ประกันสังคมช่วยออกค่าทำฟันอะไรบ้าง

ประกันสังคมช่วยออกค่าทำฟันอะไรบ้าง

ประกันสังคมที่เราจ่ายแต่ละเดือนนั้นมีสวัสดิการต่างๆ มากมายรวมถึงสวัสดิการด้านการทำฟัน ซึ่งเราควรใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมด้านทันตกรรมซึ่งถึงแม้จะจำนวนสวัสดิการจะไม่มากแต่ว่าดีกว่าไม่ได้ ซึ่งวันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าใครจะได้รับสิทธิประกันสังคมด้านทันตกรรมอะไรบ้างครับ

ผู้สามารถใช้สิทธิประกันสังคมทำฟัน

ปกติแล้วผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำฟันจากประกันสังคมคือ ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 เท่านั้น และต้องส่งเงินสมทบประกันสังคม ครบ 3 เดือน หรือได้ลาออกจากงานในช่วงหลัง 3 เดือนที่ส่งยอดสมทบไปก็สามารถใช้สิทธิได้ต่ออีก 6 เดือนหลังจากวันที่ลาออก

สิทธิทำฟันจะได้เงินเท่าไหร่

สิทธิประกันสังคมที่จะได้ ไม่เกิน 900 บาทต่อปี โดยถ้าในปีนั้นๆ ไม่ได้ใช้สิทธิ จะไม่สามารถนำยอดไปทบในปีถัดไปได้ เพราะฉะนั้นควรต้องซึ่งสามารถทำทันตกรรมอะไรบ้าง การขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันคุด ทำฟันปลอม เป็นต้น

ซึ่งในการใช้สิทธิประกันสังคมในการทำฟัน สามารถใช้บริการโดยที่ไม่ต้องสำรองจ่าย โดยต้องดูที่คลินิกทันตกรรมแต่ละที่ว่ารองรับหรือไม่

เอกสารในการเบิกค่าทำฟันประกันสังคม

  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีทันตกรรม (สปส.2-16)
  2. ใบรับรองแพทย์
  3. ใบเสร็จรับเงิน
  4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
  5. เวชระเบียนของแพทย์ผู้รักษา (กรณีเบิกฟันปลอมฐานอคริลิก)
  6. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี

ใช้สิทธิประกันสังคมกับคลินิกทันตกรรม BPDC ไม่ต้องสำรองจ่าย!!!

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทำฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc
https://bpdcdental.com/
.
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
.

คลินิกทันตกรรม #BPDC #คลินิกทันตกรรมบางพลี #สิทธิประกันสังคม

ทันตกรรมผู้สูงอายุ ดูแลอย่างไร

ทันตกรรมผู้สูงอายุ ดูแลอย่างไร

ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีฟันจริงในปากเพียงส่วนเดียวเท่านั้น อาจจะโดนถอนฟันไปหมดแล้วก็ได้ค่ะ และปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาสุขภาพเหงือก จะพบได้ทั่วไปในผู้สูงอายุอายุระหว่าง 65-74 ปี และเป็นสาเหตุของการสูญเสียฟัน นอกจากนี้ หากมีสุขภาพในช่องปากไม่ดีก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ ด้วย โรคหัวใจ เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่เกิดปัญหาก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟันปลอมด้วยแต่ในวันนี้เราจะแนะนำเรื่องของ ปัญหาสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุแบ่งได้เป็น 4 หัวข้อหลักๆ ตามนี้

1.ปัญหาสุขภาพเหงือก
ปัญหาสุขภาพเหงือกเกิดจากเนื้อเยื่อที่อยู่รอบฟันติดเชื้อจากคราบจุลินทรีย์สะสมบนฟันและเหงือก ซึ่งอาจลุกลามจนรุนแรงได้ เหงือกอักเสบคือโรคเหงือกในระยะเริ่มต้น อาการที่พบคือ เหงือกบวม แดง หรือมีเลือดออก โรคเหงือกเป็นปัญหาที่ผู้สูงอายุกังวลและเกิดจากหลายสาเหตุ หากรักษาอย่างถูกต้อง และไปพบทันตแพทย์ โรคเหงือกอักเสบสามารถรักษาให้หายได้

2.ฟันหรือรากฟันผุ
ผู้สูงอายุฟันผุหรือรากฟันผุหากมีปัญหาเหงือกร่น ดังนั้น ผู้สูงอายุจะต้องทำความสะอาดเหงือก ฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารออกไป ทันตแพทย์จะขูดฟันและผิวฟันใต้ร่องเหงือกและรากฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์และหินปูนออกเพื่อให้บริเวณดังกล่าวเรียบและสะอาด

3.การเสียวฟัน
ในบางครั้ง แค่ดื่มน้ำเย็นจัด คุณก็อาจจะรู้สึกเสียวฟันจี๊ด ๆ ขึ้นมาได้ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้คุณมีการเสียวฟัน ได้แก่ การแปรงฟันแรงเกินไปด้วยแปรงที่มีขนแปรงแข็ง เคลือบฟันสึก และฟันแตกหรือบิ่น

4.ปากแห้ง
ภาวะปากแห้งเกิดจากน้ำลายในช่องปากน้อยเกินไป ซึ่งมักเกิดจากผลข้างเคียงของยารักษาโรคอื่น ๆ และพบได้บ่อย ๆ เมื่อคุณอายุมากขึ้น ปัญหาใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับภาวะปากแห้งคือ ฟันและรากฟันผุ ซึ่งปัญหาทั้งสองแบบสามารถก่อให้เกิดการสูญเสียฟันได้ในที่สุด

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สุขภาพฟันของผู้สูงอายุก็สำคัญไม่ต่างกับทันตกรรมของทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ เราอยากให้ผู้สูงอายุมีฟันที่แข็งแรง ยิ้มสวยไม่ต้องใส่ฟันปลอมกันทุกคนค่ะ

บริการสอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายทันตกรรมผู้สูงอายุ
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

ทันตกรรมผู้สูงอายุ #นัดหมายทันตกรรมผู้สูงอายุ #BPDC #คลินิกทันตกรรม #คลินิกทำฟันบางพลี

สัญญาณเตือนว่าฟันเราอาจจะมีปัญหา

สัญญาณเตือนว่าฟันเราอาจจะมีปัญหา

ปัญหาเกี่ยวกับฟันนั้นค่อนข้างมีหลากหลาย แต่ว่าอาการบางชนิดเราจะปล่อยละเลยไม่ได้ ควรต้องพิจารณาเป็นพิเศษในการดูแล ซึ่งหากท่านใดที่มีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาทันแพทย์โดยเร็วไว

– ปวดฟันตลอดเวลา
– มีกลิ่นปากมากขึ้น
– ฟันมีคราบฟันเหลือง
– มีเลือดออกขณะแปรงฟัน

หากมีสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาทันแพทย์ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม อย่าได้ชะล่าใจ รีบไปพบทันตแพทย์ อย่าปล่อยให้สายจนกระทั้งเสียฟันในปากของเราไปนะค่ะ

ติดต่อเราเพื่อนัดหมายปรึกษาทันแพทย์.
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #ปรึกษาทันแพทย์ #ฟันมีปัญหา #สัญญาณเตือนฟัน #พบทันตแพทย์

การสูญเสียฟัน 1 ซี่เกิดอะไรได้บ้าง

การสูญเสียฟัน 1 ซี่เกิดอะไรได้บ้าง

หลายๆ คนจะละเลยและปล่อยว่างเรื่องของการที่เราสูญเสียฟันของเราออกไป ไม่ว่าจะด้วยการถอนออก หรือฟันหลุดออกไป ซึ่งถ้าเราไม่ทำอะไรปล่อยไว้อย่างนั้น จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันเพิ่มอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

  • ฟันหายไม่มีฟันทดแทน
  • ฟันบนยื่นลงมา ฟันข้างเคียงล้ม
  • เศษอาหารติด ทำให้ฟันข้างเคียงผุ
  • จนทำให้เสียฟันเพิ่ม

ภายหลังการถอนฟันควรต้องใส่ฟันทดแทน เพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆ ตามมาที่คลินิกทันตกรรม BPDC เรามีทันตแพทย์ที่เชี่ยวงชาญในการฝังรากฟันเทียมทดแทน

โดยใช้ระบบ Dital 3D Implant เพื่อความแม่นยำในการฝังรากฟันเทียมได้มากที่สุดและคนไข้เจ็บน้อยที่สุด

ติดต่อเราเพื่อนัดหมายปรึกษาทำรากฟันเทียม
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #รากฟันเทียม #ถอนฟัน #ฟันทดแทน #รากฟันเทียมทดแทน

5 ยาสีฟันรักษาฟันผุ ระดับพรีเมี่ยม

5 ยาสีฟันรักษาฟันผุ ระดับพรีเมี่ยม

ปัจจุบันยาสีฟันในตลาดมีมากมาย แต่ว่ายาสีฟันไหนดี ยาสีฟันไหนเหมาะกับเรา ก็ต้องทำการลองใช้เอง ซึ่งบางทีซื้อมาอาจจะใช้แค่ครั้งเดียว หรือบางครั้งลองใช้ยาสีฟันเท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจวันนี้ผมจะมาแนะนำยาสีฟันที่ช่วยรักษาฟันผุที่หาซื้อได้ง่ายๆครับ

1.Dentiste’ Plus White

2.Ora2 สูตร Premium Mint

3.Pure Ora สูตร Mild Herb

4.Sparkle Natural Fresh

5.Skynlab Premium

การเลือกยาสีฟันรักษาฟันผุ ระดับพรีเมี่ยม

ยาสีฟันเพื่อฟันขาว
ยาสีฟันประเภทนี้นับว่าเป็นที่นิยมในคนทุกหมู่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีปัญหาจากการจัดฟัน ฟันเหลืองจากชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่ โดยส่วนใหญ่จะไม่ใส่สารฟอกขาว หรืออาจมีบ้างเล็กน้อย อย่างที่เราอธิบายไปตอนต้นในเรื่องของการฟอกขาวนั้นทำให้เกิดการกัดกร่อนฟันได้

ยาสีฟันลดคราบหินปูน
คราบหินปูนถือเป็นปัญหาที่น่ารำคาญใจ และเป็นสาเหตุหลักของโรคเหงือกอักเสบ อย่างที่เราเห็นในทั้งยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่เน้นการกำจัดคราบพลัคและคราบหินปูน จะประกอบด้วยส่วนผสมที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียในช่องปากซึ่งซ่อนอยู่ในคราบพลัคนั่นเอง

ยาสีฟันแก้ปัญหาเหงือก
เมื่อเกิดหินปูนแล้ว ปัญหาที่ตามมาคือเหงือกอักเสบซึ่งเกิดจากกรดและแบคทีเรียจากปัญหาด้านบนนี่แหละ สำหรับสารที่น่าจะเคยได้ยินกันเรียกว่า ไซลิทอล คือสารที่ช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดด่างในช่องปาก และหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้

ยาสีฟันฟลูออไรด์
ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่ได้รับการรับรองจากแพทย์แล้วว่าไม่เป็นอันตราย แต่อะไรที่มากเกินไปก็ไม่เป็นผลดี ฟลูออไรด์ที่เกินปริมาณสามารถทำให้ฟันตกกระได้ ไม่สวยงาม โดยประโยชน์ของยาสีฟันประเภทนี้คือการป้องกันฟันผุและลดการก่อหินปูนนั่นเอง และยังทำให้ฟันที่โดนกัดกร่อนเล็กน้อยกลับมาแข็งแรงได้อีกด้วย

ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน
ในยาสีฟันประเภทนี้จะมีการปรับลดสารขัดฟันลง เพื่อให้ลดการกัดกร่อนฟัน ยาสีฟันจะประกอบด้วยสาร เช่น โพแทสเซียมไนเตรต หรือสตรอนเทียมคลอไรด์ ที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน โดยใครที่ใช้แล้วไม่ได้ผล อาจลองหันไปพึ่งยาสีฟันฟลูออไรด์ดูก็ได้ หรือหันไปปรึกษาแพทย์จะเป็นการดีที่สุด

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #ยาสีฟัน #ยาสีฟันพรีเมี่ยม

5 อาหารและเครื่องดื่มทำลายฟัน

5 อาหารและเครื่องดื่มทำลายฟัน

อาหารการกินของแต่ละคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราจะมานำทุกท่านให้รู้ถึงอาการและเครื่องดื่มที่ทำลายฟันมีอะไรกันบ้างค่ะ

  1. ลูกอม เป็นสิ่งที่เรารู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าไม่ควรรับประทานเพราะจะทำให้ฟันผุ เนื่องจากในลูกอมมีน้ำตาลจำนวนมาก และต้องอมเป็นเวลานากว่าจะละลายหมด และทิ้งคราบน้ำตาลไว้ในช่องปาก ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นกรด เมื่อเกาะอยู่บนฟันนาน ๆ จะทำให้เกิดฟันผุได้
  2. ขนมเค้ก เป็นตัวการหนึ่งที่อาจจะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถอดใจไม่ทานของหวานแสนอร่อยนี้ได้ เมื่อเป็นของหวานแน่นอนเลยว่าต้องมีส่วนผสมของน้ำตาล ศัตรูตัวร้ายที่คอยจ้องจะทำร้ายฟันและเหงือกเราตลอดเวลา เมื่อรู้อย่างนี้แล้วสาวๆ คงต้องตัดใจจากขนมหวานชนิดนี้แล้วล่ะค่ะ
  3. น้ำอัดลม ไวน์ขาว หรือของดอง มักเต็มไปด้วยน้ำตาลและกรดที่ส่งผลร้ายต่อฟันของคุณ เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้ฟันผุ และปวดฟันมาก คุณจึงควรมองหาเครื่องดื่มประเภทอื่นที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและฟันอย่าง เช่น ‘น้ำเปล่า’ หรือน้ำผลไม้ที่ไม่ฤทธิ์เป็นกรดและไม่ผสมน้ำตาล
  4. ชาและกาแฟมี ‘สารแทนนิน’ (Tannin) ที่จะทำให้เกิดคราบเหลืองติดผิวฟันของคุณไม่น่ามองแล้ว ยังมีน้ำตาลศัตรูตัวฉกาจของฟันอยู่อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มชาและกาแฟแบบร้อนจะทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ปาก เช่น บริเวณเหงือก เพดานเหงือก กระพุ้งแก้ม และลิ้น ซึ่งเนื้อเยื่อเหล่านี้ฟื้นฟูตัวเองได้ช้ามาก และเมื่อถูกทำลายเป็นประจำจนมีชั้นผิวที่บางลงเรื่อยๆ
  5. ช็อกโกแลต หากกัดเข้าไปมีความเสี่ยงต่อฟันแตกแน่นอน ฟันหน้าของเรามีความบางมากไม่เหมาะกับการใช้กัดของแข็ง หากต้องการทานช็อกโกแล็ตแบบแข็งควรหักเป็นชิ้นพอดีคำ หรือรอให้นิ่มก่อน จะช่วยให้ฟันของเราใช้งานได้อีกยาวนาน

สรุปคือ ยิ่งเป็นของหวานของที่สารกัดกร่อนฟันก็ไม่ควรทานเยอะ ทานน้อยๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ หมั่นแปรงฟัน หรือ ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อนัดเข้าตรวจสุขภาพฟันทันตกรรมเป็นประจำค่ะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายตรวจสุขภาพฟัน
โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #ตรวจสุขภาพฟัน #อาหารทำลายฟัน

อายุที่เหมาะในการจัดฟัน การจัดฟันสำหรับเด็กๆ ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะมีคำถามเรื่องนี้บ่อยๆ เกี่ยวกับอายุเท่าไหร่ควรจัดฟันดี ซึ่งวันนี้เรามีคำแนะนำจากทีมแพทย์ทันตกรรมเฉพาะทางมาแนะนำกันค่ะ "อายุที่เหมาะสม"กับการจัดฟัน โดยทั่วไปคือ 12-15 ปี วัยรุ่น เรียนชั้นมัธยมค่ะ เป็นช่วงที่ฟันน้ำนมหลุดหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นมาครบแล้ว หรืออาจจะพิจารณาจากการพัฒนาของกะโหลกศีรษะและใบหน้าด้วยค่ะ การจัดฟันตามอายุ จะแบ่งเป็น 3 วัย 1. วัยเด็ก (ระยะชุดฟันผสม) เป็นระยะที่ฟันหน้าและฟันกรามถาวรซี่แรกขึ้นเรียบร้อยแล้ว ควรจัดฟัน เพื่อแก้นิสัยหรือความผิดปกติที่เกิดจากขากรรไกร โดยมีเครื่องมือชักนำและปรับเปลี่ยนทิศทางการเจริญเติบโตของฟัน 2. วัยรุ่น (ระยะฟันถาวร) เป็นระยะที่ฟันแท้ถาวรจะขึ้นเรียบร้อยแล้ว เป็นระยะที่เหมาะสมในการจัดฟันเพื่อแก้ไขตำแหน่งฟันผิดปกติ เช่นอาจจะต้อถอนฟันบางซี่เพื่อจัดระเบียบ 3. วัยผู้ใหญ่ การจัดฟันแก้ไขได้เฉพาะความผิดปกติของตำแหน่งฟันและเป็นวัยที่พอจะมีเงินในการจัดฟัน รวมถึงเริ่มรักสวยรักงาม เปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณหมอแนะนำมาว่า หากต้องการจัดฟันตั้งแต่เด็กๆ ควรเลือกใส่เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้นะ เพื่อช่วยแก้ไขได้ง่ายๆ เลี่ยงการรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อนในอนาคต ดังนั้น การพาเด็กๆ พบทันตแพทย์บ่อยๆ เป็นประจำตรวจฟันตั้งแต่เล็ก จะได้รีบรักษา รวมทั้งให้วิธีการป้องกันฟันผุและเพื่อตรวจพบความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันแต่เนิ่นๆ และจะได้วางแผนเวลา และวิธีการรักษาที่เหมาะสม สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829 Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก) www.bpdcdental.com #BPDC #คลินิกทันตกรรม #จัดฟัน #จัดฟันเด็ก

อายุที่เหมาะในการจัดฟัน

อายุที่เหมาะในการจัดฟัน

การจัดฟันสำหรับเด็กๆ ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะมีคำถามเรื่องนี้บ่อยๆ เกี่ยวกับอายุเท่าไหร่ควรจัดฟันดี ซึ่งวันนี้เรามีคำแนะนำจากทีมแพทย์ทันตกรรมเฉพาะทางมาแนะนำกันค่ะ

“อายุที่เหมาะสม”กับการจัดฟัน โดยทั่วไปคือ 12-15 ปี วัยรุ่น เรียนชั้นมัธยมค่ะ เป็นช่วงที่ฟันน้ำนมหลุดหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นมาครบแล้ว หรืออาจจะพิจารณาจากการพัฒนาของกะโหลกศีรษะและใบหน้าด้วยค่ะ

การจัดฟันตามอายุ จะแบ่งเป็น 3 วัย

  1. วัยเด็ก (ระยะชุดฟันผสม) เป็นระยะที่ฟันหน้าและฟันกรามถาวรซี่แรกขึ้นเรียบร้อยแล้ว ควรจัดฟัน เพื่อแก้นิสัยหรือความผิดปกติที่เกิดจากขากรรไกร โดยมีเครื่องมือชักนำและปรับเปลี่ยนทิศทางการเจริญเติบโตของฟัน
  2. วัยรุ่น (ระยะฟันถาวร) เป็นระยะที่ฟันแท้ถาวรจะขึ้นเรียบร้อยแล้ว เป็นระยะที่เหมาะสมในการจัดฟันเพื่อแก้ไขตำแหน่งฟันผิดปกติ เช่นอาจจะต้อถอนฟันบางซี่เพื่อจัดระเบียบ
  3. วัยผู้ใหญ่ การจัดฟันแก้ไขได้เฉพาะความผิดปกติของตำแหน่งฟันและเป็นวัยที่พอจะมีเงินในการจัดฟัน รวมถึงเริ่มรักสวยรักงาม เปลี่ยนแปลงตัวเอง

คุณหมอแนะนำมาว่า ข้อดีของการจัดฟันตั้งแต่เด็กๆ ควรเลือกใส่เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้นะ เพื่อช่วยแก้ไขได้ง่ายๆ เลี่ยงการรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อนในอนาคต

ดังนั้น การพาเด็กๆ พบทันตแพทย์บ่อยๆ เป็นประจำตรวจฟันตั้งแต่เล็ก จะได้รีบรักษา รวมทั้งให้วิธีการป้องกันฟันผุและเพื่อตรวจพบความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันแต่เนิ่นๆ และจะได้วางแผนเวลา และวิธีการรักษาที่เหมาะสม อ่านเพิ่มเติม จัดฟันมีกี่แบบ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายจัดฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)
www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #จัดฟัน #จัดฟันเด็ก

การดูแลฟันตามช่วงอายุของเด็ก

การดูแลฟันตามช่วงอายุของเด็ก

การดูแลฟันตามช่วงอายุ

ฟันเด็กๆมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมือที่แตกต่างตามวัย
จึงมีวิธีการทำความสะอาดช่องปากที่แตกต่างกันนะคะ
เรามาช่วยดูแลเด็กๆให้ฟันสะอาดกันค่า

  1. ช่วงที่ไม่มีฟัน คือโอกาสทองทำให้เด็กคุ้นเคยกับการทำความสะอาดช่องปากและจะทำให้เมื่อโตขึ้นมาเขาจะชอบการแปรงฟันได้ง่ายมากขึ้น

ทำง่ายๆ โดยการเช็ดเหงือกและลิ้นด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ ช่วงเช้าและก่อนนอน

  1. เรามาแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ให้เด็กๆตั้งแต่ซี่แรกกันนะคะ

เคล็ดลับ คือทำให้เด็กอยู่นิ่ง จับเด็กให้นอนบนตัก ถ้าเด็กดิ้น อาจมีการใช้ขาหรือมีคนช่วยยึดตัวให้เด็กนิ่งขึ้น แล้วแหวกริมฝีปากให้เห็นฟันแต่ละซี่ชัดๆ แปรงถูไปมา 10 ครั้งต่อซี่ เราลองนับ 1-10 ช่วยให้เด็กและเราใจเย็นขึ้นด้วยค่ะ

  1. ช่วงเด็ก 1-3 ปี ผู้ปกครองยังต้องแปรงฟันให้เด็ก โดยให้เด็กนอนหนุนตัก เพื่อให้เห็นทุกซี่ แปรงฟันถูไปมาแนวขวาง 10-15 ครั้งต่อซี่ ทุกซี่

ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่หาวิธีเชิญชวนได้มากมายเลย ร้องเพลง เล่านิทาน จัดไปเลยค่ะ

  1. ช่วงเด็ก 3-6 ปี เด็กอาจอยากลองแปรงฟันเองแล้ว แต่กล้ามเนื้อมืออาจยังทำได้ไม่ดี
    ผู้ปกครองยังคงต้องแปรงฟันให้เด็กโดยถูไปมาแนวขวาง 10-15 ครั้งต่อซี่ ทุกซี่ ถ้าเด็กเริ่มโต ผู้ปกครองอาจยืนอยู่ด้านหลังตัวเด็กเพื่อช่วยแปรงให้เด็ก หรือแปรงซ้ำให้เขานะคะ
  2. อายุ 6 ปี ขึ้นไปเด็กอาจเริ่มแปรงฟันด้วยตัวเองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กล้ามเนื้อมือเขาก็ยังไม่พร้อมนัก
    ผู้ปกครอง ต้องช่วยตรวจความสะอาดและแปรงซ้ำให้เด็ก นะคะ สู้ๆนะคะ
    ปล. ยังแปรงฟันถูไปมาแนวขวาง 10-15 ครั้งต่อซี่ ทุกซี่ค่ะ

เพราะเด็กๆ ก็มีหัวใจ อยากยิ้มสวยไร้ฟันผุ ฟันผุป้องกันได้

“เพียงพบทันตแพทย์ ทุกๆ 6 เดือน”

ติดต่อคลินิกทันตกรรม BPDC

หากต้องการนัดหมายเพื่อปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็ก

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829

Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental

ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

www.bpdcdental.com

#BPDC #คลินิกทันตกรรม #ทันตกรรมเด็ก #เคลือบฟลูออไรด์

ตามไปดู ขั้นตอนการถอนฟันกราม

ตามไปดู ขั้นตอนการถอนฟันกราม

คงไม่มีใครอยากจะสูญเสียฟันไปถ้าไม่จำเป็น จริงไหมคะ เพราะฟันนั้นเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ในด้านการบดเคี้ยวอาหาร ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับฟันเพียงหนึ่งซี่ ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวก็จะลดลงตามไปด้วย แต่ทว่า ในบางกรณีก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ หากเราได้รู้ถึงกระบวนการในการถอนฟันกราม เราก็จะเข้าใจและเตรียมตัวพร้อมรับการถอนและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องหลังจากถอนฟันแล้ว

การเตรียมตัวก่อนการถอนฟันกราม

          โดยทั่วไปแล้วการถอนฟันกรามเป็นงานทันตกรรมที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากกระบวนการถอนและดูแลหลังจากการถอนไม่ถูกต้องมากพอ การเตรียมตัวก่อนการถอนฟันกรามจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งทำได้ดังนี้
            1. ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยการนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง
            2. ทำใจให้สบาย หากพบว่าตัวเองมีอาการเครียดและกลัวมาก ๆ ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ
            3. สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติโรคเลือด เลือดออกง่าย หยุดยาก ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบก่อนการถอนฟันกราม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นหลังจากการถอนฟัน
            4. ทานอาหารแต่พอประมาณ อย่าปล่อยให้หิวหรือท้องว่างนานไป เนื่องจากหลังจากถอนฟัน คุณจะไม่สามารถทานอะไรได้ในช่วง 1 – 2  ชั่วโมงแรก จำเป็นต้องกัดผ้าก็อซไว้เพื่อให้เลือดหยุดไหล
            5. ในขณะเดียวกัน ไม่ควรทานอาหารมากเกินไป เพราะอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนหลังจากการถอนฟัน ซึ่งสามารถเกิดปัญหาทางเดินหายใจอุดตันจากการสำลักอาหารได้

ขั้นตอนการถอนฟันกราม

          กระบวนการถอนฟันกรามโดยทั่วไปนั้นทำได้ไม่ยาก สามารถถอนมาได้โดยปกติ แต่อาจจะใช้เวลาที่นานกว่าฟันซี่อื่น ๆ หากฟันกรามซี่นั้นไม่มีความปกติ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
            1. ทันตแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และประวัติทางทันตกรรม รวมถึงวางแผนการถอน แล้วทำการเอกซเรย์ฟัน ซึ่งการเอกซเรย์จะทำให้เห็นลักษณะ รูปร่าง ความยาว และตำแหน่งของฟัน รวมถึงกระดูกบริเวณรอบ ๆ ฟัน ข้อมูลส่วนนี้จะทำให้ทันตแพทย์สามารถประเมินระดับความยากง่ายในการถอนฟันได้
            2. ก่อนการถอนฟันกราม ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณรอบ ๆ ฟันที่จะถอน
            3. เมื่อทันตแพทย์ทดสอบว่ายาชาได้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ในการถอนฟันกรามธรรมดานั้น ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับแซะเพื่อทำให้ฟันหลวมออกจากเหงือก จากนั้นจะใช้คีมถอนฟันเพื่อถอนฟันออกมาในกรณีที่ยังมีเนื้อฟันเหลืออยู่มากพอสมควร ซึ่งจะไม่ใช้ในกรณีที่ฟันผุลึกถึงราก ตะทำให้ฟันเปราะแตกหักง่าย ซึ่งในกรณีของฟันกรามที่ถอนยาก ทันตแพทย์อาจจะต้องใช้การถอนโดยการแบ่งฟัน ซึ่งเป็นวิธีการถอนฟันเพื่อให้สะดวกในการนำฟันและรากฟันออกทีละส่วน
            4. หลังการถอนแล้ว ตามธรรมชาติร่างกายจะทำการสร้างลิ่มเลือดออกมาเพื่อปิดบาดแผลเอาไว้ จากนั้นทันตแพทย์จะพับผ้าก็อซมาวางไว้บนแผลเพื่อกัดในการห้ามเลือด ซึ่งในบางกรณีอาจจำเป็นต้องเย็บแผลเพื่อปิดขอบเหงือกเหนือแผลที่ถอนฟันกราม และเดี๋ยวนี้คลินิกส่วนใหญ่ใช้ไหมละลายกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกลับไปให้หมอตัดไหมให้อีก

การดูแลตัวเองหลังการถอนฟันกราม

            1. กัดผ้าก็อซให้แน่นประมาณ 1 ชั่วโมง หากมีเลือดหรือน้ำลายควรกลืน ไม่ควรบ้วนทิ้ง
            2. งดการสนทนาในช่วงที่กัดผ้าก๊อซ เนื่องจากการพูดคุยจะทำให้ปากของเราคลาย ไม่สามารถกัดผ้าก็อซได้ นั่นจะส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า
            3. เมื่อครบ 1 ชั่วโมงให้คายผ้าก็อซทิ้ง แต่หากพบว่ายังมีเลือดไหลอยู่ ให้เปลี่ยนผ้าก็อซใหม่กัด
            4. ทานอาหารที่นิ่ม เคี้ยวง่ายในช่วงแรกของการถอน
            5. หลัง 1 ชั่วโมง เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจจะมีอาการปวด สามารถบรรเทาได้ด้วยการทานยาแก้ปวด

            เห็นไหมคะว่า การถอนฟันกรามไม่ได้มีอะไรซับซ้อนและยุ่งยาก รวมถึงไม่ได้น่ากลัวอย่างทีเราคิดกัน หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายถอนฟัน

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
https://bpdcdental.com/
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

#คลินิกทันตกรรม #BPDC #ถอนฟัน #ถอนฟันกราม

วิธีการปลูกกระดูกเทียม

วิธีการปลูกกระดูกเทียม

ข้อดี-ข้อเสียการปลูกกระดูกเทียม

ในปัจจุบันเทคนิคการปลูกกระดูกก็จะมีหลัก ๆ ใหญ่อยู่ 2 วิธี
วิธีที่หนึ่งก็คือการนำกระดูกตัวเองมาปลูก วิธีที่สองคือการใช้กระดูกเทียม
ซึ่งทั้งสองวิธีจะมีขั้นตอนและกระบวนการที่แตกต่างกันไป ในกรณีที่คนไข้สูญเสียกระดูกไปจำนวนมาก ต้องการกระดูกปริมาณค่อนข้างเยอะ อาจจะพิจารณาเอากระดูกตัวเองมาเสริมตรงบริเวณที่จะฝังรากเทียม
อันนี้เรียกว่า Autogenous Bone Grafting

การเอากระดูกตัวเองมาเสริมบริเวณที่จะฝังรากเทียม
ข้อดี ก็คือว่ามันเป็นกระดูกของเราเองโอกาสที่จะยึดติดก็มีค่อนข้างเยอะแต่ขอเสียที่เป็นข้อเสียหลัก ๆ เลย ก็คือว่ามันมักจะละลายตัวค่อนข้างง่าย และมีความเจ็บปวดหลังทำค่อนข้างมาก เนื่องจากว่าจะมีบริเวณที่ผ่าตัดทั้งหมด 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งแรกก็คือ ตำแหน่งที่เราเอากระดูกเทียมมา
ปัจจุบันตำแหน่งที่เอากระดูกเทียมมา หรือเรียกว่า Donor Site จะเอามาจากขากรรไกรล่างด้านหลัง บริเวณใกล้ ๆ กับฟันคุดของเรา จะตัดกระดูกออกมาเป็นชิ้นปริมาณที่เราต้องการ แล้วเราก็จะเอาไปใส่หรือเสริมในตำแหน่งที่เราต้องการฝังรากเทียม

ฉะนั้น วิธีนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ฟันหายไปค่อนข้างเยอะ ต้องการ Volume ของกระดูกค่อนข้างเยอะ
ข้อเสีย คนไข้ก็จะเจ็บตัวและอาศัยเวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ระยะเวลาในการรอหลังจากการปลูกกระดูกด้วยวิธีการนำกระดูกตัวเองมาปลูก เราจะต้องรอระยะเวลาประมาณ 4 เดือน หลังจากนั้นเราถึงจะมาฝังรากเทียมต่อไป

ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็จะใช้กันอย่างแพร่หลายค่อนข้างเยอะ
ก็คือการนำกระดูกเทียมที่ได้จากการสังเคราะห์มาปลูกบริเวณที่เราต้องการปลูก
ข้อดีก็คือไม่จำเป็นจะต้องเจ็บตัว 2 ตำแหน่ง เราก็ใช้ผงกระดูกเทียมที่ผลิตจากบริษัท ซึ่งกระดูกเทียมทำมาจากหลาย ๆ วัสดุ ก็คือมีส่วนประกอบหลายอย่าง คุณหมอจะเลือกใช้ตามตำแหน่งที่เหมาะสม เลือกใช้ชนิดของกระดูกตามตำแหน่งของกระดูกที่หายไปแบบเหมาะสม ข้อดีก็อย่างที่บอกเจ็บตัวตำแหน่งเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อเสียก็คือว่า ระยะเวลาที่เราต้องรอการหายกว่าจะฝังรากเทียมได้กว่าจะกลายเป็นกระดูกจริง ต้องใช้ระยะเวลานานนิดนึง อาจใช้เวลาสัก 6-8 เดือน

ผลของการปลูกกระดูกเทียม

ปริมาณกระดูกที่เทียมที่ใส่เข้าไป มักจะคาดเดาผลไม่ได้ 100% ในกรณีที่เราใส่เข้าไป 100% เราอาจจะได้กระดูกตามที่เราต้องการ กระดูกเหลือจาก 6-8 เดือน แค่ประมาณ 40-60% โดยปกติการคำนวณการที่เราเสริมกระดูก
คุณหมอก็จะใส่เกินอยู่แล้ว ฉะนั้น เรื่องของปริมาณกระดูกที่ได้
ก็เป็นอะไรที่อาจจะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป

อาการหลังจากปลูกกระดูกเทียม

นอกจากนี้ การปลูกกระดูกไม่ว่าจะใช้กระดูกเทียม
หรือกระดูกของตัวเองมักจะมีอาการปวดและบวมค่อนข้างมากกว่าการฝังรากเทียมโดยปกติ เนื่องจากว่าเป็นการใส่วัสดุอื่น หรือว่าสิ่งอื่นเข้าไปเสริมในบริเวณนั้น จะต้องมีการอักเสบ การหายของแผล ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน โดยปกติแล้วก็อาจจะบวม หรือว่าปวดประมาณ 1-2 สัปดาห์

ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จการปลูกกระดูกเทียม

การยึดติดของกระดูก หรือผลสำเร็จในการปลูกกระดูกจะมากน้อยไหน
ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น หลังจากปลูกกระดูกแล้วคนไข้
จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด
ถ้าเกิดว่าสูบบุหรี่ก็ต้องงดสูบบุหรี่
ถ้ามีการใส่ฟันปลอมบริเวณนั้นจะต้องมีการงดใส่ก่อนช่วงแรก
หรือว่าอาจจะต้องใส่เฉพาะเวลาที่จำเป็น ไม่ใส่เคี้ยวอาหาร
เนื่องจากฟันปลอมสามารถกดบริเวณที่ปลูกกระดูก
ทำให้เกิดการแตกของแผล การปลูกกระดูกที่ทำไปก็อาจจะล้มเหลวได้ นอกจากนี้ร่างกายคนเราก็มีการหาย หรือการเสริมสร้างต่างกัน ปริมาณกระดูกที่ได้ในแต่ละคน บางทีก็ไม่เท่ากัน

หลังการปลูกกระดูกเทียม

ฉะนั้น เมื่อเราผ่านการปลูกกระดูกมาแล้ว ก่อนที่จะมีการฝังรากเทียม คุณหมอก็จะมีการประเมินว่า ปริมาณกระดูกที่ได้เพียงพอหรือยังถ้าเกิดเพียงพอต่อการฝังรากเทียมแล้ว เราก็จะสามารถฝังได้ โดยอาจจะต้องมีการเสริมกระดูกเพิ่มเติมในกระบวนการ พร้อมกับการฝังรากเทียมไป

ที่คลินิกทันตกรรม BPDC ของเรามีทีมทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ด้านการรักษารากฟันเทียม วัสดุรากฟันเทียมมาตรฐานยุโรป รวมถึงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมี Software CAD / CAM Dentistry ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำรากฟันเทียมให้ดียิ่งขึ้น

สอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายเพื่อทำรากฟันเทียม

โทรศัพท์ 02-0665455 , 092-5187829
Line id: @bpdc หรือ bpdc.dental
ที่อยู่ : คลินิกทันตกรรม BPDC ถนนกิ่งแก้ว บางพลี สมุทรปราการ (มีที่จอดรถใต้ตึก)

www.bpdcdental.com

BPDC #คลินิกทันตกรรม #รากฟันเทียม #รักษารากฟันเทียม #CadCam