อาการปวดเส้นประสาทฟัน

อาการปวดเส้นประสาทฟัน

อาการปวดเส้นประสาทฟัน: เข้าให้ทะลุ ตั้งแต่สาเหตุ–วิธีสังเกต–แนวทางรักษาให้ถูกจุด

อาการปวดฟันมีหลายแบบ แต่ถ้าเจอ “ปวดตุบ ๆ ตามชีพจร” ปวดร้าวขึ้นหัว/หู ปวดตอนกลางคืน หรือ ปวดเองแม้ไม่โดนกระตุ้น มีโอกาสสูงว่าเกี่ยวข้องกับ เส้นประสาทฟัน (pulp) ซึ่งเป็นศูนย์รวมเส้นเลือดและเส้นประสาทภายในโพรงฟัน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก อาการปวดเส้นประสาทฟัน ตั้งแต่กลไกที่เกิด อาการที่ควรจับสังเกต ความต่างจาก “เสียวฟันธรรมดา” วิธีวินิจฉัย ไปจนถึงทางเลือกการรักษาที่ได้ผลจริง พร้อมคำแนะนำฉุกเฉินระหว่างรอพบแพทย์

ทำความรู้จักเส้นประสาทฟัน: ทำไมถึง “ปวดตุบ ๆ”

ภายในฟันมีโพรงเล็ก ๆ เรียกว่า โพรงประสาทฟัน (dental pulp) บรรจุเส้นเลือด–เส้นประสาท–เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอยเลี้ยงฟันและรับความรู้สึก เมื่อเกิดการอักเสบจาก ฟันผุลึก ร้าว แตก บาดเจ็บ หรือเชื้อโรค ของเหลวในโพรงจะเพิ่มขึ้น แต่โพรงเป็นพื้นที่ปิด จึงเกิด แรงดันในโพรงประสาท → กดทับปลายเส้นประสาท → รับรู้เป็นอาการ ปวดตุบ ๆ ตามชีพจร ปวดรุนแรงตอนกลางคืน หรือปวดเองโดยไม่ต้องกระตุ้น ซึ่งเป็นลักษณะคลาสสิกของ “ปวดเส้นประสาทฟัน”

สรุปสั้น ๆ: พอ แรงดันเพิ่มในพื้นที่ปิด สมองจะแปลเป็น “ปวดแบบชีพจร”

เช็กให้ชัด: อาการปวดเส้นประสาทฟัน vs เสียวฟันทั่วไป

ลักษณะอาการ ปวดเส้นประสาทฟัน (Pulpitis/Irreversible pulpitis) เสียวฟัน/คอฟันสึก (Dentin hypersensitivity)
สิ่งกระตุ้น ร้อน/เย็น/หวาน/เคี้ยว หรือปวดเอง กระตุ้นเฉพาะ (เย็น–หวาน–ลม)
ระยะเวลาปวด ยาวนาน นาที–ชั่วโมง ปวดต่อหลังสิ่งกระตุ้นหาย สั้นมาก ไม่กี่วินาที
เวลากลางคืน มักปวดมากขึ้น ตื่นกลางดึก มักไม่ตื่นเพราะปวด
ตำแหน่ง ระบุตำแหน่งยาก ปวดร้าวหู/ขมับ/กราม ระบุตำแหน่งได้ชัด
การตอบสนองยาแก้ปวด ทุเลาแป๊บเดียว กลับมาปวดอีก มักดีขึ้นชัด หากหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
สาเหตุร่วม ฟันผุลึก/แตก/ร้าว/หลังกระแทก เหงือกร่น คอฟันสึก กรดกัดเคลือบ

ถ้าอาการของคุณ “ไปฝั่งซ้ายที ขวาที” หรือ ปวดร้าวแบบจับจุดไม่ได้ ให้สงสัย เส้นประสาทฟันอักเสบ เป็นอันดับแรก

สาเหตุหลักของอาการปวดเส้นประสาทฟัน

  1. ฟันผุลึกจนใกล้/ทะลุโพรงประสาท
    เชื้อแบคทีเรียและสารพิษกระตุ้นการอักเสบ ทำให้ปวดแบบชีพจร

  2. ฟันแตก–ร้าว (Cracked tooth)
    เสี้ยวแตกเล็ก ๆ เปิดทางให้น้ำ–ความเย็นเข้าถึงเดนทิน/โพรงประสาท เกิดปวดเวลาบด/ปล่อยแรงกัด

  3. อุบัติเหตุ/การกระแทก
    แม้ภายนอกดูปกติ แต่ภายในอาจมีเลือดออกในโพรง หรือเนื้อตายช้า ๆ → เปลี่ยนสีเทาและปวด

  4. บาดเจ็บจากการรักษา
    อุดฟันลึกมาก กัดสูงเกิน ทำให้เส้นประสาทระคายเคืองชั่วคราวได้ (post-op sensitivity) ถ้าไม่ดีขึ้น ต้องประเมินซ้ำ

  5. ฟันคุดอักเสบ
    การอักเสบบริเวณเหงือกคลุมฟันคุดอาจกระตุ้นเส้นประสาทในบริเวณใกล้เคียง ปวดร้าวทั้งกราม

  6. ปริทันต์/ฝีหนอง
    การติดเชื้อเหงือก–กระดูก รอบรากฟัน เพิ่มแรงดันเนื้อเยื่อ → ปวดตุบ ๆ กัดเจ็บ

  7. สาเหตุจากนอกช่องปาก (อาการเลียนแบบ)
    เช่น ไซนัสอักเสบ ฟันบนหลังจะปวดสะท้อน, ปวดข้อต่อขากรรไกร, ปวดเส้นประสาทใบหน้า (ควรให้แพทย์แยกโรค)

สัญญาณไฟแดงที่ต้องพบทันตแพทย์ทันที

  • ปวดตุบ ๆ จน นอนไม่ได้ หรือปวดเองต่อเนื่อง

  • แก้ม/เหงือกบวม คลำเจ็บ มีหนอง หรือมี ไข้–หนาวสั่น

  • ปวดร้าวร่วมกับ อ้าปากลำบาก กลืนเจ็บ หายใจไม่สะดวก

  • ซี่ใดซี่หนึ่ง เปลี่ยนสีเทา/น้ำตาล ร่วมกับปวด

  • ปวดร่วมตั้งครรภ์ โรคประจำตัวรุนแรง หรือกินยาละลายลิ่มเลือด

บวมลาม–ไข้สูง–หายใจลำบาก = ภาวะฉุกเฉิน ไปโรงพยาบาลทันที

ทันตแพทย์วินิจฉัยอย่างไร

  1. ซักประวัติอาการอย่างละเอียด
    สิ่งกระตุ้น ระยะเวลาปวด เวลาปวด (กลางคืนไหม) ยาที่ใช้แล้วได้ผลหรือไม่

  2. ตรวจในช่องปาก
    หาโพรงผุ รอยแตก จุดกดเจ็บ ฟันโยก เหงือกบวม–กดหนอง

  3. ทดสอบความรู้สึกเส้นประสาท

    • ทดสอบเย็น/ร้อน: ดูการตอบสนองและระยะเวลาที่อาการคงอยู่

    • เคาะแนวดิ่ง/แนวนอน (Percussion): บอกการอักเสบรอบราก

    • ทดสอบกัด/ปล่อย (Bite test): คัดกรองฟันร้าว

    • EPT (ในบางกรณี): ประเมินการนำสัญญาณเส้นประสาท

  4. ภาพรังสี (X-ray/CBCT เมื่อจำเป็น)
    ดูความลึกของผุ รอยร้าว รอยโรคปลายราก ระดับกระดูก ความโค้ง/จำนวนคลองราก

  5. การวินิจฉัยแยกโรค
    แยก “เส้นประสาทอักเสบแบบกลับได้/กลับไม่ได้”, ปวดจากปริทันต์, ปวดจากไซนัส/ข้อต่อ/เส้นประสาทใบหน้า

ทางเลือกการรักษาตามระดับอาการ

หลักคิด: กำจัดต้นเหตุ ลดแรงดันในโพรงประสาท และคืนการทำงานที่เสถียร

1) เส้นประสาทระคายเคือง/อักเสบ “กลับได้” (Reversible pulpitis)

  • สถานการณ์: ปวดสั้น ๆ เมื่อโดนเย็น/หวาน หายเร็ว ไม่มีปวดเอง

  • ดูแล:

    • อุดฟันที่ผุ/เปลี่ยนวัสดุอุดที่รั่ว

    • ปรับความสูงการสบฟันถ้ากัดสูง

    • เคลือบสารลดเสียวฟัน–เสริมฟลูออไรด์

  • ผลลัพธ์: อาการควรดีขึ้นภายในไม่กี่วัน–สัปดาห์

2) เส้นประสาทอักเสบ “กลับไม่ได้” (Irreversible pulpitis)

  • สถานการณ์: ปวดตุบ ๆ ยาวนาน ปวดเองตอนกลางคืน

  • ทางเลือก:

    • รักษารากฟัน (Root Canal Treatment; RCT)
      ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในคลองราก ใส่วัสดุปิดราก แล้วเสริมความแข็งแรงด้วย ครอบฟัน ในซี่รับแรง

    • หากซ่อมไม่ได้ → ถอนฟัน แล้ววางแผนทดแทน (รากเทียม/สะพานฟัน/ฟันปลอม)

3) ฟันแตก–ร้าว

  • ทดสอบกัด/ปล่อย มัก “จี๊ด” ตอนปล่อยแรงกัด

  • แผนรักษา:

    • รอยร้าวตื้น → อุด/ครอบฟันป้องกันร้าวต่อ

    • รอยร้าวลึกถึงโพรง → RCT + ครอบฟัน

    • แตกยาวถึงราก → มักต้องถอนและทดแทน

4) ปริทันต์อักเสบ/ฝีหนองรอบราก

  • การจัดการ: ระบายหนอง–ขูดหินปูนลึก (SRP) + ยาปฏิชีวนะเมื่อมีข้อบ่งชี้

  • หากมีต้นเหตุจากโพรงประสาทร่วม → รักษารากประกอบ

5) เสริมความเสถียรหลังรักษา

  • ครอบฟัน: ซี่ที่อ่อนแอหลัง RCT/มีรอยร้าว

  • ปรับสบฟัน–ไนท์การ์ด: ผู้ที่นอนกัดฟัน ลดแรงกดบนรากฟันที่เพิ่งรักษา

  • รีวิวติดตาม: X-ray ประเมินการหายของรอยโรคปลายรากตามเวลาที่แพทย์กำหนด

ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช่คำตอบเดี่ยวสำหรับ “อาการปวดเส้นประสาทฟัน” ใช้เฉพาะเมื่อมีบวม–หนอง–ไข้ หรือเสี่ยงกระจายของเชื้อ และต้องทำหัตถการร่วมเสมอ

ดูแลตัวเองระหว่างปวด: ทำอย่างไรให้ปลอดภัย

  • บ้วนน้ำเกลืออุ่น วันละหลายครั้ง ลดการอักเสบและชะล้างเศษอาหาร

  • ประคบเย็นนอกแก้ม 10–15 นาที (เว้นช่วงเท่ากัน) เพื่อลดบวม–ชา

  • ยาแก้ปวดกลุ่มพาราเซตามอล ตามฉลาก หากไม่มีข้อห้าม

  • หลีกเลี่ยง แอสไพรินก่อนหัตถการ (เลือดหยุดยาก), การแคะ/งัดโพรงผุเอง

  • งดของหวานเหนียว–ของเย็นจัด/ร้อนจัด ลดการกระตุ้นเส้นประสาท

  • ตั้งครรภ์/โรคประจำตัว/กินยาละลายลิ่มเลือด → แจ้งแพทย์ทุกครั้ง

เคล็ดลับ: ถ้าปวดแรงตอนกลางคืน ลองยกศีรษะสูงเล็กน้อย ช่วยลดแรงดันในโพรงฟัน

คำถามพบบ่อย (FAQ)

Q: ปวดเส้นประสาทฟัน กินยาแล้วหายเองได้ไหม?
A: มักไม่หายถาวร ถ้าเป็นภาวะ “กลับไม่ได้” ต้องรักษารากหรือถอน ยาจะช่วยกดอาการชั่วคราวเท่านั้น

Q: รักษารากเจ็บไหม ใช้นานแค่ไหน?
A: ทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ควรเจ็บ ใช้เวลาประมาณ 45–90 นาทีต่อครั้ง จำนวนครั้งขึ้นกับความซับซ้อน

Q: หลัง RCT ต้องครอบฟันทุกซี่ไหม?
A: ซี่รับแรง (กราม/กรามน้อย) และซี่ที่สูญเสียเนื้อฟันมาก ควรครอบ เพื่อป้องกันแตกซ้ำ ฟันหน้าบางเคสอาจบูรณะด้วยวัสดุอุด/วีเนียร์ได้

Q: ตั้งครรภ์แล้วปวด ทำฟันได้หรือไม่?
A: ได้ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 2 ปลอดภัยกว่าปล่อยติดเชื้อ แจ้งแพทย์เพื่อเลือกยาชา–ยาที่เหมาะสมและป้องกันรังสีอย่างเคร่งครัด

Q: ใช้ยาสมุนไพร/น้ำยาบ้วนปากเข้มข้นช่วยได้ไหม?
A: ช่วยลดกลิ่น/คราบได้บ้าง แต่ไม่กำจัดต้นเหตุในโพรงประสาท ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ & เคล็ดลับคุมงบ

ช่วงราคาแตกต่างตามความยาก วัสดุ และทำเล—ข้อมูลเพื่อวางแผนคร่าว ๆ

  • ตรวจ + X-ray เฉพาะซี่: 800–1,800 บาท

  • อุดฟันลึกแบบปกป้องประสาท: 2,000–4,500 บาท/ซี่

  • รักษารากฟัน: ฟันหน้า 3,500–6,500 บาท, กราม 5,500–10,000+ บาท/ซี่

  • ครอบฟันเซรามิก/ซิรโคเนีย: 12,000–25,000+ บาท/ซี่

  • ระบายหนอง–ล้างแผล (เมื่อมีข้อบ่งชี้): 800–1,800 บาท

เคล็ดลับประหยัดระยะยาว

  • ตรวจ–ขูดหินปูนทุก 6 เดือน (ถูกกว่ารักษารากหลายเท่า)

  • ใช้ไหม/แปรงซอกฟันทุกวัน ลดฟันผุระหว่างซี่

  • เลี่ยงหวานถี่ ๆ ระหว่างมื้อ + ดื่มน้ำเปล่าหลังอาหาร

  • ใครกัดฟันตอนนอน → ไนท์การ์ด ป้องกันฟันร้าว–ปวดซ้ำ

สรุป & ข้อเสนอแนะสำหรับผู้อ่าน

อาการปวดเส้นประสาทฟัน คือสัญญาณว่ามีการอักเสบภายในโพรงฟัน การปล่อยไว้ “รอดูอาการ” มักทำให้ปัญหาลุกลามจนต้องรักษายุ่งยากและแพงขึ้น การวินิจฉัยที่แม่นยำและรักษาให้ตรงจุด—ตั้งแต่ อุดแบบปกป้องประสาท → รักษารากฟัน + ครอบฟัน—คือทางออกที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม

ทำไมต้อง X-Ray ฟัน

ทำไมต้อง X-Ray ฟัน

ทำไมต้อง X-Ray ฟัน: คำอธิบายแบบเข้าใจง่าย แต่ครบทุกประเด็นที่คนไข้ควรรู้

หลายคนสงสัยว่า “ตรวจด้วยตาเปล่ากับไฟส่องก็พอแล้ว ทำไมยังต้อง X-Ray ฟัน อีก?” ความจริงคือ โรคในช่องปากจำนวนมาก ซ่อนอยู่ใต้เหงือก ใต้ครอบฟัน หรือระหว่างซี่ ที่เราและทันตแพทย์ไม่อาจเห็นได้ครบถ้วนด้วยตาเปล่า ภาพถ่ายรังสีทันตกรรม (Dental X-ray) จึงเป็น “หน้าต่าง” ที่ทำให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่—ตั้งแต่ฟันผุระยะเริ่ม กระดูกละลายจากโรคปริทันต์ ไปจนถึงถุงน้ำ เนื้องอก รากฟันร้าว และแนวกระดูกสำหรับรากเทียม

X-Ray ฟันคืออะไร และบอกอะไรเราได้บ้าง

Dental X-ray คือการใช้รังสีปริมาณต่ำเพื่อสร้างภาพโครงสร้างแข็ง (ฟัน ราก กระดูกขากรรไกร) และรายละเอียดสำคัญที่ตาเปล่ามองไม่เห็น ช่วยให้ทันตแพทย์:

  • ตรวจพบ ฟันผุระหว่างซี่ ที่เล็กมากในระยะเริ่มต้น

  • ประเมินความลึกของฟันผุว่าถึง โพรงประสาท แล้วหรือยัง

  • ดูระดับ กระดูกยึดฟัน สำหรับโรคเหงือกและปริทันต์

  • ประเมิน ฟันคุด แนวราก และความเสี่ยงก่อนผ่า

  • วางแผน รักษารากฟัน (จำนวนคลองราก ความยาว ความโค้ง)

  • วางแผน รากฟันเทียม (เส้นประสาท ขนาดกระดูก)

  • ตรวจหา ถุงน้ำ/ซีสต์ เนื้องอก รอยโรค ที่ไม่มีอาการ

  • เก็บเป็น ข้อมูลก่อน–หลัง เพื่อเทียบผลการรักษา

ทำไมต้อง X-Ray ฟัน: 9 เหตุผลสำคัญ

  1. วินิจฉัยก่อนปวด = รักษาง่ายกว่า
    ฟันผุระยะแรกมักไร้อาการ ถ้ารอให้ปวดแปลว่ามักลึกถึงเส้นประสาทแล้ว การรักษาจะยากขึ้นและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

  2. มองเห็นระหว่างซี่
    บริเวณฟันชิดกันคือจุดอับของตาเปล่า X-Ray แบบ Bitewing จึงเหมาะที่สุดในการคัดกรองฟันผุ “ที่ซ่อนอยู่”

  3. คาดการณ์ได้—วางแผนได้
    ภาพรังสีบอกแนวราก ความยาวคลองราก ระดับกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงระหว่างรักษาและทำให้ขั้นตอนราบรื่น

  4. คัดกรองโรคเงียบ
    ซีสต์ เนื้องอกเล็ก ๆ และรอยโรคปลายรากจำนวนมาก ไม่มีอาการจนกว่าจะใหญ่ การถ่ายเป็นระยะช่วย “จับได้ก่อน”

  5. ประเมินโรคเหงือกเชิงลึก
    ระดับกระดูกที่ลดลงคือหลักฐานการทำลายจากปริทันต์ จำเป็นต่อการวางแผนขูดหินปูนลึก/ผ่าตัดเหงือก

  6. เตรียมผ่าฟันคุดอย่างปลอดภัย
    รู้การวางตัวของฟันคุดสัมพันธ์กับเส้นประสาท ช่องไซนัส ลดภาวะแทรกซ้อน

  7. รากฟันเทียมต้องแม่นยำ
    ต้องรู้ความหนากระดูก ระยะห่างจากโครงสร้างสำคัญ CBCT ช่วยวางตำแหน่งได้แม่นแบบสามมิติ

  8. จัดฟันคุณภาพ = แผนดี
    Cephalometric และ Panoramic บอกโครงกระดูกใบหน้า แนวขากรรไกร เพื่อวางแผนแรงและทิศทางการเคลื่อนฟันอย่างปลอดภัย

  9. ติดตามผลการรักษา
    หลังรักษาราก/ผ่าฟันคุด/ใส่รากเทียม ต้องมีภาพติดตามเพื่อยืนยันว่ารอยโรคหายและกระดูกฟื้นตัว

ชนิดของ X-Ray ฟัน และเหมาะกับกรณีไหน

ชนิดภาพ ใช้เมื่อไหร่ จุดเด่น เวลาถ่ายโดยประมาณ
Bitewing คัดกรองผุระหว่างซี่, ดูระดับกระดูก มาตรฐานการตรวจป้องกัน 3–5 นาที
Periapical ปลายราก/ปวดเฉพาะซี่, เตรียมรักษาราก เห็นทั้งซี่และปลายรากชัด 3–5 นาที
Panoramic (OPG) ภาพรวมทั้งปาก, ฟันคุด, คัดกรองเริ่มต้น เห็นทั้งกราม–ไซนัส–ข้อต่อ 5–10 นาที
Cephalometric จัดฟัน/ผ่าตัดขากรรไกร ประเมินโครงกระดูกใบหน้าด้านข้าง/หน้า 5–10 นาที
CBCT (3D) รากเทียม, รากฟันซับซ้อน, ซีสต์–ข้อสงสัย ภาพ 3 มิติ รายละเอียดสูง 10–20 นาที

หลักคิดง่าย ๆ: เรื่องเฉพาะซี่ → Periapical, คัดกรองผุระหว่างซี่ → Bitewing, ภาพรวม/คุด/จัดฟัน → Panoramic/Ceph, วางแผน 3D/กรณีซับซ้อน → CBCT

ปลอดภัยไหม? ปริมาณรังสีและการป้องกัน

  • ปริมาณรังสีต่ำมาก: เครื่องดิจิทัลสมัยใหม่ลดโดสลงกว่าสมัยฟิล์มอย่างชัดเจน โดยรวมอยู่ในช่วงต่ำกว่าเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันหลายอย่าง (เช่น การโดยสารเครื่องบินระยะไกล)

  • หลัก ALARA/ALADA: ใช้เท่าที่จำเป็น ให้ “ข้อมูลเพียงพอสำหรับการวินิจฉัย” โดยโดสน้อยที่สุด

  • อุปกรณ์ป้องกันครบ: ผ้ากันรังสีตะกั่ว (lead apron) และปลอกคอไทรอยด์ โดยเฉพาะเด็กและสตรีตั้งครรภ์ (ถ้าจำเป็นต้องถ่าย)

  • ตั้งครรภ์ถ่ายได้ไหม?

    • กรณีฉุกเฉินหรือมีข้อบ่งชี้ชัดเจนสามารถถ่ายได้ด้วยการป้องกันที่เหมาะสมและใช้ชนิดภาพแคบที่สุดเท่าที่จำเป็น

    • แจ้งแพทย์และทีมทุกครั้งเพื่อปรับแผนและอุปกรณ์ป้องกัน

สรุป: รังสีทันตกรรมสมัยใหม่ ปลอดภัยมากเมื่อใช้อย่างเหมาะสม และความเสี่ยงจากการ “ไม่เห็นโรคที่ซ่อนอยู่” มักสูงกว่าไม่ถ่ายในกรณีที่ควรถ่าย

ควรถ่ายบ่อยแค่ไหน: แนวทางตามความเสี่ยง

ความถี่ไม่ได้ตายตัว ขึ้นกับอายุ ประวัติฟันผุ พฤติกรรมการกินหวาน อนามัยช่องปาก และโรคร่วม

  • ผู้ใหญ่สุขภาพดี ความเสี่ยงต่ำ: Bitewing ทุก 12–24 เดือน

  • มีความเสี่ยงผุสูง/จัดฟัน/ฟันอัดแน่น: ทุก 6–12 เดือน ตามดุลยพินิจ

  • โรคปริทันต์: Periapical/Panoramic เพื่อติดตามระดับกระดูกตามแผนรักษา

  • รากเทียม/รักษาราก/ผ่าคุด: ถ่ายตาม ระยะติดตาม เพื่อประเมินการหายของรอยโรคและความมั่นคงของกระดูก

หลักคือ “ปรับตามความเสี่ยงเฉพาะบุคคล” ไม่ใช่ถ่ายทุกคนเท่ากัน

ขั้นตอนวันถ่าย X-Ray: ต้องเตรียมตัวอย่างไร

  1. แจ้งข้อมูลสุขภาพ: ตั้งครรภ์ ยาที่ทานประจำ โรคประจำตัว ประวัติแพ้

  2. ถอดเครื่องประดับ/อุปกรณ์โลหะ บริเวณศีรษะ–คอ ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ

  3. ปั้น/คาบฟิล์ม (กรณี Bitewing/Periapical): หากอาเจียนง่าย แจ้งทีมเพื่อปรับขนาดฟิล์มหรือใช้เทคนิคช่วยหายใจ

  4. ยืนนิ่ง/กัดตามตำแหน่ง (กรณี Panoramic/Ceph/CBCT): ใช้เวลาไม่นาน

  5. ตรวจสอบภาพทันที: ดิจิทัลทำให้เห็นภาพบนจอพร้อมอธิบาย–วางแผนต่อได้เลย

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ X-Ray ฟัน

  • “ปวดเฉพาะซี่ ไม่ต้องถ่ายก็รู้” → ปัญหามักซับซ้อนกว่าที่เห็น เช่น ผุใต้ครอบ รากแยก คลองรากพิเศษ หรือโรคปริทันต์ร่วม

  • “ถ่าย X-Ray ทำให้ฟันพัง/เคลือบฟันบาง” → รังสีไม่ได้สัมผัสเคลือบฟันในระดับทำให้สึกหรอ ภาพถ่ายไม่มีผลต่อโครงสร้างฟัน

  • “เด็กไม่ควรถ่ายเด็ดขาด” → เด็กบางช่วงวัยมีความเสี่ยงผุสูงและฟันกำลังขึ้นซ้อน การถ่ายอย่างเหมาะสมช่วยป้องกันการรักษาหนักในอนาคต

  • “ฟิล์มเก่าพอแล้ว ไม่ต้องถ่ายใหม่” → สภาพช่องปากเปลี่ยนเร็ว ก้อน/ถุงน้ำเกิดใหม่ได้ ภาพที่อัปเดตคือความปลอดภัยของคุณ

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

ราคาแตกต่างตามคลินิก เทคโนโลยี และจำนวนภาพ ข้อมูลนี้เพื่อการวางแผนคร่าว ๆ

  • Bitewing (2 ภาพ): 600–1,200 บาท

  • Periapical (ต่อภาพ): 300–600 บาท

  • Panoramic (OPG): 1,000–1,800 บาท

  • Cephalometric: 1,000–1,800 บาท

  • CBCT (หนึ่งขากรรไกร/บริเวณเฉพาะ): 3,500–6,500+ บาท

หลายคลินิกมี แพ็กเกจตรวจสุขภาพช่องปาก + X-Ray ในราคาประหยัดกว่าแยกทำ

FAQ: คำถามที่พบบ่อย

Q: ถ่าย X-Ray แล้วปวดหัว/เวียนหัวได้ไหม?
A: โดยทั่วไปไม่เกี่ยวข้อง อาการเวียนหัวมักมาจากการเกร็งคอ/ยืนนาน หากมีอาการให้พักและแจ้งเจ้าหน้าที่

Q: ฟอกสีฟันหรือครอบฟันอยู่ ถ่ายได้ไหม?
A: ได้ และควรถ่ายเพื่อประเมินรอยผุซ่อน/ขอบครอบฟัน/รากก่อนทำหัตถการความงาม

Q: ต้องงดน้ำ–อาหารไหมก่อนถ่าย?
A: ไม่ต้อง แต่ควรแปรงฟัน/บ้วนน้ำก่อนเพื่อความสะอาด ลดอาเจียนสะท้อน

Q: เครื่องดิจิทัลต่างจากฟิล์มอย่างไร?
A: ภาพคมชัดกว่า ใช้รังสีน้อยกว่า ดู–ขยาย–วัดบนจอได้ทันที และเก็บเป็นประวัติติดตามได้ดี

Q: กลัวรังสีมาก ควรทำอย่างไร?
A: คุยกับทันตแพทย์เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของภาพ เลือกชนิดภาพแคบที่สุดเท่าที่จำเป็น ใช้อุปกรณ์ป้องกันครบ และถ่ายตามช่วงที่เหมาะกับความเสี่ยงส่วนบุคคล

สรุป & ข้อเสนอสำหรับผู้อ่าน

ทำไมต้อง X-Ray ฟัน? เพราะมันทำให้เราเห็น “สิ่งที่ตาไม่เห็น” และตัดสินใจรักษาได้ถูกต้อง ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว การข้ามขั้น X-Ray เปรียบเหมือนซ่อมบ้านโดยไม่เปิดดูโครงสร้าง—อาจพลาดจุดสำคัญจนเกิดปัญหาใหญ่ตามมา

สอบถามเพิ่มเติมและตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#ทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #คลินิกทันตกรรม