How to วิธีเลือกประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับตัวคุณ

How to วิธีเลือกประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับตัวคุณ

How to วิธีเลือกประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับตัวคุณ

คำโบราณกล่าวว่า “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” คงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยกันใช่ไหมคะ เพราะไม่ใช่แค่ร่างกายของเราที่เสีย แต่เรายังต้องเสียเงินจำนวนมากในการรักษา ทุกครั้งที่ไปหาหมอ โรงพยาบาลมักถามว่า “มีประกันสุขภาพหรือเปล่า” หากใครไม่มี ก็จะต้องจ่ายแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นหากใครยังไม่มีประกันและอยากจะซื้อประกันเพื่อลดความเสี่ยง เรามีวิธีเลือกประกันสุขภาพมาฝากกัน

ปัจจัยในการเลือกประกันสุขภาพ

โดยทั่วไปแล้วประกันสุขภาพจะเป็นเบี้ยทิ้ง ที่เราซื้อเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งด้านสุขภาพและการเงิน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ตอนนี้คุณยังสุขภาพดี แต่วันดีคืนดีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ป่วยขึ้นมา คุณอาจจะต้องเสียเงินที่หามาทั้งชีวิตไปกับค่ารักษาพยาบาล หากใครกำลังจะซื้อ ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้

1. เบี้ยประกัน

เพราะเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร หลายครั้งคนที่ทำประกันสุขภาพ มักจะถามก่อนเลยว่า “ค่าเบี้ยเท่าไหร่” แน่นอนว่าเบี้ยประกันจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามเพศและช่วงอายุ เช่น เบี้ยประกันเด็กและผู้สูงอายุ จะมีค่าเบี้ยที่สูงเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรค ยังรวมไปถึงอาชีพ (อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงก็จะแพงหน่อย) สุขภาพ รวมไปถึงการดำเนินชีวิต ซึ่งเบี้ยประกันสุขภาพควรจ่ายไม่เกิน 10-15% ของรายได้รวมทั้งปี อย่าลืมว่าเบี้ยประกันอาจมีการปรับขึ้นทุก ๆ ปี

2. วงเงินคุ้มครอง

โดยทั่วไปในประกันสุขภาพจะมีวงเงินคุ้มครองอยู่ 2 แบบ ได้แก่ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดต่อปี (เหมาจ่าย) แบบนี้จะจ่ายไม่อั้นเท่าที่วงเงินคุ้มครอง กับ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดต่อครั้งต่อโรค แบบนี้จะกำหนดวงเงินรักษาต่อครั้ง ขึ้นชื่อว่าความเจ็บป่วยก็คาดเดายาก การทำประกันสุขภาพ คุณจึงควรคิดถึงกรณีร้ายเเรงที่สุดเพื่อคาดการณ์ได้ว่า ประกันสุขภาพต้องมีเงินคุ้มครองเท่าไหร่ ถึงจะครอบคลุมค่ารักษาของคุณทั้งหมด เพราะถ้าค่ารักษาไม่ครอบคลุม คุณจะต้องจ่ายส่วนต่างอีกด้วย

3. การคุ้มครอง

การเจ็บป่วยแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากมาย เช่น ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ ค่าพยาบาล ฯลฯ คุณจึงต้องเลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ในกรณีที่คุณไม่มีสวัสดิการใดๆ เลย แต่ถ้าคุณมีสวัสดิการที่ทำงานหรือประกันสังคม อาจจะเลือกแค่ค่า IPD ก็ได้ค่ะ ส่วนการเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ให้สิทธิรักษาอื่น ๆ รับไป

4. กระแสเงินสดของคุณเอง

ด้วยความที่เมื่ออายุมากขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพจะเพิ่มมากขึ้นทุกปีตามความเสี่ยง ดังนั้นคุณจะต้องแน่ใจว่าคุณจะมีเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพได้โดยไม่เดือดร้อน ซึ่งเงินที่นำมาจ่ายจะต้องไม่ไปกระทบกับค่าใช้จ่ายหลักของคุณ เพราะประกันสุขภาพเหมือนเป็นการซื้อความอุ่นใจด้านสุขภาพในอนาคต จึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อเงินในปัจจุบัน

5. โรงพยาบาลคู่สัญญา

คุณจะต้องเช็คให้ดีว่าประกันสุขภาพที่คุณทำไปนั้น มีโรงพยาบาลคู่สัญญาที่อยู่ใกล้บ้านของคุณหรือไม่ นอกจากนี้ ความสำคัญในการเข้าโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญา คุณสามารถใช้สิทธิรักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนนั่นเอง

6. อายุสูงสุดที่บริษัทจะต่ออายุกรมธรรม์

ปกติแล้วประกันสุขภาพจะต่ออายุแบบปีต่อปี โดยความเสี่ยงอยู่ที่การเคลมค่ารักษาพยาบาลในปีกรมธรรม์
นั้น ๆ หากปีนั้นมีการเคลมมาก ทางประกันอาจจะปฏิเสธ พิจารณาไม่ต่ออายุกรมธรรม์ได้ หรือในรายที่ปกปิดประวัติสุขภาพ ดังนั้นจึงควรเลือกประกันสุขภาพที่มีการการันตีการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ถ้าเราเป็นโรคร้ายที่ต้องรักษาต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายสูงจะสามารถเบิกเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ตลอดระยะเวลาการรักษา โดยไม่ถูกประกันบอกเลิกสัญญาในปีต่ออายุและได้รับการต่ออายุในระยะยาว

หากใครที่กำลังจะซื้อประกันสุขภาพ ก็อย่าลืมที่จะพิจารณาปัจจัยข้างต้นนี้ เพื่อให้ได้ประกันที่คุ้มค่าและไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋า

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัสดุอุดฟันหลุด พร้อมคำแนะนำในการแก้ไข

หากใครที่เคยฟันผุและอุดฟันมาก่อน คงจะรู้ว่าวัสดุในการอุดฟันแต่ละชนิดนั้นมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ไม่สามารถทนต่อแรงขบกัดที่รุนแรงได้ ส่งผลให้วัสดุอุดฟันหลุด ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่บางคนก็มาพร้อมอาการมากมาย โดยหลายคนก็ขยาดที่จะกลับไปหาทันตแพทย์ จนสงสัยว่าถ้าปล่อยให้วัสดุอุดฟันหลุดไปเรื่อย ๆ จะส่งผลอะไรบ้างไหม เรามีคำตอบมาฝาก พร้อมคำแนะนำดี ๆ ค่ะ

ทำความรู้จักวัสดุอุดฟัน

วัสดุอุดฟัน คือวัสดุที่จะมาเติมเต็มเนื้อฟันที่หายไปภาวะฟันผุ เพื่อให้ฟันนั้นคงมีรูปร่างเหมือนเดิม แข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ โดยวัสดุอุดฟันจะใช้ได้แค่เพียงในเคสที่ฟันผุไม่มาก ยังไม่ลุกลามไปจนถึงโพรงประสาทฟัน นั่นหมายความว่าส่วนของเนื้อฟันจะต้องมีพื้นที่หรือมีเนื้อฟันที่มากพอจะยึดกับวัสดุอุดฟันได้

ประเภทของวัสดุอุดฟัน

ปัจจุบันวัสดุอุดฟันมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละประเภทนั้นมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • วัสดุอุดฟันแบบสีโลหะ : เช่น อมัลกัม เหมากับการใช้อุดฟันในส่วนที่ต้องรับแรงขบเคี้ยว เช่น ฟันกราม ข้อดีของวัสดุชนิดนี้ คือมีความแข็งแรงคงทน แต่ดูไม่สวยงาม
  • วัสดุอุดฟันสีเดียวกับฟัน : Composite Resin, Glass ionomer Cement ใช้สำหรับอุดฟันหน้า และได้พัฒนาให้สามารถอุดฟันกรามได้ในบางกรณี

สาเหตุที่ทำให้วัสดุอุดฟันหลุด

  • การเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวจนเกินไป
  • ละเลยการทำความสะอาดช่องปากและฟัน
  • การเสื่อมสภาพของวัสดุอุดฟัน โดยส่วนมากวัสดุอุดฟันจะอยู่ได้นาน 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละคน จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมั่นพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าวัสดุอุดฟันหลุด ปล่อยไว้จะอันตรายไหม?

เราจะต้องแยกออกมาเป็น 2 กรณี คือ มีอาการและไม่มีอาการ ซึ่งแน่นอนว่าหากมีอาการย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเรา

  • มีอาการ : อาการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะปวดฟัน เสียวฟัน ล้วนสามารถเกิดขึ้นได้ หากยังไม่สะดวกสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้น ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ทานพาราเซตามอลเพื่อลดอาการปวด หากเสียวฟัน พยายามลดอาหารที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเสียวฟัน
  • ไม่มีอาการ : แม้ว่าวัสดุอุดฟันหลุด แต่คุณไม่มีอาการ แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นะคะ เพราะเศษอาหารอาจจะเข้าไปอุดในบริเวณที่วัสดุอุดฟันหลุดได้ จนเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ภาวะฟันผุลุกลามมากขึ้น

ดังนั้น เมื่อพบว่าวัสดุอุดฟันหลุด ทางที่ดีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากการแตกของวัสดุอาจลุกลามไปถึงเนื้อฟันส่วนที่ดี อาจทำให้มีอาการปวด เสียวฟัน การบาดเจ็บในช่องปากเพราะส่วนที่คมของวัสดุบาด เคี้ยวอาหารลำบากหรือรู้สึกเจ็บเวลาเคี้ยว อีกทั้งยังทำให้ฟันผุลุกลามจนไม่สามารถบูรณะด้วยการอุดฟันได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียฟัน

วิธีป้องกันวัสดุอุดฟันหลุด

หากใครไม่อยากต้องมาลุ้นว่าจะมีอาการปวดหรือเสียวฟันหลังจากที่วัสดุอุดฟันหลุดหรือแตกไหม ทางที่ดีที่สุด ควรระมัดระวังการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความแข็ง กรอบหรือเหนียวมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีอยู่เสมอ ใช้ไหมขัดฟันไปตามซอกฟันและเหงือก อีกทั้ง ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน ที่ BFC Dental ทุกสาขา เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาช่องปาก

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

อาหาร หลัก 5 หมู่ 2022 ยุคใหม่มีอะไรบ้าง

อาหาร หลัก 5 หมู่ 2022 ยุคใหม่มีอะไรบ้าง

อาหาร หลัก 5 หมู่ 2022 ยุคใหม่มีอะไรบ้าง

เข้าสู่ปี 2022 อย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบัน เพราะใน 2 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นปีที่หนักมากสำหรับทุกคน เนื่องจากสถานการณ์ โรคระบาด COVID-19 ส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่ระมัดระวังในการใช้ชีวิต และหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ลดความเสี่ยง และวางรากฐานสุขภาพให้แข็งแรง ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่ต้องการอาหารที่ดีต่อร่างกายแต่ยังต้องการอาหารที่ดีต่อโลกด้วย

การให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันนั้นยังไม่ได้หายไปไหน แต่มันได้เปลี่ยนเป็นเทรนด์ และกลมกลืนไปในชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว ซึ่งแนวโน้มของโรคระบาดที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ส่งผลให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อนมากขึ้น แต่แม้ว่าจะดูแลตัวเองดีแค่ไหนก็มีสิทธิ์ที่จะเจ็บป่วยได้ แต่สิ่งพื้นฐานเลยที่ยังจำเป็นสำหรับทุกคนในยุคนี้ก็คือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. โปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว

อาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ดี ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งถือว่าจำเป็นมากๆในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

  • คาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน

โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ให้หมดไปวันต่อวันจากพลังงานที่ได้จากอาหารหมู่นี้ เช่น ใช้ในการเดิน วิ่ง ออกกำลังกาย หรือการขยับในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาหารหมู่นี้ช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากกินมากเกินกว่าที่ร่างกายจำเป็นก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และก่อให้เกิดโรคอ้วนได้

  • เกลือแร่หรือแร่ธาตุ เช่น พืช ผักชนิดต่างๆ

สารอาหารหมู่นี้มีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรียต่างๆที่จะเข้ามาทำลายร่างกาย มากไปกว่านั้นยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฟัน ผิวพรรณ และยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายให้เป็นไปตามปกติ

  • วิตามิน เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ

แม้ร่างกายจะต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็จำเป็นและขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะหากขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติได้ หรืออาจเกิดโรคได้นั่นเอง

  • ไขมัน เช่น ไขมันจากพืช และสัตว์

สารอาหารหมู่นี้ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยในการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการกระทบ กระเทือนของอวัยวะภายในอีกด้วย

แม้ว่าเราจะดูแลสุขภาพของเราดีแค่ไหน ทั้งออกกำลังกาย ป้องกันตัวเองตามข้อแนะนำต่างๆได้ดีแล้วก็ตาม แต่หากพื้นฐานร่างกายของเราไม่แข็งแรงพอก็อาจทำให้เรามีความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นอาหารหลัก 5 หมู่จึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก โดยในแต่ละวันจึงควรบริโภคให้ครบทุกหมู่ และในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพอเพื่อที่จะต่อสู้กับโรคภัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในปัจจุบัน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

ทำความรู้จักเหล็กดัดฟัน ไอเท็มที่คนจัดฟันควรอ่าน

สมัยนี้ไม่ว่าจะหันไปมองทางไหนก็เจอแต่คนจัดฟัน ซึ่งก่อนหน้านี้เหล็กดัดฟันกลายเป็นกระแสที่ไม่ว่าใครก็อยากจะมีเหล็กดัดฟัน ราวกับเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วเหล็กดัดฟันจัดว่าเป็นไอเท็มหรือเครื่องมือที่สำคัญมาก ๆ สำหรับคนจัดฟัน แต่ใครที่ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน การติดเหล็กดัดฟันอาจจะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ในบทความนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับเหล็กดัดฟันให้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ

เหล็กดัดฟันคืออะไร

ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะ เหล็กดัดฟันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นลวดขนาดเล็กใช้สำหรับปรับการเคลื่อนที่ของฟัน เพื่อแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟัน ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับโครงหน้าให้เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น

เครื่องมือจัดฟันมีกี่แบบ

เครื่องมือจัดฟันหรือเหล็กดัดฟัน โดยทั่วไปจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่

  1. แบบถอดได้

โดยเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้นี้จะมีลักษณะแผ่นพลาสติกเพื่อการจัดฟัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเลี่ยงการสังเกตเห็น ถูกออกแบบโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งมีความแม่นยำสูง ทำให้การเคลื่อนฟันเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทันตแพทย์จะพิจารณาให้จัดได้ในกรณีที่มีปัญหาของฟันไม่มาก คนไข้ที่รับการรักษาด้วยเครื่องมีจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพลาสติกเคลื่อนฟันทุก ๆ 2 อาทิตย์

ข้อดี :

  • สามารถถอดเครื่องมือออกมาทั้งชิ้นเพื่อทำความสะอาด
  • แปรงฟันได้ตามปกติ
  • การดูแลความสะอาด จะทำได้ง่ายกว่าเคื่องมือชนิดติดแน่น

ข้อเสีย :

  • ผู้ที่จัดฟันด้วยเครื่องมือชนิดนี้จะต้องมีวินัยในตัวเองอย่างมาก เพราะการถอดเครื่องมือเข้าออก หรือการไม่ใส่เครื่องมือ จะส่งผลทำให้การจัดฟันไม่ได้ผลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
  • แก้ปัญหาการจัดฟันได้แค่เบื้องต้นและไม่ซับซ้อน
  • การจัดฟันแบบใสจะใช้เวลานานและคนไข้ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยกว่าการจัดฟันติดแน่น เพื่อรับเครื่องมือใหม่

  • แบบติดแน่น

แบบที่สองจะเป็นแบบติดแน่น หรือที่เราเรียกกันว่าเหล็กดัดฟันนั่นเอง จะเป็นเครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น ลักษณะของเครื่องมือจะติดอยู่ที่ผิวฟันอาจเป็นด้านข้างแก้ม (ด้านหน้า) หรือด้านลิ้น วัสดุที่ใช้อาจเป็นโลหะหรือวัสดุสีเหมือนฟันเช่น  เซรามิก หรือพลาสติก โดยหลักการทำงานของเหล็กดัดฟัน คือ ฟันแต่ละซี่ก็เหมือนตู้โบกี้รถไฟ ในช่วงแรก ๆ ที่จัดฟันอาจมีตำแหน่งความสูงต่ำที่ไม่เท่ากัน  เมื่อติดเครื่องมือ (แบร็กเก็ต) ก็จะมีระดับที่ไม่เท่ากัน แล้วทันตแพทย์จะใช้ลวดวางใส่ในร่องของแบร็กเก็ต และมัดไว้ด้วยยางมัดฟัน (o-ring)  ดังนั้นในช่วงแรก ๆ ลวดก็มีลักษณะสูง  ๆ ต่ำ ๆ ไม่เป็นระดับเดียวกัน ซึ่งชนิดของลวดที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนก็จะแตกต่างกัน ต่อมาเมื่อฟันอยู่ในระดับที่เท่า ๆ กันก็จะดึงฟันไปในทิศทางที่กำหนดโดยใช้ยางดึงฟัน ในขั้นตอนนี้อาจต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ที่ทำในการเกี่ยวหรือคล้องยางด้วย

นอกจากเหล็กดัดฟันที่ติดภายนอกแล้ว ยังมีเหล็กดัดฟันที่ติดภายในเพื่อสร้างความสวยงาม เหมือนไม่ได้ใส่เหล็กดัดนั่นเอง อีกทั้งการจัดฟันแบบนี้จะไม่มีผลต่อผิวฟันด้านหน้าที่จะทำให้เกิดรอยด่าง การเคลื่อนที่ของฟัน ใช้กลไกไม่ต่างกับแบบติดเครื่องมือทั่วไปที่จะใช้ลวดในการจัดให้ฟันเรียงตัว แต่เครื่องมือที่ใช้ค่อนข้างละเอียดกว่า ต้องออกแบบมาให้เข้ากับผิวฟันด้านหลัง ซึ่งมีความหยาบและช่วงโค้งงอไม่เหมือนฟันด้านหน้า การติดเครื่องมือต้องใช้เทคนิคพิเศษทั้งการออกแบบและแผนการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อน จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะ จึงพบเห็นไม่แพร่หลายนัก

เหล็กดัดฟันยังคงเป็นไอเท็มที่จำเป็นสำหรับคนจัดฟัน ซึ่งผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทันตแพทย์เพียงฝ่าย หากแต่ขึ้นอยู่กับผู้ที่ทำด้วยว่าจะมีวินัยในการดูแลสุขภาพช่องปากมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเมื่อมีเหล็กดัดฟันติดอยู่ การทำความสะอาดฟันก็จะเป็นได้ยากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแลให้มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน ติดเหล็กดัดฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #จัดฟัน #เหล็กดัดฟัน

วีเนียร์ นวัตกรรมคืนความสวยให้กับฟัน

วีเนียร์ นวัตกรรมคืนความสวยให้กับฟัน สร้างรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

วีเนียร์ นวัตกรรมคืนความสวยให้กับฟัน สร้างรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

สิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นก่อนที่จะได้คุยกัน ก็ต้องเป็น “รอยยิ้ม” ยิ่งหากใครมีฟันที่ขาว เรียบ เป็นระเบียบ ยิ่งสร้างความประทับใจแรกเห็นได้ไม่ยาก แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากจะมีฟันที่ทั้งขาวสวยกันทั้งนั้น หากเป็นสมัยก่อน ใครฟันไม่สวยก็ต้องอดทน ไม่กล้ายิ้มเยอะ แต่ปัจจุบันนี้มีนวัตกรรมคืนความสวยให้กับฟัน ที่เราเรียกว่า “วีเนียร์” เราจะมาทำความรู้จักกับนวัตกรรมที่ว่านี้กัน ใครที่อยากมีรอยยิ้มพิมพ์ใจต้องห้ามพลาดกับบทความนี้

วีเนียร์คืออะไร

วีเนียร์ หรือ เคลือบฟันเทียม คือวิธีการทำเคลือบฟันเทียม เป็นแผ่นบาง ๆ ทำจาก composite หรือ ceramic  ถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาและลักษณะคล้ายกับเคลือบฟันธรรมชาติที่มีสีและรูปร่างใกล้เคียงกับฟัน โดยจะติดบริเวณด้านหน้าของฟัน แนบสนิทกับผิวหน้าฟันได้อย่างพอดี เป็นหนึ่งตัวช่วยที่สามารถแก้ความบกพร่องของฟันให้กลับมาสวยงาม อีกทั้งยังช่วยเคลือบฟันขาวและแก้ไขการเรียงตัวของฟัน และปิดช่องว่างระหว่างฟันได้อีกด้วย

วีเนียร์เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาฟันดำ ฟันคล้ำ ฟันเหลือง ทำให้ไม่สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการสบฟัน ทำให้มีปัญหาการบดเคี้ยว หรือการพูด
  • ผู้ที่มีปัญหาฟันห่าง ทำให้มีปัญหาการเคี้ยว เศษอาหารตกลงไปในร่องฟัน

วีเนียร์แก้ปัญหาแบบใดได้บ้าง

  • ฟันห่าง ทำให้ขาดความมั่นใจ และมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร ทำให้เศษอาหารติดตามร่องฟัน ส่งผลให้มีปัญหาฟันผุ และปัญหากลิ่นปาก มีช่องว่างระหว่างฟันที่ต้องการจะปิด (นั่นแปลว่าผู้ที่ไม่ต้องการจัดฟันสามารถใช้วิธีนี้ได้)
  • ฟันเล็ก  ฟันกระต่าย ปลายฟันไม่เท่ากันฟัน ไม่สวยงามที่เกิดจากการกัดของแข็ง ฟันบิ่น ฟันแตกหรืออายุที่มากขึ้น ทำให้ขาดความมั่นใจ
  • ฟันตกกระ ผิวฟันไม่เรียบ สีฟันจาก tetracycline ที่เป็นจุดสีขาว
  • ปรับปรุงผิวหน้าฟันให้ดูฟันเหยินน้อยลง

วีเนียร์มีกี่แบบ ควรเลือกแบบไหนที่จะเหมาะสมกับตัวเราที่สุด

ประเภทของวีเนียร์จะแบ่งตามวัสดุที่นำมาทำ ซึ่งมีทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้

  1. คอมโพสิตวีเนียร์ (Composite Veneer)

ทำจากวัสดุชนิดเดียวกับที่ทันตแพทย์ใช้อุดฟัน สามารถอุดแต่งโดยตรงได้ทางคลินิก ทำโดยทันตแพทย์ในวันเดียวเสร็จ ซึ่งแบบนี้จะเป็นการนำเรซินคอมโพสิตมาขึ้นรูปทรงที่ต้องการเเล้วทำให้แข็งตัวด้วยเเสง และขัดให้เรียบเเละเเต่งให้เป็นรูปร่างของฟัน เพื่อสร้างผิวฟันใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ปิดทับพื้นผิวเก่าที่อาจสึกหรอเสียหายหรือมีสีไม่สวยงาม ข้อจำกัดของวีเนียร์แบบนี้คือ แตกง่าย สึกกร่อนง่าย จึงใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งยังมีการเสื่อมสภาพเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้อีกด้วย

  • พอร์ซเลน วีเนียร์ (Porcelain Veneer)

วัสดุเซรามิกชนิดที่ใช้ทางการแพทย์ เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่าคอมโพสิต มีความแข็งแรง สีใสสวยงาม ความแข็งผิวสูง ผิวมันวาว สึกกร่อนน้อย ทำให้มีความสวยงามในระยะยาว สามารถทำได้โดยวิธี Indirect technic เท่านั้น เป็นวัสดุที่นิยมมากที่สุดในการทำวีเนียร์ ซึ่งปัจจุบัน ถูกจัดเตรียมและออกแบบ ในห้องเเล็ป มีการสแกนโดยใช้กล้อง 3 มิติแสดงโครงหน้า และรอยยิ้มของคนไข้ในแบบดิจิทัล เพื่อทำการออกแบบตามสีและขนาดที่ต้องการผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคนไข้แต่ละราย ในระหว่างขั้นตอนการเตรียมฟันทันตแพทย์จะต้องเผื่อพื้นที่สำหรับการการติดแผ่นวีเนียร์เพื่อลดด้านหน้าและขอบของฟันแต่ละซี่

นับว่าเป็นโชคดีของคนยุคนี้นะคะ ที่แม้ฟันจะมีปัญหา ก็สามารถจัดการได้ด้วยนวัตกรรมอย่างวีเนียร์ ที่พร้อมจะเนรมิตฟันที่ขาว เรียบเนียน ปิดช่องว่างให้ฟันมีความสวยงามและยิ้มได้อย่างมั่นใจ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน เคลือบฟันเทียม วีเนียร์
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#วีเนียร์ #เคลือบฟันเทียม #เคลือบฟัน

วัคซีนทางเลือกคืออะไร

วัคซีนทางเลือกคืออะไร อัพเดทวัคซีนล่าสุดมีอะไรบ้าง

วัคซีนทางเลือกคืออะไร อัพเดทวัคซีนล่าสุดมีอะไรบ้าง

ด้วยสถานการณ์โควิดที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง มีแต่จะเกิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ มาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ นั่นจึงทำให้การฉีดวัคซีนต้องมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละตัวก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในวัคซีนที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาในเรื่องประสิทธิภาพที่ดีก็คือ “วัคซีนทางเลือก” เป็นวัคซีนที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง เราจะไปทำความรู้จักกับวัคซีนที่ว่านี้กันค่ะ พร้อมอัปเดตวัคซีนล่าสุดว่าตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนอะไรกันไปบ้างแล้ว

วัคซีนล่าสุดที่ทางองค์การอาหารและยา (อย.) อนุมัติในไทย

ก่อนอื่นเลยเราจะต้องมาดูกันก่อนว่ามีวัคซีนอะไรบ้างที่ทางอย.อนุมัติให้ใช้ได้ในไทย ซึ่งปัจจุบันจะมีด้วยกัน 6 ชนิด ได้แก่

  • ซิโนแวค (Sinovac) ผลิตโดยบริษัท ซิโนแวค (จีน)
  • จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson & Johnson) โดยบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (สหรัฐ)
  • ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) โดยบริษัท ซิโนฟาร์ม (จีน)
  • แอสตร้าเซนเนกา (AstraZeneca) ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาร่วมกับ ม.อ็อกซ์ฟอร์ด

(สวีเดน-อังกฤษ)

  • ไฟเซอร์ (Pfizer) โดยบริษัท ไฟเซอร์ (สหรัฐ)
  • โมเดอร์นา (Moderna) โดยบริษัท โมเดอร์นา (สหรัฐ)

โดยปัจจุบันทางภาครัฐได้เปิดให้ฉีดวัคซีนฟรีซึ่งใช้เป็นวัคซีนหลักมีอยู่ 2 ตัว ได้แก่ ไฟเซอร์และ
แอสตร้าเซนเนกา ซึ่งสำหรับไฟเซอร์นั้นจากเดิมที่เว้นระยะห่างที่ 6 เดือน ให้ขยับขึ้นมาเป็น 3 เดือน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โควิดในปัจจุบันที่ยังคงมีการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง

วัคซีนทางเลือกคืออะไร

วัคซีนทางเลือกคือวัคซีนที่ทางรัฐบาลได้มีการอนุญาติให้โรงพยาบาลเอกชนเป็นผู้นำเข้า หรือจัดซื้อผ่านทางองค์การเภสัชกรรม ให้ประชาชนทั่วประเทศมีตัวเลือกสำหรับวัคซีนที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีการเสียค่าใช้จ่ายของวัคซีนแต่ละชนิดที่มีการนำเข้าตามเงื่อนไขและราคากลางที่กำหนด โดยวัคซีนทางเลือกแต่ละชนิดต้องได้รับอนุมัติการขอขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทยกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งได้แก่

  • โมเดอร์นา (Moderna)

โมเดอร์นาเป็นวัคซีนทางเลือกที่เปิดให้จองผ่านระบบโรงพยาบาลเอกชนส่วนหนึ่ง เช่น โรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลวิภาวดี ฯลฯ โดยมีการกำหนดราคาตามข้อกำหนดของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนอยู่ที่ 1,650 บาทต่อเข็ม และมีอีกส่วนที่เป็นโควตาของโรงพยาบาลรัฐ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช

  • ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)

ซิโนฟาร์มเป้นวัคซีนทางเลือกที่เปิดให้บริการในช่วงแรก ๆ ของการนำเข้าวัคซีน โดยมีการเปิดจองผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนในการจัดซื้อในนามรัฐ กับทางผู้ผลิตและนำเข้ามา ดยมีข้อกำหนดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)

ก่อนหน้านี้วัคซีนทางเลือกเป็นตัวเลือกที่ต้องรอคอยการนำเข้าเป็นระยะเวลานาน แต่ในปัจจุบันมีจำนวนเพียงพอที่สามารถติดต่อขอซื้อได้จากทางโรงพยาบาลที่นำเข้าได้เลย โดยไม่ต้องจอง ซึ่งในสถานพยาบาลบางแห่งสามารถติดต่อ walk in เพื่อเข้ารับการฉีดได้ทันที

วัคซีนทางเลือกนั้น โดยเฉพาะโมเดอร์นาจัดว่าเป็นวัคซีนชนิด mRNA-1273  ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของพันธุกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดโรค จะมีส่วนช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนที่เฉพาะเจาะจงกับไวรัสขึ้นมา และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ (Antibodies) แอนติบอดี้นี้จะรับรู้ได้เมื่อมีไวรัสเข้าสู่ร่างกาย จึงทำลายไวรัสได้ในที่สุด ซึ่งจะมีความแตกต่างจากวัคซีนทั่วไปที่เป็นเชื้อตาย อีกทั้งประสิทธิภาพในการป้องกันการติดโรคมากถึง 94.1% ในบุคคลทั่วไป และป้องกันการติดโรคได้ 86.4% ในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ลดความรุนแรงของโรคได้ 100% ซึ่งผลข้างเคียงอาจจะมีได้มากกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ

นับว่าวัคซีนทางเลือกเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ ในเรื่องของประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโมเดอร์นา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็สามารถหาได้ง่ายขึ้นกว่าช่วงแรก ๆ มีทั้งวัคซีนฟรีจากทางภาครัฐและวัคซีนจากทางโรงพยาบาลเอกชน

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #ทันตกรรม