ปวดฟันกะทันหัน

ปวดฟันกะทันหัน: สิ่งที่คุณควรรู้และวิธีรับมือเมื่อเจอเหตุการณ์นี้

การปวดฟันเป็นปัญหาที่หลายคนอาจเจอได้บ่อย โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกะทันหัน หากคุณเคยพบเจอกับอาการนี้ คุณจะรู้ว่ามันไม่เพียงแค่สร้างความรำคาญ แต่ยังสามารถกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก ดังนั้น การเข้าใจสาเหตุและวิธีการจัดการกับอาการปวดฟันกะทันหันจะช่วยให้คุณพร้อมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สาเหตุของการปวดฟันกะทันหัน

อาการปวดฟันกะทันหันอาจมีหลายสาเหตุ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาทางทันตกรรมที่ต้องการการดูแลทันที ต่อไปนี้คือสาเหตุที่พบบ่อย:

1. ฟันผุ

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการปวดฟันกะทันหันคือฟันผุ โดยเฉพาะหากการผุของฟันลุกลามจนถึงชั้นเนื้อฟัน การสัมผัสกับความร้อน ความเย็น หรืออาหารที่มีรสหวาน อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้

2. โรคเหงือก

โรคเหงือกอักเสบ หรือการติดเชื้อที่เหงือกสามารถทำให้เกิดอาการปวดฟันได้ โดยเฉพาะหากมีการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังรากฟัน อาการอาจรวมถึงการปวดที่เหงือกและการบวม

3. ฟันแตกหรือร้าว

หากคุณเผลอกัดของแข็งเช่นน้ำแข็ง หรือของที่แข็งอื่นๆ อาจทำให้ฟันร้าวหรือแตกได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกปวดที่รุนแรงทันที

4. ฟันคุด

ในบางครั้ง ฟันคุดที่พยายามจะขึ้นแต่ไม่สามารถโผล่พ้นเหงือกได้ อาจทำให้เกิดการกดทับและปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน อาการปวดนี้มักจะรุนแรงและอาจต้องการการผ่าตัดเพื่อแก้ไข

5. การอักเสบของรากฟัน

การอักเสบหรือการติดเชื้อที่รากฟันมักจะเป็นสาเหตุของการปวดฟันกะทันหัน อาการนี้อาจมาพร้อมกับการบวมของเหงือกหรือหน้า และมักจะต้องได้รับการรักษาทางทันตกรรมอย่างเร่งด่วน

วิธีการรับมือเมื่อเกิดอาการปวดฟันกะทันหัน

แม้การปวดฟันกะทันหันจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและอาจทำให้เกิดความกังวล แต่ยังมีวิธีการที่สามารถทำเพื่อบรรเทาอาการได้ในเบื้องต้น:

1. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ

การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นสามารถช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดฟันได้ เพียงใช้น้ำเกลือผสมกับน้ำอุ่นแล้วบ้วนปากประมาณ 30 วินาที

2. ประคบเย็น

หากอาการปวดฟันมาพร้อมกับการบวม การประคบเย็นสามารถช่วยลดการบวมและบรรเทาอาการปวดได้ การประคบควรทำสลับทุก 15-20 นาที

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการปวด

หากอาการปวดฟันเกิดขึ้นเมื่อคุณสัมผัสกับความร้อน ความเย็น หรืออาหารที่มีรสหวาน ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นจนกว่าจะได้รับการรักษา

4. ใช้ยาลดปวด

ยาลดปวดเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ พาราเซตามอล (Paracetamol) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และไม่ควรใช้ยาเกินขนาด

5. ไปพบหมอฟันทันที

หากอาการปวดฟันยังคงอยู่หรือแย่ลง การไปพบหมอฟันเป็นสิ่งที่สำคัญ หมอฟันจะสามารถวินิจฉัยและรักษาปัญหาที่ต้นเหตุได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษารากฟัน การอุดฟัน หรือแม้แต่การถอนฟันหากจำเป็น

การป้องกันอาการปวดฟันกะทันหัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการปวดฟันกะทันหัน ควรใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน นี่คือเคล็ดลับในการป้องกัน:

1. แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ

การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอนเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันฟันผุและโรคเหงือก ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน

2. ใช้ไหมขัดฟัน

การใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดเศษอาหารและคราบพลัคที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะบริเวณระหว่างฟัน ซึ่งเป็นจุดที่มักเกิดฟันผุ

3. ตรวจฟันเป็นประจำ

การตรวจฟันและทำความสะอาดฟันกับทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันปัญหาฟันที่อาจนำไปสู่อาการปวดฟันในอนาคต

4. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายฟัน

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม หรือเครื่องดื่มที่มีกรด เช่น น้ำอัดลม สามารถทำให้ฟันผุและเสียหายได้ ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง

เมื่อใดที่ควรพบหมอฟันทันที

การปวดฟันบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรงกว่าที่คิด หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบหมอฟันทันที:

  • อาการปวดที่ไม่หายไปหลังจากการใช้ยาแก้ปวด
  • การบวมบริเวณเหงือกหรือใบหน้า
  • มีไข้ร่วมกับอาการปวดฟัน
  • ฟันหลุดหรือโยก
  • มีเลือดหรือหนองออกจากฟันหรือเหงือก

การเพิกเฉยต่ออาการเหล่านี้อาจทำให้ปัญหาลุกลามและยากต่อการรักษา ดังนั้นอย่ารอจนกระทั่งอาการแย่ลง

สรุป

อาการปวดฟันกะทันหันอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ ฟันคุด หรือการติดเชื้อที่รากฟัน แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่มีวิธีรับมือเบื้องต้นที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ การประคบเย็น หรือการใช้ยาลดปวด อย่างไรก็ตาม การไปพบหมอฟันเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันการลุกลามของปัญหา

สุขภาพช่องปากเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ และการป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด การแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และตรวจฟันเป็นประจำจะช่วยให้คุณลดโอกาสการปวดฟันกะทันหันและมีฟันที่แข็งแรงไปอีกนาน

7 วิธีแก้ปวดฟันเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น

7 วิธีแก้ปวดฟันเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น

7 วิธีแก้ปวดฟันเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น พร้อมแนะวิธีรักษาที่ถูกต้อง

อาการปวดฟันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อาจจะปวดมากแล้วพาลไปปวดหัวก็ได้เช่นกัน ซึ่งอาการปวดฟันก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยมักจะนำทั้งความเจ็บปวด ความรำคาญใจ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จนต้องหาวิธีแก้ปวดฟันกันสักหน่อย ซึ่งได้รวบรวมวิธีแก้ปวดฟันไว้ในบทความนี้ และคำแนะนำการรักษาดี ๆ มาฝากกัน

วิธีแก้ปวดฟันแบบฉับพลัน

อย่างกล่าวไปในตอนต้นว่าอาการปวดฟันเกิดมาจากหลายสาเหตุ จึงทำให้วิธีแก้ปวดหัวมีหลากหลายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถไปพบทันตแพทย์ได้ทันที เรามีวิธีแก้ปวดฟันดังนี้

  1. ทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดฟัน วิธีแก้ปวดฟันที่ทุกคนควรทำตาม โดยควรใช้ไหมขัดฟันทำ

ความสะอาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันทั้งสองด้านในบริเวณที่มีอาการปวดอย่างระมัดระวัง จากนั้นให้บ้วนปากและกลั้วปากด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้เศษอาหารหลุดออก เสร็จแล้วจึงบ้วนน้ำทิ้ง

  1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะมากระตุ้นให้เกิดอาการปวดฟัน เช่น การรับประทานของเย็นจัดหรือร้อนจัด, การ

รับประทานอาหารที่มีรสหวานจัดหรือเปรี้ยวจัด เป็นต้น

  1. หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกบริเวณที่มีอาการปวดฟัน หากเรายังกระทบกระแทกบริเวณที่มีอาการปวด อาจจะทำให้อาการยิ่งแย่ลงและปวดมากขึ้น รวมถึงควรรับประทานอาหารที่นิ่ม เคี้ยวง่าย

เพื่อลดภาระการบดเคี้ยวของฟัน

  1. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ เป็นวิธีแก้ปวดฟันแบบเบสิกที่ช่วยในการกำจัดแบคทีเรียในช่องปากและยัง

ช่วยลดอาการปวดฟันได้ด้วย วิธีทำ ให้ผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่น 250 มิลลิลิตร จากนั้นให้อมและกลั้วปากประมาณ 30 วินาที แล้วจึงบ้วนทิ้ง

  1. รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ดยปกติจะรับประทานยา

แก้ปวดครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือรับประทานเฉพาะตอนมีอาการปวดเท่านั้น

  1. การประคบเย็น เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปวดฟันได้ โดยเป็นการใช้ความเย็นเพื่อทำให้บริเวณที่ประคบเกิด

อาการชา ทำได้โดยใช้น้ำแข็งก้อนห่อด้วยผ้าบาง ๆ แล้วนำมาประคบบริเวณกรามข้างที่มีอาการปวดฟันประมาณ 10-15 นาที แล้วหยุดพัก จากนั้นให้ประคบต่อตามความจำเป็น โดยให้ตรวจดูว่าบริเวณที่ปวดหายเป็นปกติหรือยังก่อนที่จะประคบอีกครั้ง

  1. ใช้ถุงชาประคบบริเวณที่ปวด เช่น ชาดำที่มีสารแทนนินที่ช่วยลดอาการบวม หรือชาสมุนไพร

เปปเปอร์มินต์ที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ ทำให้รู้สึกชาและบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน ส่วนวิธีการใช้ให้นำถุงชาไปอุ่นในไมโครเวฟ โดยใส่ไว้ในถ้วยที่มีน้ำประมาณ 30 วินาที เพื่ออุ่นถุงชา จากนั้นบีบน้ำที่ชุ่มออก แล้ววางถุงชาบนบริเวณที่มีอาการปวดฟันหรือเหงือกและกัดเบา ๆ จนกว่าอาการปวดจะทุเลาลงไป

นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรไทยบางชนิดที่สามารถบรรเทาอาการปวดฟันได้เช่นกัน อย่างกานพลู สมุนไพรแก้ปวดฟันที่นิยมใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการชาและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สำหรับกานพลูทั้งดอก ให้นำมาเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟัน หรือจะนำดอกมาตำให้พอแหลกผสมกับเหล้าขาวเล็กน้อยพอแฉะ แล้วใช้สำลีชุบจิ้มหรืออุดฟันที่ปวด

วิธีการรักษาอาการปวดฟันอย่างถูกต้อง

เรารู้วิธีแก้ปวดฟันแล้ว แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วิธีดังกล่าวนั้นเป็นเพียงการบรรเทาอาการปวดเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นหากอาการปวดฟันยังไม่หาย แนะนำให้ไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คช่องปาก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรทำเรามีอาการปวดฟัน

เราก็ได้รู้วิธีแก้ปวดฟันกันไปแล้ว ทางที่ดีควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษาให้ตรงจุด แต่ถ้าหากมีความจำเป็น
จริง ๆ วิธีแก้ปวดฟันที่นำเอามาฝากกัน ก็พอจะยืดระยะเวลาออกไปได้

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน ตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทำฟัน #ตรวจสุขภาพฟัน

ถ้าไม่ปวด ฟันคุดผ่าควรผ่าออกหรือไม่?

ถ้าไม่ปวด ฟันคุดผ่าควรผ่าออกหรือไม่?

ถ้าไม่ปวด ฟันคุดผ่าควรผ่าออกหรือไม่?

เมื่อพูดถึงการผ่าฟันคุด คงเป็นเรื่องที่หลายคนหวาดกลัวและขยาดไม่ใช่น้อย ถ้าเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากเจ็บตัวกันหรอกจริงไหมคะ หลายครั้ง ฟันคุดก็ทำให้เราเลือกไม่ได้นี่สิ ปวดแสนปวดจนต้องไปผ่าออก แต่ในบางคนกลับไม่มีอาการอะไรเลย แบบนี้แล้ว ไม่ปวด ไม่ผ่าได้หรือเปล่า? ไว้รอปวดก่อนค่อยไปผ่าจะดีไหม? เราจะไปหาคำตอบกันในบทความนี้ค่ะ

ทำความรู้จัก ฟันคุด

ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นมาในช่องปากได้เหมือนฟันปกติทั่วไป เนื่องจากฟันคุดมักฝังอยู่ใต้เหงือก ในกระดูกขากรรไกร หรือขึ้นพ้นเหงือกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าวจะต้องผ่าออกอย่างเดียว แต่ในบางกรณีก็สามารถถอนตามปกติได้ เพราะฟันเจ้าปัญหานั้นอาจจะขึ้นมาจนเต็มซี่ เพียงแต่ขึ้นผิดลักษณะเท่านั้นเอง โดยฟันซี่ที่พบว่าเป็นฟันคุดบ่อยที่สุด คือ ฟันกรามล่างซี่สุดท้าย ซึ่งอยู่ด้านในสุดของกระดูกขากรรไกรล่าง

วิธีสังเกตว่าเรามีฟันคุดหรือไม่

เราสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองว่ามีฟันคุดหรือเปล่า โดยดูว่ามีฟันซี่ใดที่ขึ้นมาแค่เพียงบางส่วนไหม หรือมีฟันซี่ไหนที่หายไปบ้างหรือเปล่า รวมถึงลักษณะฟันที่ขึ้นมา ดูแตกต่าง หรือมีลักษณะขึ้นแบบนอน ๆ มา ต่างจากฟันอื่นหรือไม่ ถ้าใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นฟันคุด ทางที่ดี แนะนำให้ไปตรวจเช็คช่องปากกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ

ฟันคุด ไม่ปวด ไม่ผ่าได้ไหม?

คำถามที่หลายคนอยากรู้ เพราะเท่าที่เห็น คนที่ไปผ่าคือคนที่มีอาการปวดแล้ว แต่ถ้าไม่ปวดล่ะ? จำเป็นต้องผ่าไหม? งั้นเรามาดูกันค่ะ ว่ามีเหตุผลอะไรที่คนเราควรที่จะต้องผ่าฟันคุด

  1. ทำความสะอาดยาก เนื่องจากฟันคุดเป็นฟันที่อยู่ซี่ด้านในสุด ทำให้ยากต่อการทำความสะอาด และ

มักจะมีเศษอาหารเข้าไปติดใต้เหงือก ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย บ้างก็เกิดกลิ่นปาก บ้างก็เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ฟันผุ และโรคปริทันต์อักเสบ ไม่ใช่แค่เพียงตัวมันเอง แต่ยังส่งผลถึงฟันซี่ข้าง ๆ อีกด้วย

  1. เกิดการละลายตัวของกระดูก ด้วยแรงดันจากฟันคุด ที่พยายามดันขึ้นมา จะทำให้กระดูกรอบราก

ฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไป

  1. เกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก เพราะฟันคุดที่ปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป จะส่งผลให้เนื้อเยื่อที่หุ้มรอบฟันคุด

สามารถขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำได้ ซึ่งการเจริญเติบโตของถุงน้ำนี้อาจจะไม่แสดงอาการใด ๆ เลยก็ได้ จนในที่สุดเกิดการทำลายฟันซี่ข้างเคียง และกระดูกรอบๆ บริเวณนั้น

  1. ป้องกันฟันซี่ข้างเคียงผุ นอกจากจะเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารและแบคทีเรียแล้ว ฟันคุดยังทำให้ฟัน

ที่อยู่ข้างเคียงผุไปด้วย ทั้งซอกฟันระหว่างฟันคุดกับฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่

  1. ป้องกันกระดูกขากรรไกรหัก อันเป็นผลมาจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่ จะทำให้กระดูกขากรรไกร

บริเวณนั้นบางกว่าตำแหน่งอื่น เกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุ หรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย

สำหรับฟันคุด ทันตแพทย์จะพิจารณาว่าจะผ่าฟันคุดหรือไม่ จะต้องตรวจดูรูปร่างของช่องปาก และตำแหน่งของฟันคุดก่อน รวมทั้งยังต้องคำนึงถึงอายุด้วย แต่การผ่าฟันคุดอาจไม่เกิดขึ้นในทันทีที่พบฟันคุดเพราะในบางครั้งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของฟันคุด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งกล่าวโดยสรุปได้ว่า จากคำถาม ฟันคุดควรผ่าออกหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าการผ่าออกให้ผลที่ดีมากกว่าผลเสียแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายผ่าฟันคุด
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ผ่าฟันคุด #ฟันคุด

ปวดฟันทำยังไงดี

ปวดฟันทำยังไงดี

วันนี้ผมมีคำแนะนำจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม มาแนะนำว่าปัญหาจากการปวดฟัน เราจะแก้ไขหรือทำยังไงให้หายปวดฟันดี

ซึ่งอาการของการปวดฟันนั้นคือเป็นการเกิดปัญหาที่โพรงประสาทฟัน ฟันผุจึงทำให้เกิดการปวดฟันขึ้นมา และหากเราต้องการไปหาทันตแพทย์นั้น แพทย์จะต้องทำการ X-ray ฟันดูก่อนว่าฟันเป็นอย่างไรและจะ วินิจฉัยว่าฟันนั้นเป็นอย่างไร ลำดับอาการรุนแรงแค่ไหน และควรต้องทำอย่างไรกับฟันดี

วิธีแก้ปัญหาปวดฟัน

– ถอนฟัน
ถอนฟันที่เป็นปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาการปวดของฟัน แต่ว่าการถอนฟันนั้นจะทำให้เราจะสูญเสียฟันนั้นไปตลอดชีวิตเลย ปัญหาในการบดเคี้ยวอาหารก็จะไม่ดีเหมือนกับตอนมีฟันปกติ ซึ่งควรตัดสินใจให้ดีว่าจะถอนหรือจะรักษารากฟัน การถอนฟันจะราคาถูกกว่าการรักษารากฟันหลายเท่า เพราะกระบวนการและขั้นตอนต่างกันมาก และหากทำการถอนฟันฟันข้างๆ ในระยะเวลานานวันขึ้น ฟันจะล้มหรือเอียง และอาจจะทำให้เกิดปัญหามากกว่าตอนที่ถอนฟันเสียอีก

รักษารากฟัน
การรักษารากฟันคือการทำความสะอาดที่เกิดปัญหา และทำการฝังรากฟันใหม่เข้าไปแทนที่หายไปและทำการอุดฟัน ครอบฟัน ไปตามกระบวนการของการรักษารากฟัน การรักษารากฟันจะต้องมีเวลามาพบแพทย์บ่อยๆ และต้องใช้เวลาในการรักษารากฟัน ต้องอ้าปากในเวลานาน การรักษารากฟันจะทำให้เราไม่สูญเสียฟันของเราไป แต่ต้องทำการรักษาให้ดีมากยิ่งขึ้น

– อุดฟัน
ถ้าฟันของเราไม่ถูกทำลายไปถึงโพรงประสาทฟันก็สามารถที่จะอุดฟันได้เพราะการอุดฟันนั้นอาการจะถือว่ายังไม่ค่อยรุนแรงมาก

การแก้ปัญหาฟันที่ถูกไปเรามีวิธีแนะนำคือ

– ใส่ฟันปลอม
– ฝังรากฟันเทียม

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมาย
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)