาพช่องปากกับหมอฟัน

ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันอาการเกี่ยวกับโรคภายในช่องปากที่เราไม่ทันระวังตัว และได้รับการแนะนำในการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี

เท่านี้เราก็ได้รู้แล้วว่าเราจะดูแลรักษาฟันอย่างไรให้ฟันไม่ผุก เพราะหากเราสามารถดูแลตัวเองและช่องปากของเราได้ตามวิธีที่แนะนำข้างต้นนี้ได้ทั้งหมด รับรองเลยว่าฟันของเราจะไม่มีวันผุอย่างแน่นอนค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ดูแลรักษาฟัน

5 อาหารและเครื่องดื่มทำลายฟัน

5 อาหารและเครื่องดื่มทำลายฟัน

อาหารการกินของแต่ละคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราจะมานำทุกท่านให้รู้ถึงอาการและเครื่องดื่มที่ทำลายฟันมีอะไรกันบ้างค่ะ

  1. ลูกอม เป็นสิ่งที่เรารู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าไม่ควรรับประทานเพราะจะทำให้ฟันผุ เนื่องจากในลูกอมมีน้ำตาลจำนวนมาก และต้องอมเป็นเวลานากว่าจะละลายหมด และทิ้งคราบน้ำตาลไว้ในช่องปาก ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นกรด เมื่อเกาะอยู่บนฟันนาน ๆ จะทำให้เกิดฟันผุได้
  2. ขนมเค้ก เป็นตัวการหนึ่งที่อาจจะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถอดใจไม่ทานของหวานแสนอร่อยนี้ได้ เมื่อเป็นของหวานแน่นอนเลยว่าต้องมีส่วนผสมของน้ำตาล ศัตรูตัวร้ายที่คอยจ้องจะทำร้ายฟันและเหงือกเราตลอดเวลา เมื่อรู้อย่างนี้แล้วสาวๆ คงต้องตัดใจจากขนมหวานชนิดนี้แล้วล่ะค่ะ
  3. น้ำอัดลม ไวน์ขาว หรือของดอง มักเต็มไปด้วยน้ำตาลและกรดที่ส่งผลร้ายต่อฟันของคุณ เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้ฟันผุ และปวดฟันมาก คุณจึงควรมองหาเครื่องดื่มประเภทอื่นที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและฟันอย่าง เช่น ‘น้ำเปล่า’ หรือน้ำผลไม้ที่ไม่ฤทธิ์เป็นกรดและไม่ผสมน้ำตาล
  4. ชาและกาแฟมี ‘สารแทนนิน’ (Tannin) ที่จะทำให้เกิดคราบเหลืองติดผิวฟันของคุณไม่น่ามองแล้ว ยังมีน้ำตาลศัตรูตัวฉกาจของฟันอยู่อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มชาและกาแฟแบบร้อนจะทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ปาก เช่น บริเวณเหงือก เพดานเหงือก กระพุ้งแก้ม และลิ้น ซึ่งเนื้อเยื่อเหล่านี้ฟื้นฟูตัวเองได้ช้ามาก และเมื่อถูกทำลายเป็นประจำจนมีชั้นผิวที่บางลงเรื่อยๆ
  5. ช็อกโกแลต หากกัดเข้าไปมีความเสี่ยงต่อฟันแตกแน่นอน ฟันหน้าของเรามีความบางมากไม่เหมาะกับการใช้กัดของแข็ง หากต้องการทานช็อกโกแล็ตแบบแข็งควรหักเป็นชิ้นพอดีคำ หรือรอให้นิ่มก่อน จะช่วยให้ฟันของเราใช้งานได้อีกยาวนาน

สรุปคือ ยิ่งเป็นของหวานของที่สารกัดกร่อนฟันก็ไม่ควรทานเยอะ ทานน้อยๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ หมั่นแปรงฟัน หรือ ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อนัดเข้าตรวจสุขภาพฟันทันตกรรมเป็นประจำค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #อาหารทำลายฟัน

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

ถอนฟันกี่วันแผลหาย

สำหรับใครที่ยังไม่เคยถอนฟันนั้น คำถามที่พบบ่อยที่สุดก็คือ ถอนฟันกี่วันแผลหาย ซึ่งเป็นคำถามยอดฮิตที่เราต้องหาคำตอบหรือถามเพื่อนถามคนรู้จักกันตลอด ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงผลของการถอนฟันว่ากี่วันแผลจะหายดีกันครับ

การถอนฟัน

สามารถทำการถอนได้หลายสาเหตุ เช่น
– ถอนฟันเพื่อจัดระเบียบฟันให้ดี ยกตัวอย่างคนที่ต้องจัดฟัน จะต้องมีการถอนฟันที่เกิน หรือว่าฟันที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้หน้าเรียวมากยิ่งขึ้น
– ฟันผุ เมื่อฟันผุเราก็จะต้องทำการถอนฟัน เพื่อป้องกันอันตราย ฟันเสีย เพื่อรวมไปถึงอันตรายที่จะลามไปถึงเหงือกและรากฟันได้
– ฟันคุด เป็นฟันที่ต้องทำการผ่าตัดหรือถอนออกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟันคุด และปัญหาของฟันคุดตามมาที่หลัง
– ฟันมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ต้องทำการถอน เพื่อความปลอดภัย หรือปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการถอนฟัน

ถอนฟันแผลจะหายในกี่วัน

แผลในการถอนฟัน มีได้หลายสาเหตุ จากหลากหลายอาการของการถอนฟัน
– ถอนฟันน้ำนมที่โยก ฟันชนิดนี้จะถอนง่ายเพราะเป็นฟันน้ำนม ที่จะมีฟันแท้ขึ้นมาในภายหลัง แผลจะหายภายใน 1 วัน
– ถอนฟันคุด ถอนฟันคุด อาจเป็นไปได้หลายเคส ทั้งแบบถอน หรือผ่าตัดจะอาจมีการเย็บเหงือกเพื่อช่วยให้เลือกหยุดไหลได้ดีขึ้น อยู่ที่ลักษณะของฟันของแต่ละท่านว่าอยู่ในระดับใด แต่โดยทั่วไป แผลจะหายในเวลา 1-2 วัน

วิธีที่ทำให้แผลหายจากหารถอนฟันหายเร็ว

– ทานยาแก้ปวด ปกติทันตแพทย์จะจ่ายยาให้อยู่แล้ว
– อย่าบ้วนปาก เพราะจะทำปากแผลเปิด
– ห้ามดูดเลือด
– งดการแปรงฟัน
– ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง
– ไม่เคี้ยวอาหารด้านที่ถอนฟัน
– ทานอาหารที่ไม่ต้องเคี้ยวมากเช่น โจ๊ก
– ไม่สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

*หากท่านใดมีโรคประจำตัว หรือมีเคสการถอนฟันหรือผ่าตัดถอนฟัน ที่ไม่ปกติ ควรทำการปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะบางอาการอาจจะต้องดูแลและรักษาอาการหลังถอนฟัน เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ เสียวฟัน

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ เสียวฟัน

8 พฤติกรรม เสี่ยงฟันผุ  เสียวฟัน

ฟันเป็นอวัยวะที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน  ถ้าเรามีฟันที่แข็งแรง เรารับประทานอาหารอร่อยๆ และรับรู้รสชาติ มีความสุขกับการเคี้ยวอาหาร  แต่หากเรามีฟันที่ไม่แข็งแรง  ความสุขในการกินก็จะลดลง เนื่องจากกินอาหารได้บางอย่างและมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง  การดูแลฟันจึงไม่เพียงแต่แปรงฟันเช้าเย็นเท่านั้น  เรายังต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟันเสื่อมสภาพ หรือไม่แข็งแรง   คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ว่าพฤติกรรมใดที่มีความเสี่ยงกับฟันผุ  เสียวฟัน เรามาดูว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง  เพื่อให้ฟันคงอยู่กับเราไปได้นานๆ

 

วิธีป้องกันฟันผุ เสียวฟัน

  1. แปรงฟันแรง

การแปรงฟันแรงหรือแปรงฟันบ่อยเกินไป ทำให้เกิดการสึกกร่อนตรงช่วงคอฟัน เป็นสาเหตุของอาการเหงือกอักเสบ หรือเหงือกร่นได้

 

  1. ใช้ฟันเปิดเป็นตัวเปิดภาชนะ

การใช้ฟันฉีกซองพลาสติก เปิดถุง  เปิดฝาขวดน้ำอัดลม หรือแกะผลิตภัณฑ์ต่างๆ  โดยคิดว่าสะดวกและรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ฟันในทางที่ผิด อาจทำให้ฟันแตก ร้าว บิ่น หรือเสียรูปได้

 

  1. เคี้ยวน้ำแข็ง

เมืองร้อนแบบบ้านเราทำให้คนส่วนใหญ่เวลาดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มจะมีการใส่น้ำแข็งลงไปด้วย  ซึ่งบางคนชอบอมและกัดก้อนน้ำแข็งเพื่อลิ้มรสความเย็นชื่นใจ   รู้สึกมันหรือชอบเสียงการเคี้ยวน้ำแข็ง  แต่รู้หรือไม่ว่า การเคี้ยวหรือกัดน้ำแข็งแรงๆ  อาจทำให้ฟันร้าว แตก หรือบิ่นได้    ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวน้ำแข็ง เพื่อให้สุขภาพฟันแข็งแรง

 

  1. การกัดเล็บ

การกัดเล็บไม่เพียงแต่ทำให้เสียบุคลิกภาพ  ไม่สวยงาม และยังเสี่ยงต่อเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านแผลเล็กๆ ในซอกเล็บ เนื่องจากการกัดเล็บทำให้เล็บกุด หรือสั้นเกินไป  แต่รู้หรือไม่ว่า  การกัดเล็บเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันสึกกร่อนได้  และหากสึกกร่อนมากๆๆ อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้   

 

  1. รับประทานขนม หรืออาหารที่มีรสหวานจัด

ขนมหวาน และอาหารที่มีรสหวาน มีส่วนประกอบพวกน้ำตาล หรือแป้งสูง  เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอาการฟันผุได้

 

  1. รับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด

อาหารที่มี รสเปรี้ยว ส่วนใหญ่มีฤทธิ์เป็นกรด   ดังนั้นไม่ว่าอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดไม่ว่าจะจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์  เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ผิวเคลือบฟันบางลง  อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟัน หรือฟันผุได้

 

  1. การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ

การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ นอกจากทำให้อ้วนแล้ว  ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน และฟันผุ  เพราะในน้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็นกรด  ทำให้เกิดการสูญเสียผิวเคลือบฟัน

 

  1. การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่นอกจากก่อความรำคาญให้กับคนรอบข้างแล้ว  คราบบุหรี่ที่เป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลอาจติดแน่นบนตัวฟัน  ต้องใช้เวลาในการขัดออก  ผู้ที่สูบบุหรี่มักจะเป็นโรคปริทนต์(เหงือกอักเสบ)  ถ้าหากโรคลุกลามอาจทำให้สูญเสียฟันได้

 

เราจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อฟันผุ และเสียวฟัน เพื่อให้ฟันสามารถอยู่กับเราไปได้นานๆ

 

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#covid19 #คลินิกทันตกรรม #BPDC

ฟันน้ำนมผุ กับการทำฟันสำหรับเด็ก

ฟันน้ำนมผุ กับการทำฟันสำหรับเด็ก

ฟันน้ำนมผุ กับการทำฟันสำหรับเด็ก

 

ฟันน้ำนม

ฟันน้ำนม คือ ฟันชุดแรกที่มีทั้งหมดประมาณ 20 ซี่ โดยเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 6 เดือน ฟันน้ำนมซี่แรกจะเริ่มขึ้นและทยอยขึ้นมาจนครบทั้ง 20 ซี่ ฟันน้ำนมนั้นจะคงอยู่กับเด็กไปจนเด็กอายุประมาณ 6 ปี หลังจากนั้น ฟันน้ำนมก็จะเริ่มทยอยหลุดออกและมีฟันแท้ขึ้นมาทดแทน แต่ในช่วงระหว่างที่เด็กๆ ต้องใช้งานฟันน้ำนมอยู่นี้ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี ก็จะทำให้เกิดปัญหาฟันผุได้นั่นเอง

 

ปัญหาฟันน้ำนมผุ

การที่เด็กต้องประสบกับปัญหาฟันผุนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุส่วนใหญ่นั้นมักเกิดจากการดูแลของผู้ปกครองเป็นสำคัญ เรามักพบปัญหาฟันผุในเด็กที่ถูกปล่อยให้นอนหลับคาขวดนม ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะทำให้น้ำตาลในนมสะสมและเข้าทำลายเคลือบฟันไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นฟันผุ นอกจากนี้ เด็กๆ ที่ชอบรับประทานขนมหวานต่างๆ แล้วดูแลฟันไม่ดีหรือแปรงฟันไม่สะอาดพอ ก็เป็นอีกตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดฟันผุเช่นกัน

 

อาการของฟันผุ

ฟันผุระยะแรก – ฟันจะมีสีเป็นขาวขุ่น ผิวฟันไม่เรียบ

ฟันผุที่เนื้อฟัน – เนื้อฟันเกิดรอยผุเป็นรู และอาจมีอาการเสียวฟัน ปวดฟันร่วมด้วย

ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน – หากปล่อยให้ฟันผุจนถึงระยะนี้ จะมีอาการปวดฟันและการอักเสบของเหงือกร่วมด้วย

 

การรักษาฟันน้ำนมผุ

ทันตแพทย์จะรักษาฟันน้ำนมผุโดยเริ่มจากการประเมินระยะของโรค และประเมินความเสียหายของเนื้อฟัน หากบุตรหลานของท่านมีปัญหาฟันน้ำนมผุในระยะเริ่มต้น คุณหมอจะจัดการทำฟันและรักษาด้วยการอุดฟันหรือครอบฟัน แต่หากฟันผุทะลุถึงโพรงประสาทฟันแล้วจะต้องทำการรักษาด้วยการรักษารากฟัน

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราอยากแนะนำว่า การเก็บรักษาฟันน้ำนมไว้ใช้จนถึงระยะเวลาที่ฟันแท้ขึ้นมาทดแทนนั้นจะดีที่สุด เพราะจะช่วยลดปัญหาฟันซ้อนและปัญหาฟันล้มในอนาคตได้ดีที่สุดนั่นเอง

—————————————————————————————————————-

ติดต่อคลินิกทันตกรรม บางพลี
จัดฟัน รากฟันเทียม ทำฟันเด็ก เคลือบฟัน ทำฟันประกันสังคม
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรมบางพลี BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)