จัดฟันเร็วสุดกี่ปี

จัดฟันเร็วสุดกี่ปี

ถ้าเราสังเกตดี ๆ จะพบว่าคนที่จัดฟันบางคนใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองปีฟันก็เรียงสวย บางคนกลับยืดยาวไปถึงสามสี่ปี หรือแม้แต่ห้าปีก็ยังมี เหตุผลที่ระยะเวลาแตกต่างกันมาก มีตั้งแต่ลักษณะของฟันแต่ละคน ไปจนถึงปัจจัยด้านสุขภาพช่องปาก และการตอบสนองของร่างกายต่อแรงดึงของเครื่องมือ แต่โดยหลักใหญ่ใจความ การจัดฟันจะแบ่งระยะเวลาประมาณได้ดังนี้

  1. เคสง่าย: ฟันเรียงตัวค่อนข้างดีอยู่แล้ว แค่เกเพียงเล็กน้อย หรือมีช่องห่างไม่มากนัก อาจใช้เวลาเพียง 6 เดือน – 1 ปี
  2. เคสปานกลาง: มีการซ้อนเกหรือสบฟันผิดปกติในระดับที่ต้องปรับแก้ให้ฟันเคลื่อนในระยะค่อนข้างไกล ใช้เวลาราว 1.5 – 2.5 ปี
  3. เคสยาก: อาจต้องถอนฟันหลายซี่ มีฟันคุดหรือโครงขากรรไกรผิดปกติร่วมด้วย อาจใช้เวลา 3 – 4 ปี หรือมากกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากถามแบบตรงไปตรงมาว่า “จัดฟันเร็วสุดกี่ปี” คำตอบสั้น ๆ ก็คือ “บางเคสอาจเสร็จในไม่ถึงปี” แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เราจะพูดถึงต่อไป ซึ่งแต่ละหัวข้อล้วนส่งผลต่อความเร็ว-ช้าในการจัดฟันทั้งสิ้น

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระยะเวลาการจัดฟัน

1. สภาพฟันเดิมของแต่ละคน

การเรียงตัวของฟันมีความซับซ้อนต่างกันออกไป บางคนฟันไม่ค่อยเก แต่สบฟันไม่พอดี บางคนฟันเกมากจนซ้อนทับ บางคนมีฟันคุดฝังอยู่ในขากรรไกร หากเคสไหนฟันเรียงตัวค่อนข้างโอเคอยู่แล้ว การปรับฟันให้เข้าที่จึงอาจเสร็จเร็ว ขณะที่ผู้ที่มีปัญหาร่วมมากมาย ตั้งแต่ฟันผุหลายซี่ ฟันคุดไปจนถึงกระดูกขากรรไกรผิดรูป ก็จะต้องใช้เวลาแก้ไขนานขึ้น

2. อายุและการตอบสนองของร่างกาย

อายุเป็นปัจจัยที่หลายคนมองข้ามไป วัยเด็กหรือวัยรุ่นตอนต้น กระดูกขากรรไกรยังมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ฟันเคลื่อนได้ง่ายกว่า การจัดฟันในช่วงวัยนี้จึงใช้เวลาสั้นลง ในทางกลับกัน เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกเริ่มแข็งตัว การเคลื่อนฟันใช้เวลานานกว่า และอาจต้องมีการใช้เทคนิคเสริม เช่น ผ่าตัดขากรรไกรหรือถอนฟันคุดเพื่อให้สามารถปรับตำแหน่งฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ประเภทของเครื่องมือหรือเทคโนโลยีจัดฟัน

เทคโนโลยีการจัดฟันในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจัดฟันโลหะแบบทั่วไป (Metal Braces) จัดฟันแบบดามอน (Damon System) จัดฟันแบบใส (Invisalign) หรือแม้กระทั่งการจัดฟันแบบเร่งด่วน (Accelerated Orthodontics) ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ต่างกัน เช่น

  • Metal Braces: ราคาไม่สูง แต่ต้องใช้ยางรัดและอาจเข้าพบทันตแพทย์ถี่กว่า
  • Damon System: มีระบบ Self-Ligating (ไม่ต้องใช้ยางรัด) ทำให้ลดแรงเสียดทานและอาจเคลื่อนฟันได้เร็วกว่าในบางเคส
  • Invisalign: ถอดเข้า-ออกได้ สะดวกเรื่องบุคลิกภาพ แต่ถ้าใส่ไม่สม่ำเสมอหรือเคสยากมาก ก็อาจใช้เวลายาวนานเช่นกัน
  • Accelerated Orthodontics: ใช้เทคนิคทันตกรรมร่วม เช่น การใช้เลเซอร์หรืออุปกรณ์สั่นสะเทือนเพื่อเร่งให้กระดูกรอบ ๆ ฟันปรับตัวเร็วขึ้น แน่นอนว่าใช้เวลาโดยรวมสั้นลง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก

4. พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้จัดฟัน

หลายครั้งคนไข้ไม่ทราบว่าพฤติกรรมของตนเองเป็นตัวเร่ง (หรือยืด) ระยะเวลาจัดฟันได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น

  • การไม่ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง: คราบอาหารเกาะตามซอกเหล็กทำให้เกิดหินปูนหรืออักเสบจนต้องพักการจัดฟันเพื่อรักษาสุขภาพเหงือก
  • ขาดวินัยในการนัดพบทันตแพทย์: หากผิดนัดบ่อยหรือปล่อยให้เครื่องมือหลวมเสียหายโดยไม่แก้ไข จะยิ่งทำให้การเคลื่อนฟันช้าลง
  • ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ: เช่น ทันตแพทย์สั่งให้ใส่ยางดึงฟัน (Elastics) หรือให้หลีกเลี่ยงบางอาหาร แต่กลับละเลย ก็จะยืดระยะเวลาการรักษาออกไปอีก

5. การตอบสนองของแต่ละบุคคล

แม้ทุกอย่างจะดูพร้อมตามแผน แต่ในทางปฏิบัติ ร่างกายของแต่ละคนอาจตอบสนองต่อแรงดึงได้ไม่เท่ากัน บางคนฟันเคลื่อนตัวง่าย บางคนเคลื่อนช้าชนิดที่ทันตแพทย์ต้องเพิ่มเวลาหรือปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษา กลายเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้โดยตรง

แล้ว “จัดฟันเร็วสุดกี่ปี” ในทางปฏิบัติ?

เมื่อเข้าใจปัจจัยต่าง ๆ แล้ว หากจะตอบให้ครอบคลุมว่า “จัดฟันเร็วสุดกี่ปี” ก็อาจบอกได้ว่าในเคสที่ง่ายสุด ๆ เช่น ฟันเรียงสวยแต่มีเขี้ยวเกออกมานิดเดียว หรือต้องการปรับเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม บางทีอาจเสร็จภายใน 6 เดือนถึง 1 ปีเท่านั้น แต่ต้องเน้นย้ำว่านี่เป็นส่วนน้อย อาจพบได้ในเคสที่แทบไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ร่วมเลย

โดยทั่วไปการจัดฟันส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2.5 ปี จึงถือเป็นช่วงเวลาปกติที่หลายคนเข้ารับการรักษา แล้วเสร็จอย่างเรียบร้อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกเคสเสมอไป บางรายเมื่อผ่านไป 2 ปีแล้ว ต้องดูว่าฟันเสร็จสมบูรณ์หรือยัง บางครั้งต้องใช้เวลาเสริมอีก 6 เดือนจนถึง 1 ปี เพื่อปรับจุดละเอียด เช่น การสบฟันให้ลงตัวที่สุด นอกจากนี้ ผู้ที่มีความผิดปกติของโครงขากรรไกรมาก ๆ จนอาจต้องทำการผ่าตัดร่วมด้วย ก็อาจยืดระยะเวลาไปราว 3-4 ปีได้เช่นกัน

เทคโนโลยีเร่งด่วน: ทางลัดสู่การจัดฟันเร็วขึ้นจริงหรือ?

ในยุคที่เวลามีค่ามากกว่าทองคำ วงการทันตกรรมจึงมีความพยายามพัฒนาเทคนิค “Accelerated Orthodontics” ที่ช่วยย่นระยะเวลาการจัดฟันให้สั้นลง ซึ่งรวมถึงเทคนิคอย่างเช่น

  1. Propel Orthodontics: ใช้อุปกรณ์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณกระดูกฟัน เพื่อให้การปรับตัวเกิดเร็วขึ้น
  2. Wilckodontics: เป็นการผ่าตัดเล็ก ๆ เพื่อลอกกระดูกบริเวณฟัน ทำให้ฟันเคลื่อนตัวเร็วขึ้นภายในระยะสั้น ๆ
  3. VPro+ หรืออุปกรณ์สั่นสะเทือน: การใช้แรงสั่นสะเทือนในระดับที่เหมาะสมทุกวัน ประมาณ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นให้ฟันเคลื่อนไปตามแนวที่กำหนดเร็วขึ้น

แม้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้หลายเคสเสร็จเร็วขึ้นได้ 20-30% หรือบางเคสอาจเร็วขึ้นกว่านั้น แต่ก็ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้ป่วยเองก็ต้องมีวินัยในการใช้อุปกรณ์เสริมทุกวัน จึงสรุปได้ว่าเทคโนโลยีเร่งด่วนช่วยให้การจัดฟันเร็วขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกเคสจะเหมาะสม และไม่ใช่ว่าจะลดระยะเวลาได้ครึ่งต่อครึ่งเสมอไป

เคล็ดลับ 7 ข้อ ที่ช่วยให้จัดฟันเสร็จไวขึ้น (เท่าที่จะเป็นไปได้)

แม้บางปัจจัยเราอาจควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แต่เราก็ยังมีวิธีการที่ช่วย “กระตุ้น” ให้การจัดฟันเป็นไปอย่างราบรื่นและเสร็จได้ไวขึ้น นี่คือเคล็ดลับที่ทันตแพทย์หลายท่านมักจะแนะนำกัน

  1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
    ไม่ว่าจะเป็นการใส่อุปกรณ์เสริม เช่น ยางดึงฟัน หรือการเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หนืด ทุกอย่างที่แพทย์สั่งล้วนมีเหตุผล หากฝืนทำหรือขี้เกียจ จะยิ่งยืดระยะเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

  2. พบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
    การปรับลวดหรือเช็กความคืบหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าผิดนัดบ่อย ฟันเคลื่อนไม่ตรงจุดที่ต้องการ อาจต้องแก้ใหม่ซ้ำสอง ทำให้เวลารวมเพิ่มขึ้น

  3. ทำความสะอาดช่องปากและเหล็กจัดฟันให้ดี
    ทุกครั้งหลังรับประทานอาหารควรแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน หรือน้ำยาบ้วนปาก เพื่อลดการสะสมของคราบหินปูน การมีเหงือกอักเสบหรือฟันผุระหว่างจัดฟันจะทำให้ชะลอการปรับลวด หรือในกรณีรุนแรงต้องถอดเครื่องมือบางส่วนเพื่อรักษา

  4. เลือกประเภทของเครื่องมือที่เหมาะกับเรา
    แม้ “Accelerated Orthodontics” จะเร็วกว่า แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงและขั้นตอนซับซ้อน แถมไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับการใช้เทคนิคนี้ การเลือกระบบอย่าง Damon System หรือการจัดฟันแบบ Self-Ligating อื่น ๆ อาจช่วยให้การเคลื่อนฟันเร็วขึ้นได้ระดับหนึ่งโดยไม่กระทบกระเทือนมาก

  5. รักษาสุขภาพร่างกายโดยรวม
    การกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนเพียงพอ มีส่วนทำให้กระดูกและเหงือกแข็งแรง ส่งผลดีต่อการเคลื่อนฟันในระยะยาว

  6. อย่าเปลี่ยนคลินิกกลางคันโดยไม่จำเป็น
    หากเปลี่ยนทันตแพทย์บ่อย ทำให้ต้องเสียเวลาประเมินสภาพฟันใหม่ และเครื่องมือเดิมอาจใช้ร่วมไม่ได้ ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่หรือปรับแผนการรักษาใหม่ทั้งหมด ยิ่งยืดเวลา

  7. กำลังใจและความตั้งใจสำคัญที่สุด
    หลายคนอาจรู้สึกท้อเมื่อจัดฟันมาถึงปีที่สองแล้วยังไม่เสร็จ แต่หากเรามีกำลังใจ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดก็จะช่วยให้การรักษาคืบหน้าไปเรื่อย ๆ และเสร็จตามเวลา

การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน: ยิ่งพร้อม ยิ่งเร็วง่าย

ใครที่กำลังคิดจะจัดฟันและอยากให้เสร็จเร็ว ควรเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า เพราะ “เตรียมดีกว่าแก้” เป็นคาถาที่ช่วยให้ขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องหยุดกลางคันแล้วเสียเวลาแก้ปัญหาย้อนหลัง

  1. ตรวจสุขภาพช่องปาก
    หากมีฟันผุหรือเหงือกอักเสบ ควรรักษาให้เรียบร้อยก่อนจัดฟัน การมีปัญหาระหว่างทางอาจทำให้ต้องถอดเครื่องมือบางส่วนออกหรือหยุดกระบวนการปรับลวด ส่งผลให้ระยะเวลารวมยาวขึ้น

  2. เช็กว่าต้องถอนฟันหรือไม่
    เคสที่ฟันแน่นมากมักต้องถอนฟันเพื่อเปิดช่องว่างให้ฟันเคลื่อน หรือต้องถอนฟันคุดที่อาจขัดขวางการจัดฟัน การรู้ล่วงหน้าว่าต้องถอนกี่ซี่ จะได้วางแผนเรื่องเวลาและเตรียมใจไว้ก่อน

  3. ปรึกษาเรื่องงบประมาณ
    บางครั้งการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม (เช่น Damon หรือเครื่องมือแบบเร่งด่วน) อาจช่วยให้เสร็จเร็วกว่า แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นเช่นกัน ควรปรึกษาและวางแผนการเงินเพื่อไม่ให้กระทบต่องบอื่นในชีวิต

  4. เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ
    การจัดฟันเป็นการรักษาในระยะยาว ต้องพบทันตแพทย์หลายครั้ง ควรเลือกคลินิกที่เดินทางสะดวกและได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการคนอื่น ๆ เพราะถ้าเราไม่สะดวกเดินทาง สุดท้ายอาจผิดนัดบ่อยจนระยะเวลายืดได้

ถอดเหล็กแล้ว…จบจริงหรือ? เรื่องของรีเทนเนอร์และการคงสภาพฟัน

แม้การถอดเหล็กจัดฟันจะเป็นหมุดหมายของความสำเร็จในหลาย ๆ คน แต่อย่าลืมว่ายังมีอีกขั้นตอนสำคัญ คือ “การใส่รีเทนเนอร์” เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้เคลื่อนกลับที่เดิม บางคนอาจมองข้ามไป พอถอดเหล็กก็หยุดใส่รีเทนเนอร์ หรือใส่ไม่สม่ำเสมอ สุดท้ายฟันบางซี่อาจขยับกลับจนเกิดปัญหาต้องจัดฟันใหม่ก็มีเช่นกัน

การใส่รีเทนเนอร์มีสองแบบหลัก ๆ คือ

  • แบบใส (Clear Retainer): ถอดเข้าออกได้ สวยงาม ไม่เกะกะ แต่หากขี้เกียจใส่หรือทำหายบ่อย ฟันก็อาจเคลื่อน
  • แบบลวด (Hawley Retainer): มีลวดโลหะเล็ก ๆ โค้งตามรูปฟัน ใช้ได้นานกว่าแต่เห็นลวดชัดเจนบนฟัน
  • แบบติดแน่น (Fixed Retainer): เป็นเส้นลวดเล็ก ๆ ติดหลังฟันด้านใน ถอดเองไม่ได้ จะมีประโยชน์มากหากกลัวว่าฟันจะเคลื่อนง่าย แต่ต้องดูแลความสะอาดให้ดี

ทันตแพทย์มักแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์อย่างเคร่งครัดในช่วงแรกหลังถอดเครื่องมือ 6-12 เดือน แล้วจึงค่อยลดจำนวนชั่วโมงการใส่ลงตามความเหมาะสม บางรายอาจต้องใส่เฉพาะตอนนอนต่อเนื่องอีกหลายปี เพราะฟันจะยังคงมีแนวโน้มเล็กน้อยที่จะขยับกลับตำแหน่งเดิม ดังนั้น แม้เราจะได้คำตอบว่าจัดฟันเร็วสุดกี่ปี แต่อย่าลืมว่า “รีเทนเนอร์” คือตัวบ่งชี้ว่าจะรักษาผลลัพธ์นั้นไว้ได้ยาวนานแค่ไหน

สรุป: ไม่มีสูตรตายตัว แต่เตรียมตัวดี + ใส่ใจจริง ช่วยให้จัดฟันไวและได้ผล

เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นภาพแล้วว่า คำถาม “จัดฟันเร็วสุดกี่ปี” ไม่สามารถตอบแบบง่าย ๆ ตายตัวได้ เพราะมีปัจจัยมากมาย ตั้งแต่ลักษณะฟัน ไปจนถึงอายุ สุขภาพเหงือก พฤติกรรมการดูแลตนเอง และเทคโนโลยีที่เลือกใช้ แน่นอนว่าในบางกรณี “การจัดฟัน” อาจเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาเพียง 6 เดือนถึง 1 ปี สำหรับเคสที่เรียบง่ายมาก ๆ หรือมีการใช้เทคโนโลยีเร่งด่วนที่เหมาะสม แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลายอดนิยมที่พบมักอยู่ในช่วง 1.5 – 2.5 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น วิธีดูแลตัวเองในช่วงที่จัดฟัน และหลังถอดเครื่องมือก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการคงผลลัพธ์ หากอยากจบกระบวนการเร็ว และไม่ต้องเสียเวลาแก้ปัญหาฟันเคลื่อนใหม่ การทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เป็นหัวใจสำคัญที่จะลดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างทาง

ข้อแนะนำ 5 ข้อสำคัญก่อนตัดสินใจจัดฟัน

  1. ประเมินสภาพปากและฟันโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อวางแผนและประเมินระยะเวลาคร่าว ๆ
  2. เลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์: อยากเร็ว ต้องยอมจ่ายเพิ่ม หรือหากติดปัจจัยด้านงบ อาจเลือกระบบที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์แต่ต้องยอมรับเวลาที่ยาวขึ้น
  3. เตรียมความพร้อมด้านสุขภาพช่องปาก: รักษาฟันผุ ถอนฟันคุด ขูดหินปูน เพื่อไม่ให้ต้องหยุดกลางคัน
  4. มีวินัยในการนัดหมายและดูแลตนเอง: การทำความสะอาดอย่างละเอียด ลดกินของเหนียวแข็ง ทำตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  5. อย่าลืมรีเทนเนอร์หลังถอดเครื่องมือ: เพื่อให้ได้รอยยิ้มสวยนั้นต่อไปในระยะยาว

“จัดฟัน” ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาฟันเก หรือฟันซ้อนให้กลับมาเรียงตัวสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับโครงสร้างการสบฟันให้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเคี้ยวอาหาร สุขภาพช่องปาก และบุคลิกภาพโดยรวม ใครที่กังวลว่าต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ไม่ต้องกังวลใจเกินไป ลองเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำปรึกษาและวางแผนอย่างละเอียด จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม ตั้งแต่ด้านสุขภาพปากและฟัน ไปจนถึงด้านการเงินและเวลา เมื่อกระบวนการดำเนินไป เราก็มีหน้าที่เพียงดูแลรักษาความสะอาดและปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เท่านี้ระยะเวลาการจัดฟันก็จะเป็นไปตามแผน หรือหากโชคดีและมีวินัยมากพอ อาจจบได้เร็วกว่าที่คาดหวัง และมีรอยยิ้มใหม่ที่สวยมั่นใจตามที่ต้องการ

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นกี่เดือนหรือกี่ปีก็ตาม สิ่งสำคัญคือการได้รอยยิ้มและสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน และถ้าถามว่า “จัดฟันเร็วสุดกี่ปี?” คำตอบอาจเป็น “เคสง่ายก็อาจไม่ถึงปี” แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคุณใส่ใจและมีวินัย จะช่วยให้ “เร็ว” กว่าปกติได้แน่นอน!

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

Comments are closed.