การจัดฟันคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ

การจัดฟันคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ

จัดฟัน คืออะไร? ทำไมใครๆ ถึงฮิตกัน?

จัดฟัน คือการรักษาทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันสบลึก หรือฟันสบเปิด โดยใช้เครื่องมือจัดฟัน ทั้งแบบติดแน่นและถอดได้ เพื่อค่อยๆ เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ส่งผลให้ฟันเรียงตัวสวยงาม สบฟันได้ถูกต้อง และช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่มั่นใจ

1. การจัดฟันคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ

“จัดฟัน” ในทางทันตกรรมหมายถึง กระบวนการแก้ไขการเรียงตัวของฟันและขากรรไกรที่มีความผิดปกติ เช่น ฟันเก ฟันซ้อน ฟันยื่น หรือมีปัญหาสบฟันผิดตำแหน่ง จนก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านความงามและสุขภาพ ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการจัดฟันไม่ได้มีแค่เพื่อความสวยงามของรอยยิ้มเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้รับการรักษาสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาเหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือตำแหน่งขากรรไกรผิดปกติที่อาจสร้างปัญหาบานปลายในระยะยาว

  • ช่วยเสริมบุคลิกภาพ: การมีฟันเรียงสวยจะส่งผลต่อความมั่นใจในการยิ้ม การพูด และการพบปะผู้คนรอบข้าง
  • ลดปัญหาสุขภาพช่องปาก: ฟันที่เรียงตัวผิดปกติมักทำความสะอาดยาก ส่งผลให้เกิดคราบหินปูน ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบได้ง่าย
  • ป้องกันปัญหาขากรรไกร: การสบฟันที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่การปวดขากรรไกร หรือปัญหากรามเสื่อมสภาพในอนาคต
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหาร: เมื่อฟันเรียงตัวดีขึ้น อาหารก็ถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยลดภาระของระบบย่อยอาหารได้

เพราะเหตุนี้เอง หลายคนจึงตัดสินใจลงทุนเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อจัดฟัน และเมื่อเสร็จสิ้นการรักษา มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรอยยิ้ม แต่ยังเปลี่ยนความมั่นใจและคุณภาพชีวิตอีกด้วย

2. ประเภทของการจัดฟันที่ควรรู้

การจัดฟันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ ความต้องการของผู้รับการรักษา และความเหมาะสมของสภาพฟันแต่ละบุคคล การรู้จักตัวเลือกที่หลากหลายจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและตรงตามความต้องการมากที่สุด

2.1 การจัดฟันโลหะ (Metal Braces)

  • ลักษณะ: การติดเครื่องมือจัดฟันโลหะไว้ที่ผิวหน้าของฟัน แล้วใช้ยางรัดเพื่อเคลื่อนฟันไปในทิศทางที่ต้องการ
  • ข้อดี: มีราคาถูกกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่น ๆ หาอุปกรณ์ซ่อมแซมง่าย ทนทาน และเห็นผลการเคลื่อนฟันชัดเจน
  • ข้อจำกัด: อาจดูสะดุดตาและทำให้ผู้ใส่ขาดความมั่นใจในช่วงแรก ๆ อีกทั้งต้องระวังการรับประทานอาหารประเภทเหนียวหรือแข็งมากเกินไป

2.2 การจัดฟันแบบดามอน (Damon System)

  • ลักษณะ: ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Self-ligating Braces ซึ่งไม่ต้องใช้ยางรัด ช่วยลดแรงเสียดทานและความระคายเคือง
  • ข้อดี: การเคลื่อนฟันทำได้รวดเร็วกว่า อาจลดระยะเวลาการรักษาลงเมื่อเทียบกับการจัดฟันโลหะทั่วไป
  • ข้อจำกัด: มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และหากเกิดปัญหาขณะใส่อาจต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการแก้ไข

2.3 การจัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces)

  • ลักษณะ: แป้นติดฟันทำจากวัสดุสีขาวขุ่นหรือโปร่งแสง กลมกลืนกับสีฟัน ทำให้ดูสวยงามกว่าโลหะ
  • ข้อดี: ช่วยลดความโดดเด่นของเครื่องมือ เหมาะกับคนที่ใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์
  • ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่าโลหะ อาจเกิดคราบเหลืองได้ง่ายหากทำความสะอาดไม่ดี และยังต้องระวังอาหารที่มีสีจัด

2.4 การจัดฟันแบบใส (Clear Aligner)

  • ลักษณะ: การพิมพ์แบบจำลองฟันด้วย 3D Scanner แล้วออกแบบชุดเครื่องมือพลาสติกใสเพื่อครอบฟันเป็นระยะ
  • ข้อดี: โปร่งใส สังเกตได้ยาก ถอดออกได้เวลาแปรงฟันและรับประทานอาหาร จึงดูแลรักษาง่ายและไม่ขาดความมั่นใจ
  • ข้อจำกัด: ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เหมาะกับเคสที่มีความซับซ้อนมาก

2.5 การจัดฟันด้านใน (Lingual Braces)

  • ลักษณะ: ติดเครื่องมือจัดฟันไว้ด้านในของฟัน ทำให้มองไม่เห็นจากภายนอก
  • ข้อดี: แทบไม่มีใครสังเกตว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาภาพลักษณ์ระดับสูง เช่น ในสายงานที่ต้องพบลูกค้าบ่อย ๆ
  • ข้อจำกัด: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันทั่วไป ค่อนข้างติดยาก และต้องอาศัยทักษะเฉพาะของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การเลือกประเภทการจัดฟันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพฟัน งบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการด้านความสวยงาม ซึ่งควรปรึกษาทันตแพทย์และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละรูปแบบอย่างละเอียด

3. เหตุผลที่ควรตัดสินใจจัดฟัน

  1. รอยยิ้มที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
    หลายคนรู้สึกว่าระหว่างและหลังการจัดฟัน รูปลักษณ์ใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เพราะเมื่อฟันเรียงตัวสวย ความมั่นใจในการยิ้มก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  2. เสริมความมั่นใจในการทำงาน
    ในหลายสายงาน เช่น งานบริการ งานขาย หรืองานที่ต้องพบปะผู้คน การมีฟันเรียงสวยนับเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่ดี และสร้างความประทับใจแรกที่แข็งแกร่ง
  3. ปรับการสบฟันให้ถูกต้อง
    การสบฟันที่ดีช่วยลดภาระการเคี้ยว ลดปัญหาขากรรไกรที่อาจนำไปสู่การปวดกรามหรือปวดหัวเรื้อรัง
  4. รักษาสุขภาพช่องปากได้ง่ายขึ้น
    ฟันที่เรียงตัวเหมาะสมจะทำความสะอาดง่าย ลดโอกาสเกิดฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือหินปูนสะสม นำไปสู่สุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว
  5. เป็นการลงทุนด้านสุขภาพและความสุข
    แม้ว่าการจัดฟันอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

4. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มจัดฟัน

การจัดฟันเป็นกระบวนการรักษาที่ต้องใช้เวลาและมีรายละเอียดค่อนข้างมาก หากเตรียมตัวดีตั้งแต่แรก ย่อมทำให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น และลดโอกาสเกิดปัญหาในระหว่างทาง

  1. ตรวจสุขภาพช่องปากเบื้องต้น
    หากมีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือหินปูนสะสม ควรรักษาให้เรียบร้อยก่อน เพราะปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจัดฟัน
  2. ปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    แต่ละคนมีสภาพฟันและโครงสร้างขากรรไกรที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านจัดฟันเพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด
  3. ตรวจสอบประวัติสุขภาพทั่วไป
    หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาด้านหัวใจ ควรแจ้งทันตแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา เพื่อปรับแผนดูแลให้เหมาะสม
  4. เตรียมงบประมาณ
    ควรสอบถามรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด วางแผนด้านการเงินให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งชำระเป็นงวด ๆ หรือมองหาแพ็กเกจพิเศษจากคลินิก
  5. ทำความเข้าใจขั้นตอน
    การจัดฟันต้องมีการนัดปรับลวดหรือเปลี่ยนเครื่องมือเป็นระยะ จึงควรเข้าใจว่าควรพบแพทย์บ่อยแค่ไหน และจะต้องดูแลตัวเองอย่างไรในช่วงที่จัดฟันอยู่

5. ขั้นตอนการจัดฟันตั้งแต่ต้นจนจบ

เพื่อให้เข้าใจกระบวนการจัดฟันได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้างที่คุณจะต้องเจอ เมื่อเข้าสู่กระบวนการจัดฟัน

  1. วินิจฉัยและวางแผน
    ทันตแพทย์จะเริ่มต้นด้วยการเอ็กซเรย์ฟัน สแกน หรือพิมพ์ปาก เพื่อประเมินโครงสร้างฟันและขากรรไกร จากนั้นวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  2. เตรียมความพร้อมของฟัน
    ถ้ามีฟันคุดหรือฟันผุ ต้องรักษาหรือถอนก่อน บางครั้งต้องแยกถอนฟันบางซี่เพื่อเว้นที่ให้ฟันที่เกหรือซ้อนเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
  3. ติดเครื่องมือจัดฟัน
    ขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องมือ เช่น ถ้าเป็นโลหะหรือเซรามิก ทันตแพทย์จะติดแป้นลงบนฟันแต่ละซี่ แล้วร้อยลวดเพื่อควบคุมการเคลื่อนฟัน ส่วนถ้าเป็นแบบใส (Clear Aligner) ก็จะได้ชุดเครื่องมือถอดใส่มา
  4. นัดปรับเครื่องมือสม่ำเสมอ
    ในกรณีจัดฟันโลหะหรือเซรามิก ต้องนัดพบคุณหมอทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อปรับแรงดึงของลวด ขณะที่การจัดฟันใสต้องเปลี่ยนชุด Aligner ตามกำหนด
  5. แก้ไขปัญหาระหว่างทาง
    หากมีปัญหา เช่น ลวดทิ่ม ยางหลุด หรือรู้สึกเจ็บผิดปกติ ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลาม
  6. ถอดเครื่องมือและใส่รีเทนเนอร์
    เมื่อการจัดฟันเสร็จสมบูรณ์ ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือออก แล้วพิมพ์ปากเพื่อทำรีเทนเนอร์ (Retainer) ซึ่งต้องใส่เป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อป้องกันฟันเคลื่อนกลับ
  7. ติดตามผลหลังถอดเครื่องมือ
    ในช่วงแรก ทันตแพทย์จะนัดตรวจเป็นระยะ เพื่อดูว่าฟันยังคงตำแหน่งดีหรือไม่ และหากมีปัญหาก็จะแก้ไขทันที

6. ดูแลตัวเองระหว่างจัดฟันอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

การดูแลสุขภาพช่องปากขณะจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญ หากละเลย อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ทำให้กระบวนการรักษาล่าช้าหรือซับซ้อนกว่าเดิม

  1. แปรงฟันหลังมื้ออาหารทุกครั้ง
    เนื่องจากมีเครื่องมืออยู่ในปาก เศษอาหารจะติดง่ายกว่าเดิม ควรแปรงให้สะอาดอย่างนุ่มนวล และใช้ไหมขัดฟันหรืออุปกรณ์เสริมที่เหมาะกับคนจัดฟัน
  2. หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเหนียวมาก
    ของแข็งมาก ๆ เช่น กระดูกไก่ หรือของเหนียว ๆ อย่างหมากฝรั่ง อาจทำให้เหล็กหลุดหรือบิดเบี้ยวได้
  3. อย่าลืมพกแปรงสีฟันขนาดพกพา
    สำหรับผู้ที่ต้องออกไปทำงานหรือเรียน ควรพกชุดแปรงสีฟันและยาสีฟันขนาดเล็กติดตัว เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดหลังมื้ออาหาร
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    น้ำช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยลดโอกาสเกิดกลิ่นปากหรือฟันผุ
  5. สังเกตอาการผิดปกติ
    หากมีอาการปวดฟันจนทนไม่ไหว ลวดหรือยางทิ่มเหงือก หรือเกิดแผลร้อนในไม่หาย ให้รีบพบทันตแพทย์อย่าปล่อยไว้นาน

7. จัดฟันกับงบประมาณ: วางแผนอย่างไรให้สบายใจ

ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทการจัดฟัน ความซับซ้อนของเคส และค่ารักษาของแต่ละคลินิก ในภาพรวมแล้วอาจใช้เงินหลายหมื่นถึงหลักแสน แต่หากวางแผนด้านการเงินไว้ล่วงหน้า ก็จะช่วยให้คุณรับมือได้ง่ายขึ้น

  1. สอบถามแพ็กเกจหรือโปรโมชั่นพิเศษ
    คลินิกทันตกรรมบางแห่งอาจมีแพ็กเกจจัดฟันพร้อมส่วนลด หรือการชำระแบบผ่อนรายเดือนซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้
  2. เปรียบเทียบราคาและมาตรฐาน
    อย่าเลือกที่ราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาคุณภาพและประสบการณ์ของทันตแพทย์ รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
  3. มีเงินสำรองยามฉุกเฉิน
    ในระหว่างที่จัดฟัน อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การรักษาฟันผุ หรือเปลี่ยนเครื่องมือบางส่วน ควรเผื่อเงินส่วนนี้ไว้
  4. พิจารณาประกันสุขภาพ
    บางแผนประกันอาจมีความคุ้มครองด้านทันตกรรม ควรสอบถามรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจทำประกัน

8. เมื่อจัดฟันเสร็จแล้วต้องดูแลอย่างไร

ความจริงแล้ว การดูแลสุขภาพฟันไม่ได้สิ้นสุดแค่วันถอดเครื่องมือ แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอในการดูแลช่องปากระยะยาว

  1. ใส่รีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
    รีเทนเนอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิม ควรใส่ตามเวลาที่กำหนด และรักษาความสะอาดของรีเทนเนอร์เสมอ
  2. เข้าพบทันตแพทย์เป็นระยะ
    เพื่อประเมินว่าสภาพฟันยังคงดีหรือไม่ รวมถึงทำความสะอาดหินปูนหรือรักษาปัญหาเล็ก ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
  3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทำฟันเสียรูป
    เช่น ใช้ฟันกัดของแข็ง กัดเล็บ หรือเปิดฝาขวดด้วยฟัน เพราะอาจทำให้โครงสร้างฟันเกิดการเปลี่ยนแปลง
  4. ให้ความสำคัญกับการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน
    แม้จะไม่ต้องดูแลเครื่องมือจัดฟันอีกต่อไป แต่การทำความสะอาดอย่างถูกต้องยังคงจำเป็นเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอ

9. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดฟัน

  1. เจ็บมากไหมเวลาจัดฟัน?
    ในช่วงแรกอาจรู้สึกตึง ๆ หรือเจ็บที่ฟัน เนื่องจากฟันกำลังถูกดึง แต่ภายในไม่กี่วันก็จะค่อย ๆ ปรับตัวได้
  2. ใช้เวลาในการจัดฟันนานแค่ไหน?
    โดยทั่วไปประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละเคส บางคนอาจใช้เวลาน้อยกว่าหรือมากกว่าก็ได้
  3. สามารถจัดฟันในวัยผู้ใหญ่หรือสูงอายุได้ไหม?
    ได้แน่นอน ตราบใดที่สุขภาพเหงือกและกระดูกขากรรไกรยังแข็งแรงเพียงพอ การจัดฟันสามารถทำได้ในทุกช่วงวัย
  4. ช่วงไหนที่เหมาะแก่การเริ่มจัดฟันที่สุด?
    สำหรับเด็ก ช่วงอายุ 12-15 ปี เป็นช่วงที่ฟันแท้ขึ้นครบและขากรรไกรยังเจริญเติบโตอยู่ ทำให้เคลื่อนฟันได้ง่าย แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถจัดฟันได้เช่นกัน
  5. จัดฟันเองได้ไหม?
    ไม่สามารถทำเองที่บ้านได้เด็ดขาด ต้องให้ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวางแผน เพราะการจัดฟันผิดวิธีอาจส่งผลเสียต่อกระดูกขากรรไกรและสุขภาพช่องปากได้อย่างรุนแรง

10. สรุป: การจัดฟันคือกุญแจสำคัญสู่รอยยิ้มสุขภาพดี

“จัดฟัน” อาจดูเป็นโครงการใหญ่ในชีวิต แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ากับความพยายามและเวลาที่ลงทุนไป ไม่ว่าจะเป็นฟันเรียงสวย รอยยิ้มมั่นใจ สุขภาพช่องปากที่แข็งแรง หรือแม้แต่การปรับโครงสร้างขากรรไกรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการจัดฟันเต็มไปด้วยรายละเอียดที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีเลือกประเภทการจัดฟันให้เหมาะสม การเตรียมตัวก่อนเริ่ม ขั้นตอนระหว่างทาง ไปจนถึงการดูแลหลังถอดเครื่องมือ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การจัดฟันของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

Comments are closed.